นักเทรดที่มีประสบการณ์มักเน้นความสำคัญของการเทรดตามแนวโน้มตลาด แต่หากเลือกทิศทางที่ผิด ควรใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสม เช่น การยึดมั่นในกฎการตั้งจุด Stop Loss เพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุนครั้งใหญ่
นักเทรดที่มีประสบการณ์มักแนะนำความสำคัญของการเทรดตามแนวโน้มตลาดให้แก่ผู้เริ่มต้น เพราะสำหรับการเทรด Forex การเลือกทิศทางเป็นสิ่งสำคัญ หากเลือกทิศทางที่ถูกต้องก็มีโอกาสทำกำไร แต่หากเลือกทิศทางผิดควรจัดการอย่างไร?
จริง ๆ แล้วเทคนิคที่พบได้บ่อยในการเทรด Forex ได้แก่ การตั้งจุด Stop Loss การล็อกตำแหน่ง และการถือครองตำแหน่งไว้โดยไม่ยอมปิด ซึ่งแต่ละวิธีล้วนมีเหตุผลที่สมเหตุสมผลการเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่งควรทำในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงข้อเสียหรือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้แต่ละวิธี
1. การตั้งหยุด Stop Loss
ควรยึดมั่นในกฎการตั้งจุด Stop Loss ที่ได้กำหนดไว้ เพราะการตั้งจุด Stop Lossมีหลายวิธีที่ใช้บ่อย เช่นการตั้งตามระดับแนวรับ-แนวต้าน หรือการตั้งตามการขาดทุนที่ยอมรับได้ เมื่อทิศทางการเทรดเกิดการพลิกกลับ การยึดมั่นในจุดที่เราตั้งจะช่วยป้องกันการขาดทุนที่มากเกินไปได้ หลายคนอาจไม่อยากใช้จุด Stop Loss เพราะกลัวว่าจะถูกหยุดขาดทุนที่จุดกลับตัว แต่โดยหลักแล้วหากมีกฎการตั้งก็ควรปฏิบัติตาม เพราะกฎและหลักการในตลาด Forex นั้นสำคัญมาก
2. การล็อกตำแหน่ง
เรามาพูดถึงเหตุผลที่ทำไมในตลาด Forex ถึงต้องล็อกตำแหน่งกันก่อน โดยส่วนใหญ่มี 3 สาเหตุหลักๆ :
ประการแรกคือเมื่อการคาดการณ์ทิศทางตลาดผิดพลาด และทิศทางการถือครองตำแหน่งไม่ตรงกัน
ประการที่สองคือรู้สึกว่าเกิดการขาดทุนลอยตัวมากเกินไป
ประการที่สามคือการเกิดการเคลื่อนไหวของตลาดใหญ่ในระหว่างการเคลื่อนไหวของตลาดเล็ก ๆ เช่น การปรับตัวลดลงหลังจากการปรับตัวขึ้นครั้งใหญ่ ในกรณีนี้แม้ว่าจะถือครองตำแหน่งซื้อ แต่ก็อาจเปิดตำแหน่งขายเพื่อทำกำไรจากการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ ได้บ้าง
เหตุผลที่นักเทรดเลือกล็อกตำแหน่งคือการไม่ยอมขายตำแหน่งที่ขาดทุน โดยใช้การป้องกันความเสี่ยงเป็นเครื่องมือแก้ไขสถานการณ์แทน การต้องขายตำแหน่งที่ขาดทุนอาจทำให้รู้สึกไม่ยอมรับได้ จึงเลือกที่จะล็อกตำแหน่งเพื่อหวังว่าจะมีเวลาในการแก้ไขสถานการณ์ ในการเทรด Forex หากเกิดความผิดพลาดแม้จะยังมีการคาดการณ์ที่ดีเกี่ยวกับทิศทางตลาด ก็อาจหวังว่าเทคนิคนี้จะช่วยปรับสถานการณ์ให้ดีขึ้น หรือแม้จะขาดทุนแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมรับความจริงและยังคงมีความหวังว่าเทคนิคล็อกตำแหน่งจะช่วยลดการขาดทุนลงได้
การล็อกตำแหน่งใน Forex สามารถช่วยควบคุมการขาดทุนและความเสี่ยงได้ แต่ในความเป็นจริง ผลลัพธ์อาจไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง เพราะเมื่อมีการล็อกตำแหน่ง ความเสี่ยงก็อาจเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการล็อกตำแหน่งหลังจากการขาดทุนหนัก ซึ่งทำให้ขนาดของตำแหน่งขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ การปลดล็อกตำแหน่งเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ในบางกรณี แต่ก็ต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่อาจถูกบังคับปิดบัญชีได้เช่นกัน ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการล็อกตำแหน่ง คือการเทรดด้วยขนาดตำแหน่งที่เล็ก เพื่อให้สามารถควบคุมความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น
