ฟิวเจอร์ส vs ออปชั่น เลือกเทรดตัวไหนดี?

การเลือกตราสารการเทรดที่เหมาะสมอาจเป็นเรื่องท้าทาย โดยเฉพาะเมื่อต้องตัดสินใจระหว่างฟิวเจอร์ส (Futures) และออปชั่น (Options) ซึ่งทั้งสองเป็นเครื่องมือที่ช่วยทั้งป้องกันความเสี่ยงและสร้างโอกาสทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคา แต่ทั้งสองมีวิธีการทำงานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ฟิวเจอร์สเป็นสัญญาที่กำหนดให้ผู้ซื้อและผู้ขายต้องทำธุรกรรมในอนาคตตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า ขณะที่ออปชั่นมอบความยืดหยุ่นมากกว่า เพราะผู้ถือออปชั่นสามารถเลือกได้ว่าจะใช้สิทธิซื้อหรือขายหุ้นหรือไม่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทิศทางของตลาด การเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นการปกป้องพอร์ตการใช้เงินทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุดหรือทดลองกลยุทธ์การเทรดใหม่ ๆ

ทำความเข้าใจพื้นฐานของฟิวเจอร์สและออปชั่น

โดยพื้นฐานแล้ว ฟิวเจอร์สและออปชั่นเป็นตราสารอนุพันธ์ ซึ่งหมายความว่ามูลค่าของมันขึ้นอยู่กับสินทรัพย์พื้นฐาน เช่น หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ หรือดัชนีต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทั้งสองจะคล้ายกันในแง่ของการใช้เป็นเครื่องมือในการลงทุน แต่มีวิธีการทำงานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

สัญญาฟิวเจอร์สคือข้อตกลงในการซื้อหรือขายสินทรัพย์ในราคาที่ตกลงกันล่วงหน้า และจะดำเนินการในวันที่กำหนดในอนาคต โดยสัญญานี้มีผลผูกพัน หมายความว่าทั้งสองฝ่ายต้องทำตามข้อตกลงไม่ว่าราคาของสินทรัพย์ในตลาดจะเป็นอย่างไร ฟิวเจอร์สมักถูกใช้ในการซื้อขายสินค้า เช่น น้ำมันและทองคำ รวมถึงสินทรัพย์ทางการเงินอย่างดัชนีหุ้น

ออปชั่นเป็นตราสารที่ให้สิทธิแก่ผู้ซื้อในการซื้อหรือขายหุ้นในราคาที่ตกลงกันล่วงหน้า ก่อนวันที่หมดอายุที่กำหนด โดยไม่ผูกมัดให้ต้องทำตามซึ่งมีสองประเภทคือ Call Option ที่ให้สิทธิในการซื้อและ Put Option ที่ให้สิทธิในการขาย แตกต่างจากฟิวเจอร์สตรงที่หากตลาดไม่เป็นไปตามที่คาด ผู้ถือออปชั่นสามารถปล่อยให้สัญญาหมดอายุไปได้ โดยไม่ต้องทำการซื้อขาย ซึ่งจะทำให้ขาดทุนจำกัดแค่ค่าเบี้ยประกันที่จ่ายไป

ถึงแม้ว่าทั้งฟิวเจอร์สและออปชั่นจะถูกใช้เพื่อการเก็งกำไรและป้องกันความเสี่ยง แต่ความแตกต่างพื้นฐานของทั้งสองทำให้เทรดเดอร์และนักลงทุนใช้พวกมันในตลาดในลักษณะที่แตกต่างกัน

ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างฟิวเจอร์สและออปชั่น

หนึ่งในความแตกต่างที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของข้อผูกมัด สัญญาฟิวเจอร์สเป็นสัญญาที่มีผลผูกพันตามกฎหมาย ซึ่งหมายความว่าทั้งผู้ซื้อและผู้ขายต้องดำเนินการตามข้อตกลงเมื่อสัญญาหมดอายุ ขณะที่ออปชั่นให้ความยืดหยุ่นหากสัญญาไม่เป็นไปตามที่คาด ผู้ถือออปชั่นสามารถเลือกที่จะไม่ทำการซื้อขายได้ ซึ่งจะทำให้ขาดทุนจำกัดแค่จำนวนเงินที่จ่ายไปสำหรับออปชั่นนั้น

