ดัชนี S&P 500 คือกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ 500 บริษัทชั้นนำสหรัฐฯ ที่สะท้อนเศรษฐกิจอเมริกา เจาะลึกโครงสร้างเกณฑ์คัดเลือก พร้อมแนะนำกองทุน ETF S&P 500
ในโลกของการลงทุนระยะยาว ดัชนี S&P 500 คือดัชนีที่ได้รับยอมรับมากที่สุดเนื่องจากประกอบด้วยหุ้นขนาดใหญ่ 500 ตัวที่ทรงอิทธิพลที่สุดในตลาดหุ้นอเมริกา ในบทความนี้ EBC Financial Group จึงจะพาผู้อ่านไปเจาะลึกเกี่ยวกับ S&P 500 ว่ามีข้อมูลอะไรน่าสนใจบ้าง ตั้งแต่เกณฑ์การคัดเลือก ไปจนถึงกองทุน ETF S&P 500 ที่น่าสนใจ
S&P 500 คือดัชนีตลาดหุ้นของสหรัฐอเมริกา ที่รวบรวมราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ 500 แห่ง ซึ่งเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงและมีอิทธิพลทางเศรษฐกิจสูงสุดของประเทศ ดัชนีนี้จัดทำโดยบริษัท Standard & Poor’s ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยงานจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลก
โดยจุดเด่นของ S&P 500 ที่จะแตกต่างจากดัชนีหุ้นอื่น ๆ ในสหรัฐฯ อย่าง Nasdaq 100 และ Dow Jones คือความครอบคลุมและความสมดุล เนื่องจากสองดัชนีดังกล่าวจะใช้วิธีถ่วงน้ำหนักจากราคาหุ้น ซึ่งอาจบิดเบือนภาพรวมตลาด แต่ S&P 500 มีการกระจายตัวของภาคอุตสาหกรรม และคัดเลือกบริษัทด้วยเกณฑ์ที่เข้มงวด จึงเป็นเครื่องมือที่ให้ “ภาพรวมจริง” ของเศรษฐกิจและตลาดทุนสหรัฐฯ ได้ดีที่สุดในปัจจุบัน
จุดเด่นของ S&P 500
สะท้อนเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ชัดเจน
มีประวัติยาวนานและเชื่อถือได้
เป็น Benchmark หลักของกองทุนทั่วโลก
ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยดีในระยะยาว
สภาพคล่องสูงและเข้าถึงง่าย
อย่างไรก็ดี การจะได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่ถูกบรรจุในดัชนี S&P 500 ไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ เพราะดัชนีนี้เป็นตัวแทนของกลุ่มบริษัทที่ใหญ่และแข็งแกร่งที่สุดในตลาดหุ้นสหรัฐฯ จึงมีเกณฑ์คัดเลือกที่เข้มงวดและชัดเจนเพื่อคัดกรองเฉพาะบริษัทที่มีคุณภาพสูงและมีเสถียรภาพทางการเงินอย่างแท้จริงดังนี้
1. สถานะบริษัท
- ต้องเป็นบริษัทมหาชน (Public Company) ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เช่น NYSE หรือ NASDAQ
- ต้องมีสำนักงานใหญ่อยู่ในสหรัฐอเมริกา
2. มูลค่าตลาด (Market Capitalization)
- มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยรายวันในระดับที่เหมาะสม เพื่อให้การซื้อขายเป็นไปอย่างราบรื่น
- คณะกรรมการพิจารณาปริมาณหุ้นที่มีการซื้อขายในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา
3. ประวัติงบการเงินและรายงานผลประกอบการ
- ต้องรายงานผลประกอบการตามมาตรฐานบัญชี GAAP (Generally Accepted Accounting Principles) ของสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง
- ต้องมีกำไรสุทธิในไตรมาสล่าสุด (Quarterly Profit)
- ต้องมีกำไรสุทธิรวมในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (Trailing 12 Months Profit)
4. โครงสร้างหุ้น (Public Float)
จำนวนหุ้นที่อยู่ในมือของนักลงทุนสาธารณะ (Public Float) ต้องมีสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อให้การซื้อขายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
การลงทุนผ่านกองทุน ETF ที่อ้างอิงดัชนี S&P 500 เป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุดสำหรับนักลงทุน เพราะการซื้อ ETF แค่ 1 ตัวก็เหมือนกับการที่เรากวาดซื้อทุกบริษัทในดัชนี (500 ตัว) ด้วยการซื้อเพียงครั้งเดียว แถมยังเป็นการกระจายความเสี่ยง ไม่ทุ่มหมดหน้าตักไปที่บริษัทใดบริษัทหนึ่งด้วย ต่อไปเราจึงจะมาเปิดชื่อ3 กองทุน ETF S&P 500 ที่น่าสนใจว่าจะมีอะไรบ้าง
1. SPDR S&P 500 ETF Trust (SPY)
กองทุน SPY ถือเป็น ETF ที่เก่าแก่ที่สุดและมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกสำหรับการลงทุนในดัชนี S&P 500 เปิดตัวครั้งแรกในปี 1993 โดยบริษัท State Street Global Advisors กองทุนนี้ได้รับความนิยมสูงมากเนื่องจากมีสภาพคล่องในตลาดที่สูงมาก นักลงทุนสามารถซื้อขายหุ้นกองทุนนี้ได้ตลอดวันด้วยความรวดเร็วและมีต้นทุนที่ต่ำ
