ECN : สเปรดต่ำ เทรดโดยตรงจากนักเทรดที่มีความถี่สูง STP : เชื่อมต่อผู้ให้บริการสภาพคล่องผ่านโบรกเกอร์สำหรับเทรดเดอร์รายวัน
แพลตฟอร์มการซื้อขายที่แตกต่างกันเสนอบัญชีซื้อขายหลายประเภทรวมถึงบัญชีสเปรดต่ำและบัญชีสเปรดมาตรฐานสำหรับคนส่วนใหญ่บัญชี ECN มักจะเป็นตัวแทนของบัญชีที่มีสเปรดต่ำในขณะที่บัญชี STP ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ประสบการณ์การเทรดฟอเร็กซ์ที่รวดเร็ว โปร่งใส และต้นทุนต่ำ นอกจากนั้นยังมีบัญชีระดับสูงกว่าแต่ในบทความนี้เราจะเน้นทั้งสองประเภท เพื่อให้เข้าใจนักลงทุนจำเป็นต้องเข้าใจว่าทำไมแพลตฟอร์มถึงเสนอบัญชีเหล่านี้ ในความเป็นจริง ECN และ STP ไม่ใช่ชื่อบัญชีแต่เป็นโหมดการประมวลผลคำสั่งแพลตฟอร์มสามารถใช้โหมดต่าง ๆ ในการประมวลผลคำสั่งได้รวมถึง ECN, STP, NDD เป็นต้น โหมดหลัก ๆ ที่ใช้กันคือ STP และ ECN
บัญชี ECN เป็นบัญชีการซื้อขาย Forex ประเภทหนึ่งโดยชื่อเต็มคือ "Electronic Communication Network Account" ซึ่งบัญชีประเภทนี้เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของสเปรดที่ต่ำมากคุณลักษณะสำคัญของบัญชี ECN คือการใช้โหมดการเทรดแบบไม่มีผู้ดูแลตลาด (No Market Maker) โดยคำสั่งซื้อขายของลูกค้าจะถูกส่งตรงไปยังตลาดการซื้อขายเพื่อจับคู่กับคำสั่งของเทรดเดอร์รายอื่นโดยตรง
บัญชี STP ชื่อเต็มคือ "Straight-Through Processing" เป็นบัญชีประมวลผลโดยตรงคล้ายกับบัญชี ECN บัญชี STP ยังมีสเปรดที่ค่อนข้างต่ำเช่นกัน แต่มีความแตกต่างในรูปแบบการเทรดบางประการจุดเด่นของบัญชี STP คือการที่เทรดเดอร์สามารถเชื่อมต่อโดยตรงกับผู้ให้บริการสภาพคล่อง (Liquidity Provider : LP) โดยคำสั่งซื้อขายของลูกค้าจะถูกส่งไปยังระบบการซื้อขายของผู้ให้บริการสภาพคล่องโดยอัตโนมัติ ทำให้การดำเนินการและการเคลียร์ธุรกรรมเป็นไปอย่างรวดเร็ว ลดการแทรกแซงจากมนุษย์และความคลาดเคลื่อนของราคา พร้อมทั้งเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพในการดำเนินการธุรกรรม และช่วยลดต้นทุนในการเทรดได้อีกด้วย
ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างบัญชี STP และ ECN
1. วิธีการดำเนินการซื้อขาย
บัญชี STP: บัญชี STP มักใช้โบรกเกอร์เป็นตัวกลางส่งต่อคำสั่งซื้อขายไปยังผู้ให้บริการสภาพคล่องเพื่อดำเนินการ โบรกเกอร์สามารถเลือกได้ผู้ให้บริการสภาพคล่องรายใดส่งคำสั่งซื้อ บัญชี STP มักจะไม่เกี่ยวข้องกับโต๊ะการซื้อขายดังนั้นคำสั่งมักจะดำเนินการทันทีในตลาดราคา
บัญชี ECN: บัญชี ECN เชื่อมต่อคำสั่งซื้อขายโดยตรงกับส่วนลึกสภาพคล่องในตลาด Forex ที่ช่วยให้คุณสามารถเทรดกับผู้เข้าร่วมตลาดรายอื่น ๆ เช่น เทรดเดอร์รายอื่น ธนาคาร และนักลงทุนสถาบัน ซึ่งช่วยเพิ่มความโปร่งใสและการดำเนินการที่รวดเร็วมากขึ้น เนื่องจากคำสั่งซื้อขายจะถูกจับคู่กับข้อมูลลึกของตลาด
2. ต้นทุนการทำธุรกรรม
