ตลาดอนุพันธ์ทางการเงินเต็มไปด้วยความเสี่ยง การตระหนักถึงการปกป้องตนเองช่วยเพิ่มความสามารถในการต้านทานความเสี่ยง ควรวางแผนการเทรดและปรับเลเวอเรจอย่างเหมาะสม
อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าตลาดอนุพันธ์ทางการเงินมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและไม่แน่นอน เราจำเป็นต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อรับมือกับสภาวะที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ซึ่ งต้องมีความตระหนักในด้านการป้องกันตนเองในทุกขั้นตอน เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการต้านทานความเสี่ยงให้สูงสุด
บทความนี้จะใช้ตัวอย่างเพื่อวิเคราะห์ว่า เมื่อเผชิญกับสภาวะตลาดที่มีความผันผวนอย่างรุนแรงในอุตสาหกรรมอนุพันธ์ทางการเงิน ควรจัดการอย่างไรให้เหมาะสม เพื่อปกป้องตนเองและควบคุมความเสี่ยง
สำหรับนักลงทุนทั่วไป เมื่อเผชิญกับความผันผวนของตลาดที่รุนแรงและการเคลื่อนไหวของราคาที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับสภาวะปกติ จำเป็นต้องประเมินว่า บัญชีการลงทุนของตนมีความสามารถในการรองรับความผันผวนดังกล่าวได้หรือไม่
ยกตัวอย่างจากกราฟแท่งเทียน 15 นาทีของคู่เงิน GBP/USD ในกรณีที่มีการเคลื่อนไหวปกติ เมื่อแท่งเทียนขาขึ้นใหญ่ปรากฏขึ้น จำนวนจุดที่เคลื่อนไหวขึ้น/ลงจะอยู่ในช่วงประมาณ 20-30 จุด แต่หากตลาดเกิดความผันผวนอย่างกะทันหัน การเคลื่อนไหวของแท่งเทียน 15 นาที อาจสูงถึง 60-80 จุด ซึ่งในกรณีนี้ นักลงทุนทั่วไปอาจทำผิดพลาดในการตัดสินทิศทางการเทรด ซึ่งอาจทำให้ขาดทุนได้ถึง 3-4 เท่าของการขาดทุนในช่วงปกติ
ในช่วงเวลานั้น นักลงทุนมักจะหวังพึ่งโชคและทิศทางของตลาด เชื่อว่าจะทำกำไรได้มากขึ้นแต่กลับลืมการควบคุมและบริหารตำแหน่งที่เคยให้ความสำคัญในช่วงเวลาปกติ
ดังนั้น สิ่งที่ต้องเตือนนักลงทุนทั่วไปคือ เมื่อเผชิญกับตลาดที่ผันผวนรุนแรง ควรลดขนาดการเทรด ควบคุมความเสี่ยงจากตำแหน่ง และใส่ใจสถานะของมาร์จินที่ใช้
อีกประการหนึ่ง นักลงทุนทั่วไปควรให้ความสำคัญกับการปรับเลเวอเรจของแต่ละโบรกเกอร์ก่อนที่ตลาดจะเกิดความผันผวนอย่างรุนแรง เพื่อป้องกันไม่ให้มีผลกระทบที่ไม่จำเป็นต่อตำแหน่งการลงทุนของตนเอง
นักลงทุนที่วางแผนการเทรดระยะกลางและยาวควรใส่ใจต่อเหตุการณ์เสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และทำการประเมินสถานะตำแหน่งการลงทุนของตนเองเพื่อการวางแผนที่มีประสิทธิภาพ
โบรกเกอร์มีบทบาทสำคัญในตลาดอนุพันธ์ทางการเงิน โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนรุนแรง โบรกเกอร์จำเป็นต้องรักษาความเสถียรของสเปรดในระหว่างที่ตลาดเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งจัดเตรียมการเสนอราคาที่แม่นยำและปกป้องไม่ให้เกิดการขาดทุนที่ไม่จำเป็น
ดังนั้น โบรกเกอร์จึงต้องมีการดำเนินงานที่มากขึ้นและใส่ใจในรายละเอียดมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันตลาดส่วนใหญ่เลือกใช้วิธีการลดเลเวอเรจเพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากความผันผวนของตลาด
