ดัชนีดอลล่าร์ คือ ตัวชี้วัดมูลค่าเงินดอลล่าร์ที่นักเทรดควรศึกษาก่อนการตัดสินใจลงทุน เพราะทำให้เห็นภาพรวมของค่าเงินดอลล่าร์ขณะนั้นว่ามีความแข็งความอ่อนอย่างไร
ก่อนที่นักเทรดจะเริ่มการเทรดจริง นอกจากความพร้อมในการลงทุน ศึกษาให้รู้จริงเรื่องตลาดทุนต่าง ๆ แล้ว ยังต้องมีความรู้เรื่องคู่เงินหลัก คู่เงินรอง และดัชนีดอลล่าร์ด้วย เพราะหากนักเทรดเข้าใจเกี่ยวกับดัชนีดอลล่าร์แล้ว จะช่วยทำให้ดูค่าความแข็งและความอ่อนตัวเงินดอลล่าร์เป็น สามารถนำมาเปรียบเทียบกับสกุลเงินต่าง ๆ ได้ทั่วโลก เพื่อให้เห็นถึงทิศทางของการลงทุนว่ามีความคุ้มค่าแค่ไหน หากเลือกตัดสินใจเทรดสินทรัพย์ที่กำลังเป็นกระแส
หากนักเทรดต้องการลงทุนกับดัชนีดอลล่าร์ และคาดหวังความสำเร็จเป็นผลกำไร จำเป็นอย่างมากที่ต้องศึกษาดัชนีดอลล่าร์ควบคู่กับการติดตามข่าวเศรษฐกิจอยู่เป็นประจำให้เป็นนิสัย เพราะความรู้เรื่องสกุลเงินเหล่านี้มีผลต่อการลงทุนสูง ซึ่งทั้ง 5 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับดัชนีดอลล่าร์ที่นักเทรดทุกคนต้องรู้ มีดังนี้
1. การอ่านค่าดัชนีดอลล่าร์
โดยปกติแล้วค่าดัชนีดอลล่าร์ และค่าเงินสกุลต่าง ๆ จะมีการกำหนดฐานอยู่ที่ 100 หากว่าในขณะนั้น ค่าดัชนีดอลล่าร์มีค่ามากกว่า 100 หมายความว่าเงินดอลล่าร์แข็งตัว แต่หากว่าต่ำกว่า 100 หมายความว่าค่าเงินดอลล่าร์กำลังอ่อนตัวลง หรือมีค่าเท่ากับ 100 ก็มีแนวโน้มว่ากำลังจะอ่อนตัวลงด้วยเช่นกัน จึงไม่ควรรีบตัดสินใจลงทุน
2. ความสำคัญของดัชนีดอลล่าร์
เงินสกุลดอลล่าร์เป็นเงินที่นิยมใช้ซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศ และใช้กันทั่วโลก จึงกลายเป็นสกุลเงินหลักที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ อีกทั้งยังมีความเสถียรภาพมากเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น นักลงทุนส่วนใหญ่จึงมักจะวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจ ความผันผวนของตลาด โดยใช้ดัชนีดอลล่าร์เป็นตัวชี้วัดในการทำธุรกรรมต่าง ๆ และอ้างอิงดัชนีดอลล่าร์ช่วยประกอบการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
3. สินทรัพย์ที่มีความสัมพันธ์กับดัชนีดอลล่าร์โดยตรง
ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ และสินทรัพย์ต่าง ๆ ก็มีความเกี่ยวพันกับดัชนีดอลล่าร์ทั้งสิ้น แต่ทั้งสินทรัพย์ และสินค้าโภคภัณฑ์ต่างก็มีทิศทางมูลค่าที่ผกผัน คือ หากค่าดัชนีดอลล่าร์อ่อนตัวลง อาจมีผลกระทบให้ราคาทองคำ น้ำมัน และสินค้าโภคภัณฑ์สูงขึ้น รวมถึงตลาดหุ้นมีทิศทางสูงขึ้นอีกด้วย
