วิธีเทรดหุ้น จุดเริ่มต้นโอกาสลงทุน สำหรับมือใหม่มีอะไรที่ต้องรู้บ้าง

2024-02-07
สรุป

หุ้นเป็นการลงทุนที่มีศักยภาพ แต่ต้องระวังความเสี่ยง ซึ่งนั่นหมายความว่าทำไมคุณถึงต้องทำความเข้าใจกับวิธีเทรดหุ้นที่ถูกต้อง

หุ้นเป็นหนึ่งในทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจและมีศักยภาพสูง แต่ก็มีความเสี่ยงที่ต้องคำนึงถึง เพราะการเทรดหุ้นไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้านักลงทุนไม่รู้วิธีเทรดหุ้นที่ถูกต้อง แต่ก็ใช่ว่าการลงทุนในหุ้นจะเป็นเรื่องยากเกินไป หากคุณมีความรู้ ความเข้าใจในรูปแบบการลงทุน ซึ่งวันนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับวิธีเทรดหุ้น ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่จุดเริ่มต้น โอกาสลงทุน และสิ่งที่มือใหม่ต้องรู้ก่อนที่จะเริ่มเทรดหุ้นแบบจริงจัง และไม่ว่าคุณจะมีเป้าหมายในการลงทุนระยะสั้น หรือระยะยาว เราหวังว่าสาระที่เรานำมาฝากนี้ จะเป็นประโยชน์และช่วยให้คุณเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับสินทรัพย์ประเภทนี้

 

หุ้นคืออะไร และวิธีเทรดหุ้นคืออะไร

หุ้น คือ สิทธิ์การเป็นเจ้าของของบริษัท หรือกิจการที่เปิดขายหุ้นให้กับสาธารณชน ผู้ที่ซื้อหุ้นของบริษัทหนึ่ง จะได้รับส่วนแบ่งของกำไร หรือเรียกว่า เงินปันผล และสิทธิในการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจของบริษัท หรือเรียกว่า สิทธิเสียง นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นยังสามารถขายหุ้นของตนเองให้กับผู้อื่นได้ หรือเรียกว่า การโอนหุ้น ซึ่งเป็นวิธีเทรดหุ้นรูปแบบหนึ่ง

การเทรดหุ้น คือ กิจกรรมการซื้อขายหุ้นเพื่อสร้างกำไร ผู้ที่เทรดหุ้นจะพยายามคาดการณ์ว่า ราคาหุ้นของบริษัทใด จะเพิ่มขึ้นหรือลดลงในอนาคต แล้วเริ่มต้นวิธีเทรดด้วยการทำการซื้อหรือขายหุ้นตามที่เห็นสมควร ผู้ที่เทรดหุ้น จะได้รับกำไร หากราคาหุ้นที่ซื้อหรือขายมีการเปลี่ยนแปลงตามทิศทางที่คาดหวัง แต่จะเสียเงินหากราคาหุ้นที่ซื้อหรือขาย มีการเปลี่ยนแปลงตรงกันข้ามกับที่คาดหวัง ซึ่งการเทรดหุ้นมีความเสี่ยงสูง และต้องใช้ความรู้ ความเข้าใจ และเครื่องมือที่เหมาะสม เพื่อวิเคราะห์และตัดสินใจ

 

ควรเริ่มเลือกเล่นหุ้น และเลือกวิธีเทรดหุ้นแบบไหนดี

หุ้นเป็นหนึ่งในตัวเลือกการลงทุนที่น่าสนใจ แต่วิธีเทรดหุ้นที่ดีคือการเลือกเล่นหุ้นที่เหมาะสม แล้วหุ้นแบบไหนถึงจะเรียกว่าหุ้นที่ดี คำตอบนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย และนี่คือ 2 ปัจจัยที่จะช่วยให้คุณเลือกหุ้นได้ง่ายขึ้น

1. วัตถุประสงค์การลงทุน อันดับแรกคือ คุณต้องบอกตัวเองให้ได้ก่อนว่า ต้องการการลงทุนเพื่ออะไร เช่น เพื่อเก็บเงินออม เพื่อเพิ่มรายได้ เพื่อเตรียมเกษียณ วัตถุประสงค์การลงทุนจะมีผลต่อการเลือกประเภทหุ้นที่เหมาะสม เช่น ถ้าคุณต้องการเก็บเงินออม คุณอาจเลือกหุ้นที่มีปันผลสูง แต่มีความผันผวนต่ำ เน้นถือครองต่อเนื่อง เป็นต้น

