จุดจบของการใช้อารมณ์เป็นหลักในการเทรด มักจะล้มเหลวทุกราย แต่นักเทรดที่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ ไม่โฟกัสที่การเอาคืนหรือแก้มือ คือสัญญาณของจิตวิทยาที่ดีในการเทรด
การซื้อขายหุ้นฟิวเจอร์มีความแตกต่างจากการเทรดหุ้นแบบอื่นทั่วไป เพราะเป็นการซื้อขายสัญญาล่วงหน้า หรือเรียกว่าการซื้อขายอนุพันธ์ ซึ่งแต่ละอนุพันธ์ก็จะมีอายุสัญญาที่ต่างกัน โดยที่สามารถวางหลักประกันการซื้อขายได้ นั่นหมายความว่า นักเทรดไม่จำเป็นต้องลงทุนด้วยเงินเต็มจำนวน แต่สามารถทำกำไรได้ในทุกช่วงตลาด จึงกลายเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของการเทรดหุ้นประเภทนี้ ที่ทำให้นักเทรดหลายท่านสนใจที่จะลงทุน
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรการลงทุนในตลาดหุ้น หากคาดเดาทิศทางของตลาดผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้เสียผลกำไรได้ นักเทรดจึงต้องมีไหวพริบและจิตวิทยาที่ดีในการเทรด ควบคู่กับการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลาด้วย มาดูกันดีกว่าว่านักเทรดที่เก่งนั้น เขาฝึกฝนจิตวิทยาการเทรดกันอย่างไรบ้าง
จิตวิทยาการเทรด คือ สภาวะอารมณ์และจิตใจของนักเทรดในการตัดสินใจลงทุน หากนักเทรดมีสภาพอารมณ์ที่เกิดจากความกลัว ความโลภ หรือความวิตกจนเกินไป มักทำให้มีผลกระทบกับการเทรดได้ เพราะเมื่อขาดสติแล้ว ก็จะทำให้นักเทรดมองข้ามพื้นฐานความเป็นจริง และเทรดหุ้นฟิวเจอร์ไปด้วยอารมณ์เชิงลบ หรือมองบวกมากเกินไป จนทำให้การเทรดนั้นล้มเหลวได้ง่าย ๆ ดังนั้นควรเริ่มต้นการเทรดพร้อม ๆ กับการฝึกจิตวิทยาในการเทรดเหล่านี้ด้วย
1. ประเมินพฤติกรรมของตัวเองเป็นอันดับแรก
นี่คือกุญแจสำคัญอันดับแรกในการฝึกจิตวิทยาการเทรดหุ้น นักเทรดต้องรู้ตัวเองก่อนว่าตนเองมีนิสัยส่วนตัวอย่างไร เพื่อที่จะปรับปรุง และพัฒนาด้านบวกของตนเองให้เทรดเก่งขึ้น พร้อมกับแก้ไขเพื่อปรับจุดด้อย และหาวิธีควบคุมให้ได้ ยกตัวอย่างเช่น หากนักเทรดเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองสูง ย่อมทำให้มีผลในการตัดสินใจเทรดรวดเร็วโดยขาดการไตร่ตรองก่อน ในขณะเดียวกัน หากนักเทรดเป็นคนขี้กลัว คิดมาก ก็มีผลทำให้การตัดสินใจเทรดนั้นเกิดความลังเล อาจพลาดทั้งโอกาสทำกำไร และเกิดการขาดทุนหนักได้
2. ฝึกกลยุทธ์ใหม่ ๆ ด้วยบัญชีทดลอง
บัญชีทดลองเทรดไม่ได้เป็นเครื่องมือที่เป็นประโยชน์เฉพาะนักเทรดมือใหม่เท่านั้น นักลงทุนที่มีประสบการณ์แล้วก็สามารถที่จะเรียนรู้ ฝึกฝนกลยุทธ์ที่ยังไม่ชำนาญ และฝึกความอดทนกับบัญชีทดลองได้ทุกเมื่อ เพราะเมื่อเป็นบัญชีจำลองการซื้อขายเสมือนจริง จะขาดทุนหรือกำไรก็ไม่กระทบกับเงินทุนของผู้เทรด นี่จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยฝึกควบคุมสภาพอารมณ์ของนักเทรดได้ และยังช่วยฝึกในการใช้กลยุทธ์ได้แม่นยำขึ้น ทำให้เห็นไอเดียใหม่ในการเก็งกำไรก่อนเข้าสนามลงทุนจริง
