คาดการณ์การล่มสลายของตลาดหุ้นปี 2025: นักวิเคราะห์มองอย่างไร?

2025-08-22
สรุป

ความหวาดกลัวต่อการล่มสลายของตลาดหุ้นมีเพิ่มมากขึ้นในปี 2025 อ่านความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ ปัจจัยกระตุ้นที่เป็นไปได้ และกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อก้าวข้ามความไม่แน่นอนในตลาด

แม้ในปี 2025 การเกิด “วิกฤตตลาดหุ้น” จะไม่ใช่กรณีพื้นฐานที่สถาบันการเงินรายใหญ่คาดการณ์ไว้ แต่ความเป็นไปได้ของการปรับฐานอย่างรุนแรง (ลดลง 10–20%) ยังค่อนข้างสูง เนื่องจากมูลค่าหุ้นยังอยู่ในระดับสูง ภาคเทคโนโลยีที่นำโดย AI เริ่มแสดงความผันผวน และความไม่แน่นอนจากการดำเนินนโยบายของ Federal Reserve ที่จะประกาศก่อนการประชุม Jackson Hole


ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่า อัตราส่วน P/E ล่วงหน้าอยู่ที่ประมาณ 22–23 ค่า Shiller CAPE อยู่ในช่วงสูง 30s และตลาดเทคโนโลยีมีการขายทำกำไร ส่งผลให้เงินทุนถูกย้ายไปยังภาคส่วนที่มีราคาย่อมเยามากขึ้น


สัญญาณเหล่านี้รวมกันบ่งชี้ว่า หากการเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำกว่าคาด หรือเกิดความผิดพลาดด้านนโยบาย ความเสี่ยงด้านลบของตลาดหุ้นอาจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว


ทำไมกระแสข่าวการล่มสลายของตลาดหุ้น จึงกลับมาอีกครั้งในปี 2025?

Stock Market Crash 2025

ตลาดมักกังวลพร้อมกันสามเรื่อง ได้แก่ ราคาหุ้น นโยบายการเงิน และการจัดพอร์ต ในเดือนสิงหาคม 2025 ทั้ง 3 ปัจจัยต่างส่งสัญญาณ:


1) ราคา :

หุ้นสหรัฐซื้อขายที่อัตราส่วนราคาต่อกำไรสูงเมื่อเทียบกับเกณฑ์ประวัติศาสตร์ โดยค่า P/E ล่วงหน้าอยู่ที่ประมาณ 23 ในขณะที่ค่า Shiller CAPE อยู่ในช่วงสูง 30s ซึ่งเป็นโซนที่ตามประวัติศาสตร์มักให้ผลตอบแทนล่วงหน้าต่ำและความเสี่ยงด้านลบสูง


2) นโยบาย :

Federal Reserve กลายเป็นศูนย์กลางของการถกเถียงเรื่องความเร็วในการปรับลดดอกเบี้ยโดยไม่กระตุ้นเงินเฟ้อซ้ำ ในการประชุม Jackson Hole เจ้าหน้าที่แสดงท่าทีระมัดระวังต่อการลดดอกเบี้ยในระยะสั้น ทำให้ตลาดยังคงมีความไม่แน่นอน


3) การวาง Position :

หุ้นผู้นำตลาดยังเน้นหนักไปที่กลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนเริ่มประเมินผลตอบแทนจากการลงทุนใน AI อีกครั้ง เราเห็นสัญญาณการหมุนเงินออกจากหุ้นที่มีมูลค่าสูง นับเป็นสัญญาณเตือนเบื้องต้นว่าการซื้อขายที่แออัดอาจเริ่มคลายตัว


เมื่อรวมทั้งหมดแล้ว นี่ไม่ใช่ภาพมืดมนถึงขั้นล่มสลาย แต่ก็เพิ่มความเป็นไปได้ว่าแม้เกิดแรงกระแทกเล็กน้อยจากผลประกอบการ เงินเฟ้อ หรือเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ อาจทำให้ตลาดปรับตัวลดลงมากกว่าที่คาด


ตามที่ Goldman Sachs ระบุในการวิจัยความเสี่ยงโดยรวม ตลาดมักประเมินระยะเวลาและผลกระทบของเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ต่ำเกินไป ซึ่งพฤติกรรมนี้สามารถเปลี่ยนการปรับฐานที่เรียบร้อยให้กลายเป็น “ช่องว่างอากาศ” ในตลาดได้


