การเลือกโบรกเกอร์ที่ดี สำคัญไม่แพ้กับการทำอย่างไรให้ได้กำไร เพราะนอกจากเป็นคนกลางในการซื้อขายแล้ว ยังมีหน้าที่คอยดูแลจัดการเงินทุน และให้คำแนะนำแก่นักเทรดอีกด้วย
นักเทรดจำเป็นต้องมีโบรกเกอร์ในการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ เพราะโบรกเกอร์เป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ เป็นบริษัทตัวแทนที่เปิดพื้นที่ให้นักเทรดเข้ามาลงทุน และยังคอยช่วยจัดการ แนะนำการบริหารเงินทุนให้กับนักเทรดที่ต้องการคำปรึกษา แต่ในปัจจุบันนี้มีจำนวนโบรกเกอร์มีให้เลือกเยอะมาก และต่างก็นำเสนอรูปแบบการเทรดที่น่าสนใจ จึงทำให้นักเทรดหลายท่านตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกโบรกเกอร์บริษัทไหนดี ทางเราจึงมีเคล็ดลับในการเลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือ มาเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ เพื่อการเทรดค่าเงินที่ปลอดภัย และยั่งยืนในระยะยาว
โบรกเกอร์ที่ดีย่อมเหมือนเป็นเพื่อนคู่ใจ ที่เมื่อนักเทรดเกิดความสงสัยแล้ว ต้องสามารถให้คำปรึกษาได้ทันที นักเทรดหลายท่านให้ความเชื่อใจกับโบรกเกอร์มาก ถึงขนาดที่ว่ากล้าเสี่ยงลงทุนเปิดตำแหน่งใหญ่ขึ้นเพราะได้โบรกเกอร์ดีคอยสนับสนุน แล้วลักษณะของโบรกเกอร์ที่สามารถฝากความหวังได้นั้น เป็นอย่างไรบ้าง มาพิจารณากันทั้ง 6 ข้อตามลำดับได้เลย
1. เป็นโบรกเกอร์ที่ถูกกฎหมาย
ปัจจัยแรกในการหาโบรกเกอร์ที่ดี จะต้องมาจากบริษัทที่ถูกกฎหมาย มีหลักแหล่งที่ตั้งแน่นอน และมีบุคลากรที่มีตัวตนจริง น่าเชื่อถือ พร้อมทั้งมีใบอนุญาตหรือผ่านการรับรองจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถประกอบธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ได้ เพราะถ้าหากครบองค์ประกอบแบบนี้ เชื่อได้เลยว่าโบรกเกอร์จะมีความสามารถในการให้ข้อมูลในการเทรดที่ตรงตามความเป็นจริง มีความรู้ความชำนาญในตลาดสินทรัพย์ต่าง ๆ เป็นอย่างดี และมั่นใจได้ในการฝากเงินเพื่อลงทุน
2. มีมาตรฐาน มีความหลากหลายในสินทรัพย์ และคู่สกุลเงิน
หากโบรกเกอร์ใดมีสินทรัพย์และคู่สกุลเงินให้เลือกลงทุนหลากหลาย และอนุญาตให้เปิดบัญชีเทรดหลากประเภท ย่อมแสดงให้เห็นถึงสถานะการเงินของบริษัทที่มีความมั่นคงสูง จึงเปิดโอกาสให้กับนักเทรดได้ทำการเทรดหลายรูปแบบในเวลาเดียวกัน นับว่าเป็นประโยชน์กับนักเทรดไม่น้อย เพราะแต่ละบัญชีจะมีสิทธิประโยชน์ที่มากขึ้น ทั้งยังช่วยให้นักเทรดกระจายความเสี่ยงได้ด้วย
3. มีค่าธรรมเนียมที่เหมาะสม
หลังจากที่ตรวจสอบคุณสมบัติของโบรกเกอร์ และดูสิทธิประโยชน์ด้านต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ ควรดูให้ละเอียดถึงค่าธรรมเนียมในการเรียกเก็บแต่ละครั้งด้วย ในบางโบรกเกอร์อาจมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมแบบเหมา หรือเรียกเก็บเป็นรายครั้ง หรืออาจไม่มีค่าธรรมเนียมเลย นักเทรดควรประเมินด้วยว่า หากเลือกเทรดแล้วต้องเสียค่าธรรมเนียมในจำนวนนั้น จะมีความคุ้มค่าหรือไม่
4. มีบทวิเคราะห์การลงทุน และรีวิวที่มาจากนักเทรดอื่นจริง
การตัดสินใจจากบทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ ควรอ่านทั้งรายละเอียดของเนื้อหา และเปรียบเทียบการรีวิวจากนักเทรดท่านอื่นด้วย เนื้อหาของบทวิเคราะห์นั้นต้องมีประเด็นข้อมูลที่เป็นความจริง มีเหตุและผลสอดคล้องกันในเรื่องของตลาดการลงทุนด้วย และต้องเป็นบทวิเคราะห์ที่มีความสมบูรณ์ในเรื่องของปัญหา สมมติฐาน การแก้ไขปัญหา และการคาดการณ์ตลาดให้นักเทรดได้ศึกษาอย่างครบถ้วนด้วย
5. นักเทรดได้รับความสะดวกจากบริหารหลังการขาย
บริการหลังการขายก็เป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งที่จะทำให้นักเทรดตัดสินใจเลือกโบรกเกอร์ได้ง่ายขึ้น โดยต้องมีการสอบถามข้อมูลก่อนว่า หากทำการเทรดแล้วมีการรับจ่ายเงินอย่างไร ต้องรอกี่วัน มีระบบการฝาก-ถอนเงินกับธนาคารของไทยหรือไม่ มีขั้นต่ำการฝากหรือถอนหรือไม่ เพราะมีผลต่อความสะดวกกับนักเทรดในการทำธุรกรรมต่าง ๆ ยิ่งหากเป็นการเชื่อมต่อกับธนาคารของไทยแล้ว เมื่อมีเหตุขัดข้องเกิดขึ้นก็สามารถแก้ไขได้ทันเวลา แต่หากผูกกับบัญชีธนาคารต่างประเทศ จะทำให้ยุ่งยาก และอาจเกิดความเสียหายตามมาได้
6. มีบัญชีจำลองเทรด
โบรกเกอร์จะรู้ดีว่าการเทรดในช่วงเริ่มต้นต้องอาศัยเวลาทำความเข้าในระยะเวลาหนึ่ง ดั้งนั้นจึงต้องมีบัญชีจำลองให้นักเทรดได้ทดลองก่อนด้วย และต้องเป็นตัว Demo ที่เป็นรูปแบบการเทรดเดียวกันกับการเทรดจริงของโบรกเกอร์นั้น ๆ ด้วย
นอกเหนือจากการเลือกโบรกเกอร์ที่มีมาตรฐานแล้ว นักเทรดจะต้องสร้างศักยภาพในการเทรดของตัวเองให้เก่งขึ้นตามไปด้วย เพราะโบรกเกอร์เป็นเพียงผู้ให้คำแนะนำ และบริการเท่านั้น ไม่มีส่วนได้เสียกับนักลงทุนแต่อย่างใด จึงควรที่จะพัฒนาฝีมือ และให้เวลากับตลาดทุน ตามอ่านข่าวสารให้ทันปัจจุบันเสมอ