สวิงเทรดคืออะไร?

2024-10-04
สรุป

ยกระดับทักษะการซื้อขายแบบสวิงของคุณด้วยกลยุทธ์ของ EBC รวมถึงการติดตามแนวโน้มและเทคนิคการทะลุกรอบ เพื่อปรับปรุงความสำเร็จและจัดการความเสี่ยง

การเทรดแบบสวิงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่เทรดเดอร์ที่ต้องการใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้นถึงระยะกลางในตลาดการเงิน ซึ่งแตกต่างจากการเทรดแบบเดย์เทรดที่ตำแหน่งต่างๆ จะปิดภายในวันเดียว การเทรดแบบสวิงเกี่ยวข้องกับการถือตำแหน่งไว้หลายวันหรือหลายสัปดาห์ ทำให้เทรดเดอร์ได้รับประโยชน์จากการแกว่งตัวของราคาในวงกว้าง กลยุทธ์นี้ให้โอกาสในการทำกำไรได้มากขึ้นโดยไม่ต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่กดดันสูงที่เกี่ยวข้องกับการเทรดแบบเดย์เทรด ในบทความนี้ เราจะมาสำรวจว่าการเทรดแบบสวิงคืออะไร ทำงานอย่างไร และกลยุทธ์สำคัญในการประสบความสำเร็จอย่างสม่ำเสมอในการเทรดรูปแบบนี้

Swing Trading Strategies

ทำความเข้าใจการซื้อขายแบบสวิง

การเทรดแบบสวิงเป็นวิธีการซื้อขายที่มุ่งหวังที่จะจับความผันผวนของราคา ซึ่งเรียกอีกอย่างว่า "การสวิง" ในสินทรัพย์ทางการเงินต่างๆ เช่น หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ หรือคู่สกุลเงิน ผู้ซื้อขายจะถือสถานะในช่วงระยะเวลาสั้นถึงระยะกลาง โดยปกติจะอยู่ในช่วงไม่กี่วันหรือหลายสัปดาห์ เพื่อพยายามทำกำไรจากแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลง วิธีนี้แตกต่างจากการซื้อขายแบบรายวัน ซึ่งสถานะทั้งหมดจะถูกปิดภายในวันเดียวกัน และการลงทุนระยะยาว ซึ่งสถานะอาจถูกถือครองไว้เป็นเวลาหลายเดือนหรือหลายปี ผู้ซื้อขายแบบสวิงมักเน้นที่การวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อระบุจุดเข้าและจุดออกที่ถูกต้องในการเทรด


เทรดเดอร์แบบสวิงจะวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาผ่านแผนภูมิและตัวบ่งชี้ทางเทคนิค เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (MA) ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพันธ์ (RSI) และระดับการย้อนกลับของฟีโบนัชชี โดยการระบุรูปแบบและแนวโน้ม พวกเขาจะเข้าทำการซื้อขายในช่วงเริ่มต้นของแนวโน้มและออกจากการซื้อขายก่อนที่แนวโน้มจะกลับตัว วิธีนี้ช่วยให้พวกเขาจับการเคลื่อนไหวราคาในช่วงกลางได้ ซึ่งจะทำให้ได้กำไรสูงสุด


เหตุใดการเทรดแบบสวิงจึงเป็นที่นิยม?

การเทรดแบบสวิงดึงดูดใจเทรดเดอร์จำนวนมาก เนื่องจากสามารถสร้างสมดุลที่สมบูรณ์แบบระหว่างการซื้อขายรายวันแบบความเร็วสูงและความอดทนที่จำเป็นสำหรับการลงทุนในระยะยาว ความยืดหยุ่นของการซื้อขายแบบนี้ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถจดจ่ออยู่กับการเฝ้าดูตลาดได้ตลอดทั้งวันแต่ยังคงต้องการใช้ประโยชน์จากแนวโน้มระยะสั้น การถือสถานะเป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ทำให้เทรดเดอร์แบบสวิงสามารถใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงราคาครั้งใหญ่ได้โดยไม่ต้องเครียดและกดดันจากการซื้อขายที่รวดเร็วและต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีเวลาเหลือมากขึ้นในการวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดและตัดสินใจที่ดีขึ้น


เหตุผลอีกประการหนึ่งที่ทำให้เป็นที่นิยมคือศักยภาพในการให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น ผู้ซื้อขายแบบสวิงสามารถใช้ประโยชน์จากความเคลื่อนไหวของตลาดซึ่งอาจใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์กว่าจะเกิดขึ้นได้ ทำให้พวกเขาสามารถขี่แนวโน้มได้เป็นระยะเวลานานขึ้นและได้รับผลตอบแทนที่มากขึ้น นอกจากนี้ การเทรดแบบสวิงยังมีกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงที่ละเอียดอ่อนกว่าเมื่อเทียบกับกรอบเวลาที่สั้นกว่าในการเทรดแบบรายวัน ด้วยระยะเวลาที่ยาวนานขึ้นในการกำหนดคำสั่งตัดขาดทุนและจุดทำกำไร ผู้ซื้อขายแบบสวิงจึงสามารถควบคุมความเสี่ยงที่ตนรับได้มากขึ้น