คาดการณ์การล่มสลายของตลาดหุ้นปี 2025

Jerome Powell Jackson Hole Speech

1) ธนาคารกลางสหรัฐ: คำพูดหนึ่งครั้ เปลี่ยนความคาดหวังทั้งปี

ทุกสายตาจับจ้องไปที่คำกล่าวของประธาน Jerome Powell ที่ Jackson Hole ด้วยเงินเฟ้อยังคงยืดเยื้อและการเติบโตผสมผสาน เจ้าหน้าที่แสดงท่าทีรอคอยต่อการลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน ทำให้ตลาดเข้าใจว่า Fed ต้องการหลักฐานเพิ่มเติมก่อนผ่อนคลายมาตรการ


ข้อความสำคัญคือ: หาก Powell มีท่าทีแข็งกร้าว (หรือไม่แสดงท่าทีชัดเจน) หุ้นที่มีมูลค่าสูงอาจปรับตัวลดลง เนื่องจากอัตราส่วนลดยังคงสูงเป็นเวลานาน หากเขาเปิดทางสำหรับการลดดอกเบี้ย หุ้นหมวดวงจรเศรษฐกิจอาจปรับตัวขึ้น ขณะที่หุ้นเทคโนโลยีระยะยาวอาจทรงตัว


2) โต๊ะกลยุทธ์ Wall Street: “ไม่ใช่สัญญาณล่มสลาย แต่ระวังความเสี่ยง”

บันทึกล่าสุดจากสถาบันการเงินใหญ่ชี้ให้เห็นสามปัจจัยคุ้นเคย ได้แก่ ตลาดแรงงานชะลอตัว ผลประกอบการผสมผสาน เงินเฟ้อยืดเยื้อ และความเสี่ยงที่ถูกประเมินต่ำ ในขณะที่ดัชนีหุ้นสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น


สาระสำคัญคือ: อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทนแคบลง หากมีข่าวหรือผลลัพธ์ที่น่าผิดหวัง จะถูกขยายผลมากขึ้นเมื่อหุ้นมีมูลค่าสูงอยู่แล้ว


3) หน่วยงานเศรษฐกิจโลก: การเติบโตไม่ได้ตกเหว

การอัปเดตของ IMF ในเดือนกรกฎาคมคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกประมาณ 3.0% ในปี 2025 ชะลอตัวลงแต่ยังห่างไกลจากวิกฤติ ซึ่งช่วยสร้างจุดรองรับต่อความกลัว “ตลาดล่มสลาย” แต่ก็ไม่ได้ลดความผันผวนหากเกิดแรงกระทบใหม่


กล่าวง่าย ๆ คือ มีจุดรองรับทางเศรษฐกิจ แต่ตลาดยังสามารถตอบสนองเกินจริงจากความกลัว


ปัจจัยที่ทำให้เกิดการคาดว่าตลาดหุ้นจะล่มสลายในปี 2025

Shiller PE Ratio

1) ตรวจสอบมูลค่าตลาด: ทำไมตลาดที่แพงไม่จำเป็นต้องมีปัจจัยกระตุ้นใหญ่ก็สามารถปรับตัวลงได้

มูลค่าตลาดไม่ได้เป็นเครื่องมือจับเวลา แต่เป็นตัวกำหนดแรงตึงของตลาด มีสามตัวชี้วัดสำคัญในปี 2025:


  • Forward P/E (S&P 500): อยู่ราว 22–23 สูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวมาก

  • Shiller CAPE: ประมาณ 38 ซึ่งตามประวัติศาสตร์เชื่อมโยงกับผลตอบแทน 10 ปีที่ต่ำกว่า

  • Excess CAPE Yield (ECY): ค่าออกมาแสดงให้เห็นว่าพรีเมียมความเสี่ยงของหุ้นเทียบกับอัตราผลตอบแทนจริงบาง ทำให้ข้อได้เปรียบของหุ้นเหนือพันธบัตรน้อยลง และความประหลาดใจจากอัตราดอกเบี้ยส่งผลแรงขึ้น


แม้จะไม่มีสิ่งใดรับประกันว่าตลาดจะล่ม แต่ก็สะท้อนว่าตลาดปี 2025 ต้องอาศัยข่าวดีต่อเนื่อง เช่น เงินเฟ้อชะลอ ผลกำไรบริษัทแข็งแรง และ Fed คงนโยบายสม่ำเสมอ เพื่อรักษาราคาหุ้นในระดับสูงนี้