ก่อตั้งปี 1993
มูลค่าสินทรัพย์รวม (AUM) มากกว่า 400 พันล้านดอลลาร์
ค่าธรรมเนียมการจัดการประมาณ 0.094% ต่อปี
สภาพคล่องสูงสุดในบรรดา ETF ทั้งหมด
2. iShares Core S&P 500 ETF (IVV)
กองทุน IVV เป็น ETF ที่บริหารโดย BlackRock เปิดตัวในปี 2000 และเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกยอดนิยมสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนใน S&P 500 ด้วยต้นทุนที่ต่ำมากที่สุดกองทุนหนึ่ง โดยเฉพาะนักลงทุนระยะยาวที่ให้ความสำคัญกับค่าธรรมเนียมที่ต่ำสุดเท่าที่จะเป็นไปได้
อีกทั้ง IVV ยังมีการบริหารกองทุนที่มีประสิทธิภาพและมีความเสถียรสูง ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีโดยไม่ต้องกังวลเรื่องต้นทุนสูง
ก่อตั้งปี 2000
มูลค่าสินทรัพย์รวมประมาณ 300 พันล้านดอลลาร์
ค่าธรรมเนียมการจัดการต่ำเพียง 0.03% ต่อปี
เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการลดต้นทุน
3. Vanguard S&P 500 ETF (VOO)
VOO เป็น ETF อีกหนึ่งตัวที่ได้รับความนิยมสูง เปิดตัวโดย Vanguard ในปี 2010 มีการบริหารแบบ Passive ที่เน้นต้นทุนต่ำและโปร่งใส Vanguard เป็นที่รู้จักในฐานะบริษัทบริหารกองทุนที่เน้นต้นทุนต่ำที่สุดในตลาด
กองทุน VOO จึงได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วไปและสถาบันขนาดใหญ่ เนื่องจากมีประสิทธิภาพสูงและค่าธรรมเนียมต่ำเทียบเท่ากับ IVV นักลงทุนที่ต้องการสะสมผลตอบแทนระยะยาวในตลาดหุ้นสหรัฐฯ มักเลือก VOO เป็นหนึ่งในเครื่องมือหลักของพอร์ตลงทุน
ก่อตั้งปี 2010
มูลค่าสินทรัพย์รวมประมาณ 280 พันล้านดอลลาร์
ค่าธรรมเนียมการจัดการต่ำที่ 0.03% ต่อปี
บริหารโดย Vanguard บริษัทกองทุนชั้นนำเรื่องต้นทุนต่ำ
Q: จะเริ่มลงทุนใน S&P 500 ต้องทำอย่างไร?
A: สามารถเริ่มต้นได้โดยการซื้อกองทุนรวมดัชนี หรือ ETF ที่อิงกับดัชนี S&P 500 ผ่านโบรกเกอร์หรือนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาต
Q: S&P 500 ต่างจาก Dow Jones อย่างไร?
A: S&P 500 มีบริษัทมากกว่า (500 บริษัท) และใช้การถ่วงน้ำหนักตามมูลค่าตลาด ส่วน Dow Jones มีแค่ 30 บริษัท และใช้วิธีถ่วงน้ำหนักตามราคาหุ้น
Q: การลงทุนใน S&P 500 มีความเสี่ยงไหม?
A: มีความเสี่ยงเช่นเดียวกับการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วไป โดยเฉพาะในช่วงเศรษฐกิจผันผวน แต่ถือเป็นการกระจายความเสี่ยงที่ดีในระยะยาว
ดัชนี S&P 500 เป็นตัวแทนของหุ้นขนาดใหญ่ 500 บริษัทในสหรัฐอเมริกาที่มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจมากที่สุด ดัชนีนี้ถูกออกแบบให้ครอบคลุมหลายอุตสาหกรรมและใช้เกณฑ์คัดเลือกที่เข้มงวด จึงเป็นเครื่องมือที่สะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดทุนสหรัฐฯ ได้อย่างแม่นยำกว่า ดัชนีอื่น ๆ ที่มักเน้นกลุ่มหุ้นจำกัดหรือถ่วงน้ำหนักด้วยวิธีต่างกัน
การเข้าบรรจุในดัชนี S&P 500 ไม่ใช่เรื่องง่าย บริษัทต้องมีสถานะเป็นบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีมูลค่าตลาดและสภาพคล่องที่เหมาะสม รวมถึงต้องรายงานผลประกอบการที่มั่นคงและมีกำไรต่อเนื่อง คณะกรรมการดัชนีจะตรวจสอบคุณสมบัติเหล่านี้อย่างละเอียดเพื่อให้แน่ใจว่าแต่ละบริษัทในดัชนีมีคุณภาพและเสถียรภาพทางการเงินสูง
ทั้งนี้สำหรับนักลงทุนท่านใดที่สนใจการลงทุนผ่านกองทุน ETF ที่อิงกับดัชนี S&P 500 อย่าง SPY, IVV และ VOO หรืออื่น ๆ ที่ EBC Financial Group เรามีผลิตภัณฑ์เทรด ETF CFD ที่ครอบคลุมกว่า 100 รายการที่มาพร้อมกับเลเวอเรจยืดหหยุ่น คุณสามารถอ่านข้อมูลและศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์นี้
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
แยกย่อยสิ่งสำคัญของ ETF XLU ตั้งแต่การมุ่งเน้นตามภาคส่วนไปจนถึงบทบาทในพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลาย
2025-08-11เปรียบเทียบรูปแบบแท่งเทียนต่อเนื่องกับตัวบ่งชี้ทางเทคนิคเพื่อดูว่ารูปแบบใดเหมาะกับกลยุทธ์ของคุณที่สุด
2025-08-11ดัชนีหุ้นทั่วโลกคือเครื่องมือสำคัญที่สะท้อนภาพรวมราคาหุ้นจากหลากหลายประเทศ ช่วยบ่งชี้แนวโน้มเศรษฐกิจโลก ความเชื่อมั่นนักลงทุน และทิศทางตลาดทุนในแต่ละภูมิภาค
2025-08-08