2. ระยะเวลาการลงทุน คำถามต่อมาคือ คุณต้องการลงทุนในระยะเวลาเท่าไหร่ เช่น ระยะสั้น ระยะกลาง หรือระยะยาว เพราะระยะเวลาการลงทุนจะมีผลต่อการเลือกหุ้นที่เหมาะสม เช่น ถ้าต้องการลงทุนในระยะสั้น ก็อาจใช้วิธีเทรดหุ้นด้วยการเลือกหุ้นที่มีการเปลี่ยนแปลงราคาเร็ว และมีสภาพคล่องในการซื้อ ถ้าต้องการลงทุนในระยะกลาง ก็อาจเลือกหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะกลาง และมีปัจจัยพื้นฐานดี เป็นต้น

 

แนวทางการศึกษาและวิเคราะห์หุ้นที่มีความสนใจ

การศึกษาและวิเคราะห์หุ้นเป็นขั้นตอนสำคัญอันดับแรก ในการเลือกหุ้นที่มีศักยภาพ เพราะจะช่วยให้คุณเข้าใจความแข็งแกร่งของบริษัท และความเหมาะสมของราคาหุ้น การศึกษาและวิเคราะห์หุ้นมี 2 แนวทางหลัก คือ

1. การวิเคราะห์พื้นฐาน คือการศึกษาข้อมูลทางการเงิน และปัจจัยภายนอกที่มีผลต่อธุรกิจของบริษัท เช่น ผลประกอบการ อัตรากำไร อัตราเงินปันผล แนวโน้มของอุตสาหกรรม และสภาวะเศรษฐกิจ การวิเคราะห์พื้นฐานจะช่วยให้นักลงทุนสามารถหาวิธีเทรดหุ้นที่ช่วยประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของหุ้น และเปรียบเทียบกับราคาตลาด เพื่อหาหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่าจริง หรือหุ้นที่มีอนาคตและแนวโน้มที่ดีได้

2. การวิเคราะห์ทางเทคนิค คือ การศึกษาการเคลื่อนไหวของราคาและปริมาณการซื้อขายหุ้น โดยใช้เครื่องมือทางคณิตศาสตร์ และรูปแบบกราฟ การวิเคราะห์ทางเทคนิคจะช่วยให้เทรดเดอร์พบจุดเข้าออกของการซื้อขายหุ้น และคาดการณ์แนวโน้มของราคาหุ้นได้

 

การเทรดหุ้น


การเลือกสไตล์วิธีเทรดหุ้น และกำหนดกลยุทธ์การเทรด

สไตล์การเทรด คือ วิธีเทรดหุ้นที่ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการถือหุ้น ซึ่งแต่ละสไตล์ก็จะมีลักษณะ ข้อดี ข้อเสีย และกลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสมต่างกันไป มาดูกันว่าจะมีกลยุทธ์การเทรดสไตล์ไหนที่น่าสนใจบ้าง

1. Day Trading เป็นสไตล์การเทรดที่ซื้อและขายหุ้นจบภายในวันเดียว ไม่มีการถือหุ้นข้ามคืน เหมาะกับผู้ที่มีเวลาดูตลาดทั้งวัน และชอบเก็งกำไรในระยะสั้น ข้อดีคือไม่ต้องเสี่ยงกับการกระโดดของราคาในวันถัดไป และสามารถรับรู้กำไรหรือขาดทุนได้ทันที

2. Trend Following เป็นการเทรดที่เทรดตามแนวโน้มของราคา ไม่สนใจมูลค่าทางพื้นฐานของหุ้น เหมาะกับผู้ที่ชอบเก็บกำไรก้อนโต และไม่รีบร้อนในการเก็บกำไร ข้อดีคือมีโอกาสได้กำไรมากถ้าราคาวิ่งตามเทรนด์ และไม่ต้องเทรดบ่อย

3. Momentum Trading เป็นวิธีเทรดหุ้นที่เล่นตามโมเมนตัมของราคา คือการซื้อหุ้นที่มีปริมาณการซื้อขายสูง และราคาพุ่งขึ้น หรือขายหุ้นที่มีปริมาณการซื้อขายสูง และราคาพุ่งลง เหมาะกับผู้ที่ชอบเล่นรอบ และไม่อยากถือหุ้นนาน ข้อดีคือสามารถได้กำไรไว และไม่ต้องเสี่ยงกับการเปลี่ยนแปลงของราคาในระยะยาว

4. Swing Trading เป็นสไตล์การเทรดที่ย่อซื้อ คือรอให้ราคาย่อตัวก่อน ค่อยหาจังหวะในการเข้าซื้อ แล้วรอราคาเด้งค่อยขาย เหมาะกับผู้ที่ชอบเก็บกำไรเป็นรอบ ๆ และไม่อยากเสี่ยงกับการวิ่งของราคา ข้อดีคือ Win Rate ที่สูง และไม่ต้องถือหุ้นนาน

 

วิธีเทรดหุ้นแบบเน้นการจัดการความเสี่ยง เพื่อการลงทุนที่ปลอดภัยกว่า

การลงทุนในหุ้นเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง เพราะผลตอบแทนที่จะได้รับไม่แน่นอน และขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ผลประกอบการของบริษัท ภาวะเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงทางการเงิน หรือการเมือง ดังนั้น ผู้ลงทุนในหุ้นควรมีวิธีเทรดหุ้นไปพร้อม ๆ การจัดการความเสี่ยง เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งสามารถทำได้โดย

1. การกระจายความเสี่ยง ด้วยการลงทุนในหุ้นหลายตัว หรือหุ้นหลายประเภท ซึ่งมีความเสี่ยงและผลตอบแทนที่แตกต่างกัน การกระจายความเสี่ยงจะช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดจากการลงทุนกระจุกตัวในหุ้นตัวเดียว หรือหุ้นในอุตสาหกรรมเดียว ซึ่งอาจเกิดผลตอบแทนที่ต่ำหรือขาดทุนได้หากหุ้นนั้นมีปัญหา หรืออุตสาหกรรมนั้นเสื่อมถอยทางเศรษฐกิจ

2. การลงทุนด้วยการทำ DCA (Dollar-Cost Averaging) เป็นการลงทุนในหุ้นด้วยจำนวนเงินคงที่ ในช่วงเวลาที่กำหนด ไม่ว่าราคาหุ้นจะขึ้นหรือลง การทำ DCA จะช่วยเฉลี่ยต้นทุนได้ ช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนในราคาสูงเกินไป หรือพลาดโอกาสในการลงทุนในราคาต่ำ

3. การลงทุนในระยะยาว เป็นการลงทุนในหุ้นโดยมีเป้าหมายและระยะเวลาที่ชัดเจน ไม่ได้เน้นการซื้อขายหุ้นบ่อย ๆ เพื่อหากำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้น การลงทุนในระยะยาวจะช่วยลดค่าธรรมเนียมการซื้อขายหุ้น ลดภาษีที่ต้องจ่าย และลดความเสี่ยงจากการลงทุนในราคาหุ้นที่ผันผวนได้ด้วย


ด้วยความเข้าใจในวิธีเทรดหุ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพื้นฐานทั่วไป จนถึงเรื่องเทคนิค และกลยุทธ์สำหรับนักลงทุน ทั้งหมดนี้จะช่วยให้การลงทุนหรือการเทรดหุ้นของคุณทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือ การหมั่นเติมความรู้การลงทุนอยู่เสมอ ต้องติดตามข่าว กระแส และความเคลื่อนไหวของตลาดอยู่ตลอดเวลาด้วย

ความหมายและนัยของช่องว่างกรรไกร M1 M2

ความหมายและนัยของช่องว่างกรรไกร M1 M2

ช่องว่างกรรไกร M1 M2 วัดความแตกต่างในอัตราการเติบโตระหว่างอุปทานเงิน M1 และ M2 โดยเน้นย้ำถึงความแตกต่างในสภาพคล่องทางเศรษฐกิจ

2024-12-20
วิธีการซื้อขาย Dinapoli และการประยุกต์ใช้

วิธีการซื้อขาย Dinapoli และการประยุกต์ใช้

วิธีการซื้อขาย Dinapoli เป็นกลยุทธ์ที่รวมตัวบ่งชี้ชั้นนำและตามหลังเพื่อระบุแนวโน้มและระดับสำคัญ

2024-12-19
พื้นฐานและรูปแบบของสมมติฐานทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพ

พื้นฐานและรูปแบบของสมมติฐานทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพ

สมมติฐานตลาดที่มีประสิทธิภาพระบุว่าตลาดการเงินจะรวมข้อมูลทั้งหมดไว้ในราคาสินทรัพย์ ดังนั้นการทำผลงานดีกว่าตลาดจึงไม่น่าจะเกิดขึ้น

2024-12-19