2) เทคโนโลยีและคำถามเรื่อง AI: จากแรงขับเคลื่อนตลาดสู่ความเสี่ยงของตลาด

เป็นเวลากว่า 2 ปีที่ดัชนีหุ้นขยับขึ้นโดยบริษัทขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับ AI เป็นหลัก


ในเดือนสิงหาคม ความเชื่อมั่นเปลี่ยนไป เมื่อมีรายงานการหยุดรับสมัครงานและปรับโครงสร้างในบริษัทแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับผลตอบแทนจากการลงทุนใน AI สำหรับองค์กร ส่งผลให้หุ้นกลุ่มเติบโตถูกขายออกอย่างหนัก และนักลงทุนหันไปสนใจหุ้นในกลุ่มที่มีราคาย่อมเยามากกว่า เมื่อกลุ่มผู้นำตลาดเกิดสะดุด ความผันผวน ก็เพิ่มขึ้นในตลาดโดยรวม


เหตุใดจึงมีความสำคัญในการอภิปรายแบบ Crash Debates :


  • ดัชนีส่วนใหญ่มีน้ำหนักตามมูลค่าตลาด เมื่อบริษัทขนาดใหญ่เพียงไม่กี่แห่งเกิดความผันผวน ดัชนีมาตรฐานก็จะเคลื่อนไหวอย่างมาก

  • รอบการลงทุนใน AI มักใช้เวลานานและไม่สม่ำเสมอ หาก CFO เลื่อนการลงทุนหรือจำกัดค่าใช้จ่าย การเติบโตของรายได้อาจล่าช้า ทำให้มูลค่าหุ้นที่คาดการณ์ไว้สูงเกิดความเสี่ยง

  • แรงโมเมนตัมจะไล่ตามความแข็งแกร่งทั้งขาขึ้นและขาลง ซึ่งสามารถขยายความผันผวนได้ในช่วงที่ตลาดเปลี่ยนโหมด


3) Fed อัตราดอกเบี้ย และความเสี่ยง “Hard Landing โดยไม่ตั้งใจ”

วิกฤติหุ้นในปี 2025 ส่วนใหญ่มีแนวโน้มเกิดจากความผิดพลาดทางนโยบายหรือความเฉื่อยของนโยบาย:


  • หาก Fed รอช้าเกินไปในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย การเติบโตอาจชะลอตัว กำไรลดลง และค่า P/E อาจบีบตัวพร้อมกัน

  • หากลดอัตราเร็วเกินไป เงินเฟ้ออาจกลับมาพุ่ง ทำให้ต้องเข้มงวดทางนโยบายมากขึ้นในภายหลัง


เส้นทางทั้งสองมีความเสี่ยงต่อความผันผวน และการประชุม Jackson Hole จะเป็นตัวกำหนดทิศทางที่ตลาดมักจะเอียงตาม


4) ภูมิรัฐศาสตร์: ปัจจัยเสริมที่แบบจำลองมักประเมินต่ำไป

ตั้งแต่ความขัดแย้งที่ยังคงอยู่จนถึงนโยบายภาษี การเสียดทานทางเศรษฐกิจมหภาคอาจยืดเยื้อนานกว่าที่ราคาสะท้อน


นักวิเคราะห์ชี้ว่าตลาดประเมินระยะเวลาของความขัดแย้งสำคัญในช่วงต้นปี 2025 ต่ำเกินไป “ความเสี่ยงจากเหตุการณ์” มักมีลักษณะเอียงไปทางด้านซ้าย: ความน่าจะเป็นต่ำ ผลกระทบสูง และความผันผวนรวมตัว


ควรจับตาราคาพลังงาน เส้นทางการขนส่ง และข่าวสารเกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตร เพราะนี่คือช่องทางที่ภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลต่อรายได้และเงินเฟ้อ


