ราคาทองคำจะลดลงในปี 2025 หรือไม่? บทความนี้จะวิเคราะห์ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาทองคำลง ตั้งแต่นโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ไปจนถึงอุปสงค์ทั่วโลก
ทองคำได้รับการยกย่องมายาวนานในฐานะแหล่งเก็บรักษามูลค่าและเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ หลังจากการระบาดใหญ่และท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมหภาคอย่างต่อเนื่อง ทองคำจึงเข้าสู่ช่วงขาขึ้น ระหว่างปลายปี 2023 ถึงต้นปี 2025 ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นจากต่ำกว่า 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สู่ระดับสูงกว่า 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นอย่างน่าทึ่งจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ แรงซื้อของธนาคารกลาง และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
แต่ประวัติศาสตร์ได้สอนเราว่า การพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้ มักตามมาด้วยช่วงเวลาของการปรับฐาน ในตลาดกระทิงของทองคำก่อนหน้านี้ ทั้งในช่วงทศวรรษ 1980 และต้นทศวรรษ 2010 ราคาทองคำก็เคยขึ้นไปถึงจุดสูงสุดและร่วงลงในเวลาต่อมา เมื่อภาวะเศรษฐกิจกลับเข้าสู่ความมั่นคงและสินทรัพย์ทางเลือกเริ่มได้รับความสนใจมากขึ้น ณ กลางปี 2025 นักวิเคราะห์จำนวนไม่น้อยเริ่มตั้งคำถามว่า เรากำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนแล้วหรือไม่?
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อราคาทองคำคือท่าทีของเฟด โดยทั่วไปแล้ว ทองคำมักจะได้ประโยชน์ในสภาพแวดล้อมที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ เพราะต้นทุนในการถือครองสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนอย่างทองคำนั้นต่ำมาก อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว
ในปี 2022 และ 2023 การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงของเฟดเพื่อตอบโต้แรงกดดันเงินเฟ้อ ทำให้ราคาทองลงชั่วคราว แต่เมื่อเงินเฟ้อเริ่มผ่อนคลายช่วงปลายปี 2024 ตลาดก็เริ่มคาดการณ์ถึงการลดดอกเบี้ย ซึ่งการเปลี่ยนท่าทีของเฟดนี้ ได้กลายเป็นแรงหนุนราคาทองในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 อย่างไรก็ตาม แรงหนุนนี้อาจไม่ยั่งยืน
หากเฟดชะลอการลดดอกเบี้ย หรือส่งสัญญาณกลับไปใช้นโยบายแบบเข้มงวดอีกครั้ง อันเนื่องมาจากเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง หรือภาวะแรงงานที่ยังแข็งแกร่ง ราคาทองคำก็อาจเผชิญแรงกดดันขาลง นอกจากนี้ หากอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (อัตราดอกเบี้ยที่หักเงินเฟ้อแล้ว) ปรับตัวเพิ่มขึ้น นักลงทุนก็อาจหันไปถือพันธบัตรหรือสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าทองคำแทน
ความสัมพันธ์ในทิศทางตรงกันข้ามระหว่างดอลลาร์สหรัฐกับราคาทองคำเป็นสิ่งที่ได้รับการบันทึกไว้อย่างกว้างขวาง โดยเมื่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ราคาทองคำในสกุลเงินอื่นจะสูงขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้ความต้องการทองคำทั่วโลกลดลง ในทางกลับกัน หากดอลลาร์อ่อนค่าลง ราคาทองคำมักได้รับแรงสนับสนุน
ในปี 2025 ดอลลาร์สหรัฐกลับแสดงความแข็งแกร่งอย่างเหนือความคาดหมาย อันเป็นผลจากเงินทุนที่ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นสหรัฐ เศรษฐกิจที่ยังคงแข็งแกร่ง และนโยบายการเงินที่แตกต่างกันระหว่างเฟดกับธนาคารกลางหลักอื่น ๆ หากแนวโน้มนี้ยังคงดำเนินต่อไป โดยเฉพาะหากธนาคารกลางยุโรป (ECB) หรือธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ชะลอการลดดอกเบี้ย ทองคำก็อาจสูญเสียแรงหนุนในการปรับขึ้นราคา
ขณะเดียวกัน ตลาดเงินตรายังสะท้อนมุมมองว่าเศรษฐกิจมหภาคของประเทศหลัก ๆ มีแนวโน้มคงที่มากขึ้น ทำให้แรงจูงใจในการถือทองคำเป็นเครื่องป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงินลดน้อยลง
ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์มักเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตลาดโลกต้องเผชิญกับสงครามในยูเครน ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน ปัญหาพลังงานหยุดชะงัก และความขัดแย้งในภูมิภาคที่เกิดขึ้นเป็นระยะๆ การปะทุแต่ละครั้งล้วนสอดคล้องกับการพุ่งสูงขึ้นของราคาทองคำ เนื่องจากนักลงทุนแห่เข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม ณ กลางปี 2025 เริ่มมีสัญญาณของการผ่อนคลายจากหลายด้าน เช่น ข้อตกลงหยุดยิงในยุโรปตะวันออก การรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างชาติมหาอำนาจ และการกลับมาเจรจาการค้า ส่งผลให้ความกังวลต่อความเสี่ยงในตลาดเริ่มลดลง หากแนวโน้มนี้ยังดำเนินต่อไป ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์หลบภัยอาจลดลง และอาจกดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์นั้นขึ้นชื่อเรื่องความไม่แน่นอน หากมีความไม่สงบครั้งใหม่เกิดขึ้น ราคาทองคำก็อาจกลับมาเพิ่มขึ้นได้อีกครั้ง
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ธนาคารกลาง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ ได้เข้าซื้อทองคำจำนวนมากเพื่อลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐ ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ และเสริมสร้างความมั่นคงของทุนสำรองระหว่างประเทศ
ตามข้อมูลจากสภาทองคำโลก (World Gold Council) การซื้อทองคำของธนาคารกลางพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2023 และยังคงแข็งแกร่งในปี 2024 อย่างไรก็ตาม ในปี 2025 เริ่มมีสัญญาณว่าการซื้อดังกล่าวกำลังชะลอตัวลง ประเทศอย่างตุรกี อินเดีย และบางประเทศในแอฟริกา เริ่มส่งสัญญาณลดการสะสมทองคำ ซึ่งอาจเกิดจากข้อจำกัดด้านสภาพคล่องในประเทศ หรือการปรับเปลี่ยนสัดส่วนของสินทรัพย์สำรองไปยังรูปแบบอื่น
หากความต้องการทองคำจากธนาคารกลางลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อาจส่งผลให้ราคาทองคำขาดแรงหนุนสำคัญในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 และในระยะยาว
นักวิเคราะห์การเงินและกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันต่อแนวโน้มของทองคำในอนาคต แม้หลายฝ่ายยังคงมองบวกระยะยาวจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง เช่น เงินเฟ้อระดับสูง หนี้สาธารณะที่ล้นพ้น และแนวโน้มลดการพึ่งพาดอลลา ร์แต่ก็มีความเห็นที่สอดคล้องกันมากขึ้นว่า ทองคำอาจกำลังเข้าสู่ช่วง "พักฐาน" ในระยะสั้น
Goldman Sachs, UBS และ JPMorgan ต่างก็ปรับลดประมาณการราคาทองคำสำหรับไตรมาสที่ 4 ของปี 2025 โดยให้เหตุผลจากการลดลงของอุปสงค์จากธนาคารกลาง ความแข็งแกร่งของดอลลาร์ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ลดลง นักวิเคราะห์บางรายมองว่าทองคำอาจปรับฐานลงสู่ช่วง 2,800–3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ก่อนจะเข้าสู่ภาวะทรงตัว
อย่างไรก็ตาม แทบไม่มีใครเชื่อว่าตลาดขาขึ้นของทองคำจะสิ้นสุดลง โดยภาพรวมยังคงเป็นแนวโน้ม "ปรับฐานอย่างมีสุขภาพดี" (healthy correction) ก่อนจะเข้าสู่การฟื้นตัวในระยะยาวจากปัจจัยมหภาค เช่น การใช้จ่ายด้านนโยบายสิ่งแวดล้อม การขาดดุลงบประมาณระยะยาว และการกระจายการถือครองทุนสำรองระหว่างประเทศ
แม้ว่าทองคำจะปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นในช่วงที่ผ่านมา แต่ปัจจัยมหภาคหลายประการบ่งชี้ว่าราคาทองคำอาจเริ่มชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 ไม่ว่าจะเป็นการซื้อทองคำที่ลดลงของธนาคารกลาง ความแข็งแกร่งของดอลลาร์ การชะลอการผ่อนคลายนโยบายของเฟด และความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ผ่อนคลายลง ล้วนแล้วแต่เป็นแรงกดดันต่อราคาทองคำท อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นมากที่สุดคือการปรับฐานอย่างค่อยเป็นค่อยไป มากกว่าการร่วงลงอย่างรุนแรง ซึ่งอาจเป็นเพียงการ "พักตัว" ก่อนเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นในระยะยาวอีกครั้ง
สำหรับนักลงทุนและนักวิเคราะห์ สิ่งสำคัญคือการติดตามการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย แนวโน้มเงินเฟ้อ และกระแสเงินทุนโลก ทองคำอาจแวววาวน้อยลงกว่าไตรมาสที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีบทบาทสำคัญในระบบการเงินโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงนี้
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
แยกย่อยสิ่งสำคัญของ ETF XLU ตั้งแต่การมุ่งเน้นตามภาคส่วนไปจนถึงบทบาทในพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลาย
2025-08-11เปรียบเทียบรูปแบบแท่งเทียนต่อเนื่องกับตัวบ่งชี้ทางเทคนิคเพื่อดูว่ารูปแบบใดเหมาะกับกลยุทธ์ของคุณที่สุด
2025-08-11ดัชนี S&P 500 คือกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ 500 บริษัทชั้นนำสหรัฐฯ ที่สะท้อนเศรษฐกิจอเมริกา เจาะลึกโครงสร้างเกณฑ์คัดเลือก พร้อมแนะนำกองทุน ETF S&P 500
2025-08-08