กลยุทธ์การซื้อขายแบบสวิงหลัก

หากต้องการประสบความสำเร็จในการเทรดแบบสวิง เทรดเดอร์จะต้องใช้กลยุทธ์ที่ผ่านการค้นคว้าและทดสอบมาเป็นอย่างดี สามกลยุทธ์ที่เทรดเดอร์แบบสวิงใช้กันทั่วไป ได้แก่ การติดตามแนวโน้ม การซื้อขายแบบ Breakout และการย้อนกลับของ Fibonacci


กลยุทธ์การติดตามแนวโน้มเป็นหนึ่งในเทคนิคที่ใช้กันอย่างแพร่หลายที่สุดในการซื้อขายแบบสวิง เทรดเดอร์จะวิเคราะห์ทิศทางโดยรวมของตลาดและพยายามเปิดตำแหน่งที่สอดคล้องกับแนวโน้มที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มขาขึ้น (ขาขึ้น) หรือแนวโน้มขาลง (ขาลง) โดยการใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ เส้นแนวโน้ม และรูปแบบแผนภูมิ เทรดเดอร์สามารถยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้มและกำหนดเวลาเข้าซื้อขายได้ตามความเหมาะสม ตัวอย่างเช่น หากหุ้นอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น เทรดเดอร์อาจซื้อสินทรัพย์นั้นและถือไว้จนกว่าราคาจะเข้าใกล้ระดับแนวต้าน


กลยุทธ์การทะลุแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญในตลาดและรอให้ราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญเหล่านี้ การทะลุแนวรับหรือแนวต้านมักเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นของแนวโน้มใหม่ ซึ่งเป็นจุดเข้าที่เหมาะสม เพื่อยืนยันการทะลุแนวรับ เทรดเดอร์มักมองหาปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นหรือตัวบ่งชี้ทางเทคนิคอื่นๆ ที่สนับสนุนการเคลื่อนไหว ตัวอย่างเช่น หากหุ้นทะลุแนวต้านที่ถือไว้เป็นเวลานาน เทรดเดอร์ที่มีแนวโน้มจะเข้าซื้อโดยคาดหวังว่าราคาจะเคลื่อนไหวขึ้นต่อไป


เทคนิคยอดนิยมอีกอย่างหนึ่งคือกลยุทธ์การย้อนกลับของฟีโบนัชชี ซึ่งเทรดเดอร์ใช้ระดับฟีโบนัชชีเพื่อคาดการณ์พื้นที่ที่อาจเกิดแนวรับหรือแนวต้าน ระดับเหล่านี้ถือว่าราคาจะย้อนกลับไปยังส่วนที่คาดการณ์ได้ของการเคลื่อนไหวก่อนที่จะดำเนินต่อไปในทิศทางเดิม ตัวอย่างเช่น หลังจากการเคลื่อนไหวขาขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เทรดเดอร์อาจรอให้ราคาถอยกลับไปที่ระดับการย้อนกลับของฟีโบนัชชี 38.2% ก่อนที่จะเข้าสู่ตำแหน่งซื้อใหม่


การจัดการความเสี่ยงในการซื้อขายแบบสวิง

การบริหารความเสี่ยงถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเทรดแบบสวิง เนื่องจากการถือตำแหน่งข้ามคืนหรือหลายวันอาจทำให้พวกเขาเผชิญกับความผันผวนของตลาดได้ ประเด็นที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งของการจัดการความเสี่ยงในการเทรดแบบสวิงคือการกำหนดคำสั่ง stop loss ที่ชัดเจน ก่อนที่จะเข้าเทรด นักเทรดควรตัดสินใจว่าพวกเขาเต็มใจที่จะสูญเสียเท่าใดจากตำแหน่งที่กำหนด และกำหนดคำสั่ง stop loss ตามนั้น วิธีนี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าแม้ว่าการเทรดจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงข้ามกับพวกเขา การสูญเสียของพวกเขาก็จะจำกัดอยู่


นอกจากการใช้จุดตัดขาดทุนแล้ว การกระจายการลงทุนยังมีบทบาทสำคัญในการลดความเสี่ยงอีกด้วย แทนที่จะกระจุกเงินทุนทั้งหมดไว้ในการซื้อขายเพียงครั้งเดียว เทรดเดอร์ที่ซื้อขายแบบสวิงมักจะกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์หลายรายการ ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบของการซื้อขายเพียงครั้งเดียวต่อผลงานโดยรวมของพอร์ตโฟลิโอ เทรดเดอร์ควรตระหนักถึงเหตุการณ์และข่าวสารที่ส่งผลต่อตลาดซึ่งอาจทำให้ราคาเปลี่ยนแปลงอย่างไม่คาดคิด การติดตามข่าวสารทางเศรษฐกิจ รายได้ขององค์กร และการพัฒนาทางภูมิรัฐศาสตร์ช่วยให้เทรดเดอร์หลีกเลี่ยงการถูกราคาที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันตั้งตัว