สัญญาณบอกวิกฤติและสัญญาณคาดการณ์ที่คลาดเคลื่อน

สัญญาณเกิดวิกฤติหุ้น สัญญาณคาดการณ์วิกฤติผิดพลาด
เงินเฟ้อสูงอย่างต่อเนื่อง บังคับให้ธนาคารกลาง (เช่น Fed, ECB, RBI) รักษาอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง เงินเฟ้อลดลงต่อเนื่อง ทำให้ธนาคารกลางสามารถปรับลดดอกเบี้ยได้โดยไม่กระทบเศรษฐกิจถดถอย
การชะลอตัวอย่างรวดเร็วของการเติบโตโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ ยูโรโซน หรือจีน การเติบโตของ GDP ที่แข็งแกร่งในสหรัฐฯ อินเดีย และตลาดเกิดใหม่สนับสนุนรายได้และความเสี่ยงเชิงบวก
ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มขึ้น (ยูเครน ตะวันออกกลาง ไต้หวัน) การคลี่คลายความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ช่วยปรับปรุงการค้าทั่วโลกและความเชื่อมั่นนักลงทุน
การผิดนัดชำระหนี้ของรัฐบาลหรือบริษัทเพิ่มความเครียดทางการเงินระบบ งบดุลของบริษัทแข็งแรง โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยีและผู้บริโภคที่นำรายได้เติบโต
ราคาพลังงานพุ่งสูง (เช่น น้ำมัน Brent > 100 ดอลลาร์/บาร์เรล) กดดันผู้บริโภคและเศรษฐกิจที่พึ่งนำเข้า เช่น อินเดีย ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์คงที่หรือลดลง ลดแรงกดดันเงินเฟ้อและงบประมาณ
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคและการใช้จ่ายลดลงในตลาดพัฒนาแล้ว การใช้จ่ายผู้บริโภคแข็งแกร่งและตลาดแรงงานเข้มแข็งช่วยรักษาโมเมนตัมเศรษฐกิจ


คู่มือพอร์ตการลงทุนก่อนความเสี่ยงวิกฤติหุ้น


1) ปรับสมดุลตามความไวต่อดอกเบี้ย ไม่ใช่แค่ตามกลุ่มอุตสาหกรรม

ให้ความสำคัญกับหุ้นเทคโนโลยีที่มีกระแสเงินสดอิสระสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่ต้องการเงินลงทุนมาก สำหรับหุ้นในกลุ่มวงจรเศรษฐกิจ (cyclicals) ให้เน้นบริษัทที่มีงบดุลแข็งแรงและมีอำนาจในการตั้งราคา


2) เคารพการประเมินค่าทางคณิตศาสตร์

เมื่อ Forward P/E อยู่ใกล้ระดับ 20 ต้น ๆ และ Shiller CAPE ประมาณ 38 ส่วนต่างผลตอบแทนจากหุ้น (equity risk premium) มีจำกัด การจัดขนาดพอร์ตควรระวังเพื่อให้การลดค่า P/E หนึ่งเทิร์นบน EPS consensus ไม่บังคับให้ขายหุ้นต่ำเกินไป


3) ใช้ออปชัน

กลยุทธ์ Collar หรือ Put Spread สามารถบริหารความเสี่ยงในขณะที่ยังถือการลงทุนระยะยาว หากสนับสนุนการหมุนเวียนหุ้นตามกลุ่มอุตสาหกรรม การใช้ Call Spread กับหุ้น Value/Cyclicals ที่ได้รับเงินทุนจาก Covered Call ของหุ้น Growth ที่มีราคาสูง สามารถช่วยบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ


4) กระจายความเสี่ยงใน “การป้องกัน”

การป้องกันไม่ใช่แค่ถือเงินสดเท่านั้น พิจารณาการเน้นหุ้นคุณภาพสูง (quality factor tilts), พันธบัตรระยะสั้น, และการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์บางตัวเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ


อย่าพึ่งพาที่หลบภัยเดียว ในปี 2025 เยนญี่ปุ่น (JPY) อาจเคลื่อนไหวต่างจากเดิม เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ BOJ อยู่ที่ประมาณ 0.5% ส่งผลต่อโครงสร้างการเงินแบบเดิม


5) ติดตามปฏิทินเหตุการณ์สำคัญ

  • Jackson Hole จากนั้น CPI/Payrolls จากนั้น FOMC ถัดไป

  • ฤดูกาลผลประกอบการ: การปรับปรุงและคำวิจารณ์อัตรากำไรมีความสำคัญพอๆ กับการเติบโตของรายได้รวม