3. ฝึกคิดให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจ
นักเทรดควรมีการกำหนดเป้าหมายระยะยาว หรือหากมีแผนการเทรดระยะสั้นที่ได้กำไรวันต่อวัน ก็ควรเป็นการเทรดที่ให้มูลค่าสูง มีความคุ้มค่ามากกว่า เมื่อเล็งเห็นราคาหุ้นฟิวเจอร์แล้วประเมินว่า สามารถปิดการซื้อขายได้ ควรหยุดชั่งใจ ให้เวลาตัวเองทบทวนถึงผลกำไร และความเสี่ยงในการขาดทุนให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อน เพราะความผันผวนนั้นมีการเปลี่ยนแปลงเสมอ
4. เทรดด้วยเงินเย็น และกระจายความเสี่ยงให้พอร์ต
การเทรดที่ไม่เกินเงินลงทุนของนักเทรด เป็นวิธีการป้องกันที่ทำให้นักเทรดไม่ถลำลึกกับการเทรดมากเกินไป ต้องนึกไว้เสมอว่า การเทรดทุกครั้งต้องทำให้ได้กำไรด้วยทุนที่มีเท่านั้น เพื่อรักษาพอร์ตของตัวเองไว้ ห้ามกู้หนี้ยืมสินมาเทรดโดยเด็ดขาด และควรเลือกสินทรัพย์ที่จะเทรดให้มีความหลากหลาย เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ต อย่างน้อยหากขาดทุนก็ยังมีสินทรัพย์อื่น ๆ ที่มีโอกาสทำกำไรคืนได้ ไม่ควรเทรดแบบ All-IN ในตัวใดตัวหนึ่งโดยเด็ดขาด
5. ติดตามหาความรู้จากนักเทรดมืออาชีพโดยตรง
ไม่ว่าคุณจะเตรียมตัวมาดีแค่ไหน หรือศึกษาหุ้นทุกตัวจนสามารถบอกรายละเอียดได้หมด แต่นักเทรดที่ดีจะต้องไม่ละทิ้งความรู้ใหม่ ๆ ในการเทรด ตลาดสินทรัพย์ หรือว่าหุ้นตัวไหนที่กลับมาเฟื่องฟูในตลาดอีกครั้ง นอกจากจะค้นคว้าอัปเดตข้อมูลด้วยตัวเองแล้ว การติดตามจากนักเทรดมืออาชีพ หรือนักวิเคราะห์จากสถาบันชั้นนำ จะทำให้คุณได้เรียนรู้นิสัยในการใช้จิตวิทยาการเทรดของคนที่ประสบความสำเร็จ และสามารถนำมาเป็นต้นแบบให้คุณเทรดเก่งอย่างมืออาชีพได้
6. ยอมรับความผิดพลาดจากการขาดทุน
จำไว้ว่าไม่มีนักเทรดคนไหนที่ไม่เคยขาดทุน ทุกคนล้วนแต่เรียนรู้จากความล้มเหลวทั้งนั้น เช่นกันหากคุณเทรดแล้วผิดพลาด เสียทุนไปบ้าง ก็ขอให้ใจเย็น ยอมรับและเข้าใจว่าการเทรดครั้งนี้คุณพลาดตรงจุดไหน แล้ววางแผนการเทรดใหม่เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เดิมซ้ำอีก ทุกความผิดพลาดมักให้อะไรกลับมาที่มากกว่าการขาดทุนเสมอ
ความรู้ทางการเงินเป็นตัวกำหนดว่าการเทรดของคุณจะมีแนวโน้มประสบความสำเร็จมากแค่ไหน แต่จิตวิทยาในการเทรดก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน การฝึกฝนอารมณ์ในการเทรดด้วยสภาพจิตใจเชิงบวกมีผลอย่างมากที่จะทำให้คุณตัดสินใจเทรดอย่างมีชั้นเชิง และคาดการณ์ตลาดได้ถูกต้อง มีโอกาสทำกำไรได้มากกว่าแน่นอน