4. การลงทุนดัชนีดอลล่าร์
ดัชนีดอลล่าร์มีการลงทุนที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนซื้อสกุลเงินดอลล่าร์มาเก็บไว้ แล้วรอแลกคืนเมื่อเห็นว่ามีกำไรสูง ซึ่งรูปแบบการลงทุนนี้ได้รับความนิยมจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการลงทุนง่าย และสามารถทำกำไรได้แน่นอนเมื่อมีมูลค่าสูงขึ้น ส่วนรูปแบบการลงทุนอื่น ๆ ที่ใช้เงินลงทุนไม่มาก คือ การซื้อกองทุน และการลงทุนตราสารอนุพันธ์
5. ผลของดัชนีดอลล่าในประเทศไทย
เรารู้กันดีว่าดัชนีดอลล่าร์นั้นมีความแข็งแกร่ง และเป็นเงินสกุลหลักของโลก ประเทศไทยของเราเองก็มีการอ้างอิงราคาสกุลเงินบาทกับสกุลเงินดอลล่าร์ด้วยเช่นกัน คือ
- ดัชนีดอลล่าร์แข็งค่า: เงินบาทจะอ่อนค่า การส่งออกจะได้เปรียบ ภาคการท่องเที่ยวจากชาวต่างชาติจะคึกคัก ส่วนการนำเข้าจะมีต้นทุนสูงขึ้น เงินเฟ้อเองก็อาจสูงตาม และตลาดการเงินจะมีความผันผวน
- ดัชนีดอลล่าร์อ่อนค่า: เงินบาทจะแข็งค่าขึ้น ทำให้การส่งออกเสียเปรียบ ในขณะที่ภาคธุรกิจนำเข้าต้นทุนจะถูกลง เงินเฟ้ออาจลด การจะท่องเที่ยวซบเซา และตลาดการเงินจะผ่อนคลายขึ้น
ทั้งนี้ ผลกระทบจะขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น นโยบายการเงิน เศรษฐกิจโลก และราคาน้ำมัน เป็นต้น
การเปลี่ยนแปลงของดัชนีดอลล่าร์มีผลกระทบโดยรวมต่อสกุลเงินอื่นเสมอ เมื่อค่าเงินดอลล่าร์แข็งขึ้นในทางกลับกันคู่เงินสกุลอื่นก็มีความอ่อนตัวลง ก่อนที่นักเทรดจะเทรดหุ้นใด ๆ ให้พึงจำไว้ว่า ดัชนีดอลล่าร์นั้นเป็นสกุลเงินหลักที่ใช้อ้างอิงเปรียบเทียบตลาดได้ทั่วโลก ดังนั้นก่อนที่จะลงทุนควรตรวจสอบ และเช็กข่าวสารตลาดหุ้นให้ดี โดยศึกษาข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน ไม่นำข้อมูลข่าวจากสัปดาห์ก่อน หรือเมื่อ 2-3 วันที่แล้วมาประกอบในการตัดสินใจ เพราะตลาดมีความผันผวนตลอดเวลา และในบางครั้งอาจเกิดสถานการณ์ที่ไม่สามารถป้องกันได้ทัน อย่างเช่นโรคระบาด หรือสงครามต่างประเทศ เป็นต้น
ดัชนีดอลล่าร์อาจจะเป็นเรื่องที่ไกลตัวสำหรับผู้ที่ไม่ประกอบธุรกิจ แต่สำหรับนักลงทุนหรือเทรดเดอร์นั้น สกุลเงินดอลล่าร์มีความสำคัญมาก ควรมีวินัยให้ตนเองขยันหาความรู้เกี่ยวกับข่าวเศรษฐกิจโลกอยู่เสมอ และไม่ใช่เรื่องยากเกินไปที่จะทำความเข้าใจ ลองใช้เวลาในทุกเช้าหรือช่วงว่างศึกษาข้อมูล เมื่อทำบ่อย ๆ ก็จะคาดเดาทิศทางของตลาดได้ทันทีที่มีการเปลี่ยนแปลง