ข้อดีและข้อเสียของการเทรดแบบสวิง

การเทรดแบบสวิงมีข้อดีหลายประการที่ดึงดูดผู้ซื้อขายทุกระดับประสบการณ์ ข้อดีที่สำคัญประการหนึ่งคือประสิทธิภาพด้านเวลา เนื่องจากตำแหน่งจะถูกถือครองเป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ ผู้ซื้อขายจึงไม่จำเป็นต้องคอยติดตามตลาดอย่างต่อเนื่องเหมือนอย่างที่ผู้ซื้อขายรายวันมักทำ ซึ่งทำให้การเทรดแบบสวิงเป็นตัวเลือกที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าสำหรับผู้ที่มีภาระผูกพันอื่นๆ เช่น งานประจำ นอกจากนี้ ผู้ซื้อขายแบบสวิงอาจสามารถจับการเคลื่อนไหวของราคาที่ใหญ่กว่าได้เมื่อเทียบกับผู้ซื้อขายรายวัน ซึ่งมักจะได้รับกำไรจากการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในแต่ละวัน


อย่างไรก็ตาม การซื้อขายแบบสวิงเทรดนั้นมีความเสี่ยงอยู่ไม่น้อย ข้อเสียที่สำคัญประการหนึ่งคือความเสี่ยงในช่วงข้ามคืน เนื่องจากการถือสถานะไว้หลายวันทำให้ผู้ซื้อขายต้องเผชิญกับช่องว่างราคาที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งเกิดจากข่าวหรือเหตุการณ์หลังปิดตลาด ตัวอย่างเช่น รายงานผลประกอบการที่ไม่เอื้ออำนวยหรือการพัฒนาด้านภูมิรัฐศาสตร์อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อราคาเมื่อตลาดเปิดทำการอีกครั้ง ความท้าทายอีกประการหนึ่งก็คือการซื้อขายแบบสวิงเทรดนั้นต้องอาศัยวินัยและความอดทน ผู้ซื้อขายจะต้องยึดมั่นกับกลยุทธ์ของตนและหลีกเลี่ยงการตัดสินใจโดยใช้ความรู้สึกโดยอิงจากความผันผวนของตลาดในระยะสั้น


บทสรุป

การเทรดแบบสวิงช่วยให้เกิดผลกำไรได้ในระดับกลางระหว่างการเทรดแบบรายวันและการลงทุนในระยะยาว โดยการเน้นที่การจับแนวโน้มตลาดในระยะสั้นถึงระยะกลาง ผู้เทรดแบบสวิงสามารถทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอในขณะที่หลีกเลี่ยงความเครียดจากการเทรดแบบรายวัน ความสำเร็จในการเทรดแบบสวิงขึ้นอยู่กับการเชี่ยวชาญการวิเคราะห์ทางเทคนิค การใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสม และการจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับผู้เทรดที่ต้องการใช้ประโยชน์จากการแกว่งตัวของตลาดโดยไม่ต้องคอยตรวจสอบสถานะของตนอยู่ตลอดเวลา การเทรดแบบสวิงเป็นแนวทางที่ยืดหยุ่นและอาจให้ผลตอบแทนได้


คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่าการลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือกลยุทธ์การลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

กฎและหลักเกณฑ์ของตลาดหุ้นอินเดีย

กฎและหลักเกณฑ์ของตลาดหุ้นอินเดีย

ตลาดหุ้นอินเดียซึ่งประกอบด้วย NSE และ BSE เป็นศูนย์กลางทางการเงินที่กำลังเติบโตพร้อมทั้งนำเสนอโอกาสการลงทุนที่หลากหลาย

2024-12-24
คำจำกัดความของ Limit Down และผลกระทบต่อตลาด

คำจำกัดความของ Limit Down และผลกระทบต่อตลาด

การจำกัดราคาเป็นกลไกตลาดที่หยุดการซื้อขายเมื่อราคาตกอย่างรวดเร็วเกินไป โดยป้องกันไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกและให้เวลากับตลาดในการรีเซ็ตตัวเอง

2024-12-23
ความหมายและนัยของช่องว่างกรรไกร M1 M2

ความหมายและนัยของช่องว่างกรรไกร M1 M2

ช่องว่างกรรไกร M1 M2 วัดความแตกต่างในอัตราการเติบโตระหว่างอุปทานเงิน M1 และ M2 โดยเน้นย้ำถึงความแตกต่างในสภาพคล่องทางเศรษฐกิจ

2024-12-20