ในด้านเลเวอเรจ ฟิวเจอร์สและออปชั่นต่างก็มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มศักยภาพในการลงทุน เนื่องจากช่วยให้เทรดเดอร์สามารถควบคุมตำแหน่งใหญ่ด้วยเงินทุนน้อยลง ฟิวเจอร์สมักมีเลเวอเรจที่สูงกว่า ทำให้ทั้งกำไรและขาดทุนสามารถขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ออปชั่น แม้ว่าจะมีเลเวอเรจเช่นเดียวกัน แต่ความเสี่ยงจะจำกัดอยู่แค่ค่าเบี้ยประกันที่จ่ายไปหากสัญญาหมดอายุโดยไม่ใช้สิทธิ

นอกจากนี้ โครงสร้างของสัญญาฟิวเจอร์สและออปชั่นยังมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน สัญญาฟิวเจอร์สมักมีเงื่อนไขที่เป็นมาตรฐาน เช่น สินทรัพย์ ราคา และวันที่หมดอายุ ซึ่งสามารถซื้อขายได้ในตลาดที่มีการกำกับดูแล ขณะที่ออปชั่นแม้จะมีมาตรฐานเช่นเดียวกัน แต่ราคาการใช้สิทธิและวันที่หมดอายุอาจมีความแตกต่าง ซึ่งทำให้มีความยืดหยุ่นมากกว่า อย่างไรก็ตาม การตั้งราคาของออปชั่นต้องพิจารณาปัจจัยหลายอย่าง เช่น การเสื่อมค่าเวลาและความผันผวนที่บ่งชี้ เพื่อให้ได้ราคาที่ถูกต้องและเหมาะสม

ความเสี่ยงและผลตอบแทน

ทั้งฟิวเจอร์สและออปชั่นมีความเสี่ยงที่แตกต่างกัน ซึ่งเทรดเดอร์ควรทำความเข้าใจให้ชัดเจนเพื่อการตัดสินใจที่ดีขึ้น

ความเสี่ยงของฟิวเจอร์ส: เนื่องจากสัญญาฟิวเจอร์สมีข้อผูกมัดที่ต้องชำระบัญชี การเคลื่อนไหวของตลาดในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับการคาดการณ์อาจทำให้เกิดความเสียหายที่รุนแรง โดยเฉพาะเมื่อใช้เลเวอเรจ ความขาดทุนจะขยายตัวอย่างรวดเร็ว บางครั้งอาจเกินกว่าการลงทุนเริ่มต้นและทำให้เกิดการเรียกเก็บเงินมาร์จิ้น

ความเสี่ยงของออปชั่น: สำหรับผู้ซื้อออปชั่น ความเสี่ยงสูงสุดจะถูกจำกัดไว้ที่ค่าเบี้ยประกันที่จ่ายไปเท่านั้น แต่สำหรับผู้ขายออปชั่น การขาดทุนอาจขยายตัวได้อย่างไม่มีขีดจำกัดหากตลาดเคลื่อนไหวไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้

ผลกระทบจากความผันผวนของตลาด: ความผันผวนของตลาดมีผลต่อราคาของทั้งฟิวเจอร์สและออปชั่น ราคาฟิวเจอร์สจะได้รับผลกระทบจากอุปสงค์อุปทาน อัตราดอกเบี้ย และเหตุการณ์ทางการเมือง ขณะที่ออปชั่นจะได้รับผลกระทบจากการเสื่อมค่าเวลา โดยเฉพาะหากราคาหุ้นไม่เคลื่อนไหว ทำให้การลงทุนในออปชั่นมีความเสี่ยงจากการหมดอายุของสัญญาโดยไม่เกิดกำไร