บัญชี STP: บัญชี STP มักจะมีสเปรดคงที่หรือลอยตัว (ความแตกต่างระหว่างราคาเสนอซื้อและราคาเสนอขาย) ซึ่งเป็นกำไรของโบรกเกอร์ แม้ว่าสเปรดอาจต่ำ แต่ก็มีโอกาสผันผวนได้ในบางช่วงเวลา
บัญชี ECN: บัญชี ECN มักจะมีสเปรดที่น้อยมาก แต่ผู้ใช้งานจะต้องจ่ายค่าคอมมิชชันในการเทรด ซึ่งถือเป็นแหล่งรายได้หลักของโบรกเกอร์ Forex สเปรดในบัญชีประเภทนี้มักมีความเสถียรสูงกว่า ขณะที่ค่าคอมมิชชันอาจแตกต่างกันไปตามโบรกเกอร์และปริมาณการเทรด
3. สภาพคล่อง
บัญชี STP: สภาพคล่องของบัญชี STP มักจะมาจากผู้ให้บริการสภาพคล่องที่เป็นพันธมิตรของโบรกเกอร์ สภาพคล่องอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับพันธมิตรของโบรกเกอร์
บัญชี ECN: บัญชี ECN มักจะมีสภาพคล่องมากกว่า ขึ้นเนื่องเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการสภาพคล่องหลายราย และเทรดเดอรายอื่น ๆ ซึ่งช่วยให้สามารถเข้าถึงราคาที่ดีกว่าและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตลาดที่มากขึ้น
4. ประเภทผู้เทรด
บัญชี STP: บัญชี STP เหมาะสำหรับเทรดเดอร์รายวันและเทรดเดอร์ระยะกลางถึงยาวที่ต้องการต้นทุนต่ำและการดำเนินการที่รวดเร็ว
บัญชี ECN: บัญชี ECN เหมาะสำหรับสำหรับเทรดเดอร์ที่ทำธุรกรรมความถี่สูง นักเทรดรายวัน และนักเทรดที่ต้องการสภาพคล่องและความโปร่งใสมากขึ้น
5. ข้อกำหนดทางเทคนิค
บัญชี STP: บัญชี STP มักใช้แพลตฟอร์มการซื้อขายทั่วไป เช่น MetaTrader ซึ่งใช้งานง่ายและสะดวก
บัญชี ECN: บัญชี ECN อาจต้องการแพลตฟอร์มการเทรดและเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อการใช้ประโยชน์จากความลึกของตลาดและการดำเนินการที่รวดเร็ว
ปัจจัยที่ต้องพิจารณาเมื่อเลือกบัญชี STP และบัญชี ECN
1. ประสบการณ์การเทรด
การเริ่มต้นใช้บัญชี STP อาจง่ายกว่าสำหรับมือใหม่ เนื่องจากโดยทั่วไปจะมีเงื่อนไขการเทรดที่ง่ายกว่า นักเทรดที่มีประสบการณ์อาจต้องการ บัญชี ECN เนื่องจากมีความโปร่งใสของตลาดที่สูงขึ้นและสเปรดที่ต่ำกว่า
2. ความถี่ในการเทรด
สำหรับผู้เทรดรายวันหรือการเทรดความถี่สูง บัญชี ECN อาจเหมาะสมกว่า เนื่องจากมักมีการดำเนินการที่รวดเร็วและสเปรดที่ต่ำกว่า
3. ขนาดของเงินทุน
บัญชี ECN มักต้องการเงินทุนเริ่มต้นขนาดใหญ่เนื่องจากอาจเกี่ยวข้องกับการจ่ายค่าคอมมิชชั่นที่มีความเสี่ยงสูงกว่าบัญชี STP โดยทั่วไปต้องใช้ทุนน้อยกว่า
4. รูปแบบการเทรด
รูปแบบการเทรดยังมีผลต่อการเลือกบัญชี หากนักลงทุนต้องการลงทุนสำหรับระยะยาวหรือหลีกเลี่ยงความผันผวนของตลาดบัญชี STP อาจเหมาะสมมากกว่า หากคุณต้องการความผันผวนระยะสั้นและการเทรดที่รวดเร็ว บัญชี ECN อาจจะเหมาะสมกว่า
วิธีการเลือกบัญชี STP และบัญชี ECN
เมื่อเลือกบัญชีการเทรด หลายคนมักจะเลือกบัญชีที่มีค่าสเปรดต่ำ เพราะมีความโปร่งใสมากกว่า บัญชีประเภทนี้สามารถพบได้ในแพลตฟอร์มการเทรดต่าง ๆ หรือบางครั้งอาจต้องมีการฝากเงินขั้นต่ำตามที่กำหนด อย่างไรก็ตาม บัญชีค่าสเปรดต่ำนั้นไม่ได้ดีหรือแย่เสมอไป แต่เป็นเพียงหนึ่งในตัวเลือกที่นักลงทุนสามารถเลือกได้ตามความต้องการและสถานการณ์ของตัวเอง