3. การถือครองตำแหน่ง
ข้อมูลระบุว่า 75% ของตำแหน่งที่ติดขัดจะได้รับการแก้ไขภายในหนึ่งสัปดาห์ และ 40% จะแก้ไขได้ภายในสองวัน หากการตั้งจุด Stop Loss ถูกใช้บ่อยเกินไปโดยไม่ได้ตั้งตำแหน่งอย่างเหมาะสม ก็อาจทำให้เกิดการขาดทุนที่สะสมและเป็นปัญหาต่อเนื่อง ดังนั้น การเลือกที่จะถือครองตำแหน่งอย่างมั่นคงก็เป็นทางเลือกหนึ่ง บางครั้งการถูกบังคับปิดบัญชีก็เกิดจากการยึดติดกับตำแหน่งเกินไป แต่ในบางกรณี นักเทรดที่สามารถแก้ไขการขาดทุนได้ก็เพราะการยืดหยุ่นและการยึดมั่นในตำแหน่งนั้นเอง
ในการเทรด Forex สิ่งที่สำคัญที่สุดในการยึดมั่นกับตำแหน่งคือการจัดการขนาดตำแหน่งให้ดี ในส่วนนี้เราต้องการเน้นย้ำให้ทุกคนระวัง หากการจัดการขนาดตำแหน่งไม่ดีและตำแหน่งใหญ่เกินไป ก็ไม่ควรยึดมั่นกับมัน
การเทรด Forex นั้นไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ตลาด แต่ยังขึ้นอยู่กับจิตวิทยาของผู้เทรด ซึ่งจิตวิทยานี้มาจากความมั่นใจในตัวเอง โดยมั่นใจว่าราคาจะไม่เบี่ยงเบนจากมูลค่ามากเกินไป เมื่อเผชิญกับการซื้อผิดทิศทาง สิ่งที่ควรทำคือการตั้งจุด Stop Loss และปิดตำแหน่งทันที อย่ารีบร้อนในการเทรดต่อไป ควรใช้เวลาในการสังเกตและยืนยันแนวโน้มของตลาดก่อนที่จะตัดสินใจเข้าทำการเทรดใหม่
สิ่งสำคัญคือต้องหลีกเลี่ยงการเทรดบ่อยเกินไป เนื่องจากในหนึ่งวันตลาด Forex จะมีแค่สองช่วงเวลาที่สำคัญคือหลังบ่ายสองโมงและหลังสามทุ่ม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตลาดยุโรปและสหรัฐฯ เปิดทำการ และมีความผันผวนสูงในช่วงเวลานั้น ดังนั้น ควรเทรดในช่วงเวลานี้ส่วนช่วงเวลาอื่นๆควรใช้เวลาในการพักผ่อนและเตรียมพร้อม
การเทรด Forex ไม่สามารถคาดหวังว่าจะถูกต้องเสมอไปในทุกทิศทาง แต่สิ่งที่สำคัญคือการมีระบบการเทรดที่ชัดเจน เพื่อควบคุมความเสี่ยงและทำให้การเทรดมีประสิทธิภาพ ระบบการเทรดที่ดีประกอบด้วยการกำหนดเหตุผลในการเปิดตำแหน่ง เงื่อนไขในการปิดตำแหน่ง และการจัดการเงินทุนที่รอบคอบ นักลงทุนควรพิจารณาผลลัพธ์ของการเทรดที่ผิดพลาดและเรียนรู้จากมัน เพื่อปรับปรุงการตัดสินใจในการเทรดในอนาคต
เมื่อทิศทางการเทรดผิดพลาด นักลงทุนมักจะตกอยู่ในอารมณ์ที่หวั่นไหว และอาจเกิดการตัดสินใจที่หุนหันพลันแล่น ซึ่งอาจทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลง ดังนั้น การรักษาความเยือกเย็นและความมีสติจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง สิ่งสำคัญคือห้ามให้ความรู้สึกหรืออารมณ์มามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ ควรยึดมั่นในแผนการเทรดที่ได้วางไว้ และยึดหลักการบริหารความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด หากการเทรดไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง นักลงทุนควรใช้เวลาทบทวนและสรุปบทเรียนจากความผิดพลาดนั้น ๆ โดยการวิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้เกิดข้อผิดพลาด และเรียนรู้จากมันอย่างมีสติ เพื่อพัฒนาความสามารถในการตัดสินใจในอนาคต การสะสมประสบการณ์จากการเรียนรู้เหล่านี้ จะช่วยเสริมสร้างทักษะในการเทรดและเพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจ เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดซ้ำในอนาคต
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาในบทความนี้ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน หรือเป็นการเสนอหรือเชิญชวนหรือแนะนำผลิตภัณฑ์การลงทุนใด ๆ