  • พาดหัวข่าวภาษีศุลกากร/พลังงาน: ภูมิรัฐศาสตร์สามารถเปลี่ยนเส้นทางห่วงโซ่อุปทานได้ในชั่วข้ามคืน


คำถามที่พบบ่อย



Q1. ตลาดหุ้นมีโอกาสเกิดการล่มสลายในปี 2025 ไหม?
แม้ว่าการคาดการณ์ใด ๆ จะไม่แน่นอน แต่หลายผู้วิเคราะห์ชี้ถึงความเสี่ยง เช่น อัตราดอกเบี้ยโลกสูง, หนี้สินของบริษัท, และการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ในขณะที่บางฝ่ายเชื่อว่ากำไรที่แข็งแกร่งและนวัตกรรมทางเทคโนโลยีอาจป้องกันการล่มสลายได้


Q2. ปัจจัยหลักที่อาจทำให้ตลาดหุ้นล่มสลายในปี 2025 มีอะไรบ้าง?
ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed), ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก, ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น, ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์, และการลดลงอย่างรวดเร็วของความเชื่อมั่นนักลงทุน


Q3. ควรขายหุ้นก่อนเกิดการล่มสลายในปี 2025 ไหม?
ผู้เชี่ยวชาญมักแนะนำให้หลีกเลี่ยงการขายตื่นตระหนก แนะนำให้กระจายพอร์ตลงทุน ถือสินทรัพย์ที่ปลอดภัยบางส่วน (เช่น ทองคำหรือตราสารหนี้) และมุ่งเน้นการลงทุนระยะยาว ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ดีกว่าการพยายามจับจังหวะตลาด


บทสรุป


สรุปได้ว่า ความเป็นไปได้ที่ตลาดหุ้นจะล่มสลายในปี 2025 เป็นเรื่องของความเสี่ยงการปรับตัวลงสูง ไม่ใช่การล่มสลายที่แน่นอน


แม้จะไม่สามารถมองข้ามความเสี่ยง เช่น อัตราดอกเบี้ยสูง ความไม่แน่นอนทั่วโลก และแรงกดดันด้านหนี้สิน แต่ความแข็งแกร่งของกำไรบริษัท นวัตกรรมทางเทคโนโลยี และการเติบโตที่แข็งแกร่งของตลาดเกิดใหม่ ก็ให้เหตุผลสำหรับความระมัดระวังแต่ยังมีความหวัง


ท้ายที่สุด หากคุณบริหารความเสี่ยงได้ก่อนข่าวใหญ่จะเปลี่ยนแปลง ก็ไม่จำเป็นต้องคาดเดาว่าวันไหนตลาดจะเริ่มปรับตัวลง คุณก็สามารถผ่านปี 2025 ไปได้อย่างปลอดภัย


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

เปิด 10 อันดับ ค่าเงินที่ถูกที่สุดในโลก 2025 พร้อมเหตุผลเศรษฐกิจเชิงลึก

เปิด 10 อันดับ ค่าเงินที่ถูกที่สุดในโลก 2025 พร้อมเหตุผลเศรษฐกิจเชิงลึก

สำรวจ 10 อันดับค่าเงินที่ถูกที่สุดในโลก (เทียบกับ USD) ปี 2025 พร้อมสาเหตุทางเศรษฐกิจที่ทำให้ค่าเงินอ่อน และผลกระทบต่อ Forex

2025-08-26
ค่าเงินที่สูงที่สุดในโลก 2025 อัปเดตรายชื่ออันดับแรงที่สุด

ค่าเงินที่สูงที่สุดในโลก 2025 อัปเดตรายชื่ออันดับแรงที่สุด

ค้นพบสกุลเงินที่มีค่าเงินที่สูงที่สุดในโลกปี 2025 สำรวจอันดับสูงสุด รายการที่อัปเดต และเหตุผลที่ทำให้ค่าเงินเหล่านี้มีอิทธิพลระดับโลก

2025-08-26
Arbitrage คืออะไร? ทำกำไรแบบไม่ต้องคาดเดาตลาดอย่างมืออาชีพ

Arbitrage คืออะไร? ทำกำไรแบบไม่ต้องคาดเดาตลาดอย่างมืออาชีพ

เรียนรู้ Arbitrage คือกลยุทธ์ทำกำไรจากความต่างราคาในตลาด Forex, หุ้น, และคริปโต พร้อมตัวอย่างจริงและข้อควรระวัง

2025-08-26