เพราะฉะนั้นก่อนที่ตลาดจะเกิดความผันผวนรุนแรง ธนาคารจึงเลือกที่จะลดเลเวอเรจเพื่อบริหารความเสี่ยง ในขณะเดียวกันโบรกเกอร์ก็จะปรับอัตราเลเวอเรจที่มอบให้แก่ลูกค้าอย่างเหมาะสม ซึ่งกระบวนการนี้จะสะท้อนผลกลับไปยังบัญชีการเทรดของลูกค้า
เพื่อปกป้องการลงทุนและสร้างผลกำไรให้เกิดขึ้น นี่คือกลยุทธ์และวิธีการที่ควรพิจารณา
1. ปรับพอร์ตการลงทุน
ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนนักลงทุนควรประเมินความเสี่ยงของการกระจายการลงทุนในพอร์ตการลงทุนใหม่ ควรเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสถียรสูง เช่น พันธบัตรและทองคำ เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนพร้อมทั้งลดการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น หุ้นและฟิวเจอร์ส
2. การกำหนดจุด Stop Loss
ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน การตั้งจุด Stop Loss เป็นสิ่งสำคัญ จุด Stop Loss หมายถึงระดับที่นักลงทุนจะทำการปิดสถานะการลงทุนเมื่อเกิดการขาดทุนถึงจุดที่กำหนดไว้ เพื่อจำกัดการขาดทุนเพิ่มเติม การตั้งจุดนี้จะช่วยปกป้องเงินทุนและลดความเสี่ยงจากการขาดทุนที่มากเกินไป
3. ควบคุมอารมณ์
ความผันผวนของตลาดสามารถทำให้นักลงทุนมีอารมณ์แปรปรวนและตัดสินใจเทรดอย่างหุนหันพลันแล่น ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงได้ ดังนั้น นักลงทุนควรรักษาความสงบและสติ ไม่ให้ความรู้สึกจากตลาดมีผลต่อการตัดสินใจ ควรวางแผนการลงทุนล่วงหน้าและยึดมั่นตามแผน หลีกเลี่ยงการตามกระแสตลาดโดยไม่พิจารณา
4. การกระจายการลงทุน
การกระจายการลงทุนเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดความเสี่ยง ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน นักลงทุนสามารถกระจายการลงทุนไปยังหลายประเภทสินทรัพย์ อุตสาหกรรม และภูมิภาคที่แตกต่างกัน เพื่อลดความเสี่ยงซึ่งแม้ว่าการลงทุนบางรายการจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่การลงทุนอื่น ๆ อาจช่วยให้ได้รับผลตอบแทนได้
5. การเรียนรู้และปรับตัว
การเปลี่ยนแปลงของสภาพตลาดเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นักลงทุนควรเรียนรู้และปรับตัวให้ทันกับแนวโน้มและโอกาสใหม่ ๆ ในตลาด การเข้าใจความเคลื่อนไหวของอุตสาหกรรม ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ และการเปลี่ยนแปลงของนโยบาย จะช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างรอบคอบและมีความชำนาญมากขึ้น
6. ขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
สำหรับนักลงทุนที่ไม่คุ้นเคยกับตลาด การขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเป็นทางเลือกที่ช่วยให้เราเข้าใจง่ายขึ้น ที่ปรึกษาทางการเงินหรือผู้จัดการการลงทุนสามารถให้คำแนะนำและข้อเสนอแนะที่มีความเชี่ยวชาญ ช่วยให้นักลงทุนสามารถบริหารความเสี่ยงและสร้างผลกำไรได้ดียิ่งขึ้น
โดยการดำเนินการตามมาตรการเหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุนสามารถปรับตัวได้ดีขึ้นกับการเปลี่ยนแปลงของตลาด ลดความเสี่ยง และสร้างผลกำไรได้
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาในบทความนี้ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน หรือเป็นการเสนอหรือเชิญชวนหรือแนะนำผลิตภัณฑ์การลงทุนใด ๆ