เมื่อใดควรเลือกใช้ฟิวเจอร์สหรือออปชั่น

ทั้งฟิวเจอร์สและออปชั่นถูกใช้โดยเทรดเดอร์และนักลงทุนตามวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน โดยแต่ละเครื่องมือมีการประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ที่เหมาะสมดังนี้:

การป้องกันความเสี่ยง (Hedging): ฟิวเจอร์สเป็นเครื่องมือที่ใช้กันอย่างแพร่หลายเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงราคาของสินค้า เช่น น้ำมันหรือผลิตภัณฑ์เกษตร ซึ่งธุรกิจต่าง ๆ ใช้เพื่อรักษาความมั่นคงทางการเงิน ขณะที่ออปชั่นช่วยให้เทรดเดอร์สามารถปกป้องพอร์ตการลงทุนจากความเสี่ยง โดยการซื้อ Put Option ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากราคาหุ้นที่อาจตกต่ำ

การเก็งกำไร (Speculation): ฟิวเจอร์สและออปชั่นสามารถใช้เพื่อเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของตลาด ฟิวเจอร์สช่วยให้ทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคาที่คาดการณ์ไว้ได้อย่างชัดเจน ในขณะที่ออปชั่นมอบความยืดหยุ่นในการใช้กลยุทธ์ที่หลากหลาย เช่น สเปรด (Spreads) หรือสแตรดเดิล (Straddles) เพื่อใช้ประโยชน์จากความผันผวนของราคา

การกระจายการลงทุน (Portfolio diversification): เทรดเดอร์ที่ต้องการกระจายการลงทุนออกไปจากหุ้นทั่วไปสามารถใช้ฟิวเจอร์สเพื่อลงทุนในสินค้าทางการค้า ดัชนี หรืออัตราดอกเบี้ย ซึ่งช่วยกระจายความเสี่ยง ในขณะที่ออปชั่นช่วยให้การลงทุนมีความยืดหยุ่นมากขึ้น เช่น การสร้างรายได้จากการขายออปชั่นการซื้อ หรือการเพิ่มผลตอบแทนผ่านการใช้เลเวอเรจ

ข้อพิจารณาสำหรับเทรดเดอร์

การเลือกใช้ฟิวเจอร์สหรือออปชั่นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยสำคัญ เช่น ความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้ วัตถุประสงค์ในการลงทุน และความเข้าใจในตลาดฟิวเจอร์สต้องการความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับมาร์จิ้นและการบริหารความเสี่ยง เนื่องจากมันมีการรับความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวของราคาโดยตรง ซึ่งหมายความว่าเทรดเดอร์ต้องสามารถจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ออปชั่นมอบความยืดหยุ่นในการเลือกใช้สิทธิ แต่ก็ต้องการความรู้ในเรื่องการตั้งราคาออปชั่น เช่น การประเมินความผันผวนและการเสื่อมค่าเวลา ซึ่งสามารถส่งผลต่อผลลัพธ์จากการลงทุน

ในด้านของกฎระเบียบและภาษี ฟิวเจอร์สมักจะมีการจัดการภาษีและข้อกำหนดมาร์จิ้นที่มีความเฉพาะเจาะจงจากตลาดที่มีการกำกับดูแล ขณะที่ออปชั่นต้องปฏิบัติตามกฎเฉพาะเกี่ยวกับการเก็บภาษีกำไรจากการลงทุน ซึ่งจะขึ้นอยู่กับวิธีการที่ใช้ในการเทรด การทำความเข้าใจในประเด็นเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญในการวางแผนการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ

สุดท้ายการตัดสินใจเลือกว่าจะใช้ฟิวเจอร์สหรือออปชั่นนั้นต้องคำนึงถึงสไตล์การเทรดและเป้าหมายทางการเงินของคุณ หากคุณชอบการรับความเสี่ยงสูงและต้องการเข้าถึงตลาดโดยตรง ฟิวเจอร์สอาจจะเหมาะสมกว่า แต่หากคุณต้องการความยืดหยุ่นในการบริหารความเสี่ยงและผลตอบแทนที่สามารถควบคุมได้ ออปชั่นอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า การเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับการลงทุนของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