บัญชี STP เป็นวิธีที่แพลตฟอร์มใช้จับคู่คำสั่งซื้อของลูกค้ากับราคาที่ได้รับจากธนาคารหรือผู้ให้บริการสภาพคล่อง ซึ่งหมายความว่าคำสั่งซื้อจะถูกจับคู่กับธนาคารอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การดำเนินการคำสั่งเป็นไปอย่างรวดเร็ว สำหรับบัญชี ECN จะใช้การจับคู่คำสั่งซื้อแบบภายใน กล่าวคือ เมื่อมีเทรดเดอร์สองคนเปิดสถานะในคู่เงินเดียวกัน คำสั่งซื้อของพวกเขาจะถูกป้องกันความเสี่ยงต่อกัน เพื่อให้ผลต่างระหว่างกำไรและขาดทุนที่เกิดขึ้นน้อยที่สุด ด้วยเหตุนี้บัญชี ECN มักมีค่าสเปรดที่ต่ำกว่า เนื่องจากไม่มีต้นทุนบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับบัญชี STP
แม้แต่บัญชี ECN ก็อาจประสบปัญหาความล่าช้าในการดำเนินการคำสั่ง โดยเฉพาะเมื่อมีความผันผวนในตลาดหรือมีแนวโน้มที่ชัดเจน เนื่องจากคำสั่งส่วนใหญ่ในตลาดมักเป็นคำสั่งหลายรายการมากกว่าคำสั่งที่ต้องการปิดสถานะ ซึ่งอาจส่งผลให้คำสั่งไม่เพียงพอที่จะป้องกันความเสี่ยง ทำให้บัญชี ECN มีโอกาสเกิดการล่าช้าในการดำเนินการในสถานการณ์เหล่านี้และอาจส่งผลให้พลาดโอกาสในการเทรดในบางครั้ง
ในทางตรงกันข้าม บัญชี STP มักมีปัญหาความล่าช้าน้อยกว่าเมื่อมีความผันผวนในตลาด ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสียสำหรับนักลงทุนในการเลือกประเภทบัญชีที่เหมาะสมตามสไตล์การเทรดและความต้องการของแต่ละบุคคล สำหรับการเทรดด้วยมือในลักษณะปกติ กำไรจะขึ้นอยู่กับทักษะและจุดที่สามารถจับได้เป็นหลัก และจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าจากประเภทของบัญชีที่เลือกใช้
การเลือกประเภทบัญชีขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดและความชอบของนักลงทุน โดยแม้ว่าบัญชี ECN อาจมีข้อได้เปรียบในเรื่องของสเปรด แต่ก็อาจไม่เหมาะกับทุกกลยุทธ์การเทรด บัญชี STP ยังคงเป็นที่นิยมจากนักลงทุนหลาย ๆ คนเนื่องจากใช้งานง่ายและไม่ค่อยมีปัญหาการลื่นของจุดราคา เมื่อเลือกประเภทบัญชีสิ่งสำคัญที่สุดคือการพิจารณาสไตล์การเทรดและความต้องการของตัวเอง ไม่ใช่แค่การมองหาสเปรดที่ต่ำ บัญชีประเภทต่าง ๆ เหมาะกับสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงควรเลือกอย่างมีข้อมูลและพิจารณาจากสถานการณ์ของตัวเอง
ข้อสงวนสิทธิ์: เนื้อหานี้มีไว้สำหรับข้อมูลทั่วไปเท่านั้นและไม่ใช่ (และไม่ควรถือว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงินการลงทุนหรืออื่น ๆ ที่ควรพึ่งพา ความคิดเห็นใด ๆ ที่ให้ไว้ในเนื้อหาไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่าการลงทุนหลักทรัพย์การซื้อขายหรือกลยุทธ์การลงทุนใด ๆ ที่เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง