简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

10 Indicator ทางเทคนิคที่มือใหม่ต้องรู้จัก

2025-07-21

การวิเคราะห์ทางเทคนิคถือเป็นหนึ่งในเทคนิคที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการเทรดและการลงทุน ซึ่งใช้เพื่อประเมินความเคลื่อนไหวของราคาและค้นหาโอกาสในการซื้อขาย


ไม่ว่าคุณจะเทรดหุ้น ฟอเร็กซ์ หรือสินค้าโภคภัณฑ์ Indicator ทางเทคนิคสามารถช่วยแปลพฤติกรรมตลาดที่ซับซ้อนให้กลายเป็นสัญญาณที่เข้าใจง่ายและสามารถนำไปใช้ได้จริง


บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ 10 Indicator ทางเทคนิคยอดนิยมสำหรับมือใหม่ พร้อมอธิบายวัตถุประสงค์และวิธีการใช้งานในทุกสภาพตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ


10 Indicator ทางเทคนิคสำหรับมือใหม่

ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่

1. ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages: MA) 

ภาพรวม

ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ใช้ปรับให้ข้อมูลราคาดูราบเรียบขึ้น ช่วยให้เทรดเดอร์มองเห็นแนวโน้มและจุดกลับตัวของราคาได้ชัดเจน


มีอยู่ 2 ประเภทหลัก ๆ คือ:

  • SMA (Simple Moving Average): คำนวณจากราคาปิดเฉลี่ยในช่วงเวลาที่กำหนด

  • EMA (Exponential Moving Average): ให้น้ำหนักกับราคาล่าสุดมากขึ้น ทำให้ตอบสนองเร็วกว่า


วิธีใช้สำหรับมือใหม่

เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ช่วยระบุทิศทางโดยรวมของแนวโน้ม เช่น ถ้าราคาอยู่เหนือ MA มักเป็นแนวโน้มขาขึ้น หากอยู่ต่ำกว่าคือแนวโน้มขาลง การตัดกันของ MA ระยะสั้นกับระยะยาว เช่น 20 EMA ตัดขึ้นเหนือ 50 EMA มักเป็นสัญญาณซื้อ


2. ดัชนี RSI (Relative Strength Index)

ภาพรวม

RSI เป็นอินดิเคเตอร์ประเภทโมเมนตัม แสดงความเร็วและการเปลี่ยนแปลงของราคาบนสเกล 0 ถึง 100


  • ค่าเหนือ 70 บ่งบอกว่าตลาดอยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought)

  • ค่าต่ำกว่า 30 บ่งบอกว่าตลาดขายมากเกินไป (Oversold)


วิธีใช้สำหรับมือใหม่

RSI สามารถช่วยระบุจุดเข้าและจุดออกที่เป็นไปได้ โดยแสดงให้เห็นว่าสินทรัพย์นั้นอยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป (คาดว่าจะเกิดการย่อตัว) หรือขายมากเกินไป (คาดว่าจะเกิดการดีดตัว) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่มีกรอบราคาจำกัด


3. MACD (Moving Average Convergence Divergence)

ภาพรวม

MACD เป็นอินดิเคเตอร์ประเภทโมเมนตัมการติดตามแนวโน้ม ซึ่งแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่าง EMA 2 เส้น (มักใช้ 12 กับ 26 วัน)


ประกอบด้วย:

  • เส้น MACD

  • เส้นสัญญาณ (Signal Line)

  • Histogram (แสดงความแตกต่างของทั้งสองเส้น)


วิธีใช้สำหรับมือใหม่

การตัดกันของ MACD (เส้น MACD ตัดเหนือเส้นสัญญาณ) ใช้เพื่อระบุสัญญาณซื้อ/ขาย และดู histogram เพื่อประเมินแรงของแนวโน้ม


MACD เป็นเครื่องมือแนะนำที่ดีสำหรับการวิเคราะห์โมเมนตัม เนื่องจากผสมผสานแนวโน้มและความเร็วของการเคลื่อนไหวไว้ในเครื่องมือเดียว


4. Bollinger Bands

ภาพรวม

Bollinger Bands คืออินดิเคเตอร์ความผันผวนซึ่งประกอบด้วยเส้น SMA ตรงกลางและแถบบน/ล่างที่อยู่ห่างจากเส้นกลางตามค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2 เท่า


วิธีใช้สำหรับมือใหม่

การที่ราคาแตะหรือทะลุแถบด้านบนอาจเป็นสัญญาณของภาวะซื้อมากเกินไป ในขณะที่การแตะแถบด้านล่างอาจบ่งชี้ถึงตลาดที่มีการขายมากเกินไป


ในตลาดที่เคลื่อนไหวในแนวข้าง แถบจะหดตัวลง ส่งสัญญาณถึงการทะลุแนวรับที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เมื่อแถบขยายตัว บ่งชี้ถึงความผันผวนที่เพิ่มขึ้น แถบ Bollinger Bands เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการระบุการเปลี่ยนแปลงของความผันผวน และแยกความแตกต่างระหว่างโซนพักตัวและโซนทะลุแนวรับ


5. Stochastic Oscillator

Stochastic Oscillator

ภาพรวม

Stochastic Oscillator จะเปรียบเทียบราคาปิดของหลักทรัพย์กับช่วงราคาในช่วงระยะเวลาที่กำหนด (โดยทั่วไปคือ 14 วัน) ซึ่งจะช่วยระบุทิศทางของโมเมนตัม


  • ค่าที่สูงกว่า 80 แสดงถึงสภาวะซื้อมากเกินไป

  • ค่าที่ต่ำกว่า 20 แสดงถึงสภาวะขายมากเกินไป


วิธีใช้สำหรับมือใหม่

ใช้ดูการตัดกันของเส้น %K และ %D เพื่อจับจังหวะโมเมนตัม เหมาะสำหรับการเทรดระยะสั้นหรือในตลาด Sideway


Stochastic Oscillator อ่านง่ายและมีประสิทธิภาพสูงสำหรับผู้เริ่มต้นที่พยายามค้นหาจุดกลับตัวในช่วงเริ่มต้น


6. ปริมาณการซื้อขาย (Volume)

ภาพรวม

ปริมาณการซื้อขายวัดจำนวนหุ้นหรือสัญญาที่มีการซื้อขายในช่วงเวลาหนึ่ง แม้ไม่ใช่อินดิเคเตอร์โดยตรง แต่ใช้ยืนยันการเคลื่อนไหวของราคาได้


วิธีใช้สำหรับมือใหม่

  • เบรกเอาท์ที่มาพร้อม Volume สูง = สัญญาณแข็งแกร่ง

  • การดีดขึ้นที่มี Volume ต่ำ = แนวโน้มอ่อนแรงหรือกลับตัวได้ง่าย


การทำความเข้าใจการอ่านปริมาณการซื้อขายจะช่วยให้เข้าใจถึงความแข็งแกร่งของตลาด จึงทำให้เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับผู้เริ่มต้น


7. ATR (Average True Range)

ภาพรวม

ATR วัดความผันผวนของตลาด โดยเฉลี่ยช่วงราคาระหว่างสูงสุด-ต่ำสุด ไม่แสดงทิศทางราคาแต่แสดงความเคลื่อนไหวโดยรวม


วิธีใช้สำหรับมือใหม่

ATR ช่วยให้:

  • ตั้งระดับการหยุดการขาดทุนที่เหมาะสม

  • ปรับขนาดตำแหน่งตามความเสี่ยง

  • เข้าใจเมื่อตลาดมีความผันผวนผิดปกติ


เทรดเดอร์มือใหม่มักมองข้ามการจัดการความเสี่ยง และ ATR เสนอวิธีตรงไปตรงมาในการประเมินความผันผวนของราคาที่อาจเกิดขึ้น


8. Fibonacci Retracement

ภาพรวม

Fibonacci Retracement มีพื้นฐานมาจากแนวคิดที่ว่าตลาดจะย้อนกลับตามสัดส่วนของการเคลื่อนไหวที่คาดการณ์ได้ก่อนที่จะดำเนินต่อไปในทิศทางเดิม ระดับการย้อนกลับที่พบบ่อย ได้แก่ 38.2%, 50% และ 61.8%


วิธีใช้สำหรับมือใหม่

Fibonacci retracement ช่วยให้:

  • โซนแนวรับและแนวต้าน

  • จุดเข้าระหว่างการย่อตัวในแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลง


มีประสิทธิภาพมากเป็นพิเศษเมื่อใช้ร่วมกับเส้นแนวโน้มหรือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่


9. Parabolic SAR (Stop and Reverse)

Parabolic SAR

ภาพรวม

Parabolic SAR แสดงจุด (dot) เหนือหรือต่ำกว่าราคา เพื่อระบุแนวโน้มของตลาด ถ้าจุดเปลี่ยนฝั่ง แสดงถึงการกลับตัวของแนวโน้ม


วิธีใช้สำหรับมือใหม่

เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการระบุจุดออกหรือจุดหยุดแบบ Trailing Stop ในตลาดที่มีแนวโน้ม Parabolic SAR จะให้ภาพที่เรียบง่ายในการติดตามการเคลื่อนไหวและรู้ว่าแนวโน้มจะสิ้นสุดเมื่อใด


10. OBV (On-Balance Volume)

ภาพรวม

OBV ใช้การไหลของปริมาณการซื้อขายเพื่อคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของราคา โดยจะเพิ่มปริมาณการซื้อขายในวันที่ราคาขึ้น และลบปริมาณการซื้อขายในวันที่ราคาลง หาก OBV กำลังเพิ่มขึ้นในขณะที่ราคาคงที่ อาจบ่งชี้ถึงการสะสมและอาจเกิดการทะลุกรอบได้


วิธีใช้สำหรับมือใหม่

สังเกต OBV เพื่อยืนยันการเคลื่อนไหวของราคาหรือเบี่ยงเบนจากการเคลื่อนไหวดังกล่าว ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการกลับตัว วิธีนี้มีประโยชน์สำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของสถาบันหรือโมเมนตัมของปริมาณการซื้อขาย


วิธีผสานอินดิเคเตอร์อย่างมีประสิทธิภาพ

อินดิเคเตอร์การวิเคราะห์ทางเทคนิค

แม้แต่ละอินดิเคเตอร์จะมีพลังในตัวเอง แต่การใช้งานร่วมกันอย่างเหมาะสมจะยิ่งเพิ่มความแม่นยำ หลีกเลี่ยงการใช้หลายอินดิเคเตอร์พร้อมกันมากเกินไป เพราะอาจทำให้สับสน


แนวทางเริ่มต้นที่เรียบง่าย:

  • ใช้ MA เพื่อดูแนวโน้ม

  • ใช้ RSI หรือ Stochastic เพื่อดูจังหวะเข้า

  • ยืนยันด้วย Volume หรือ MACD


โดยรวมแล้ว ให้คงความเรียบง่ายไว้ เมื่อคุณมีประสบการณ์มากขึ้น คุณสามารถลองใช้กลยุทธ์ตัวบ่งชี้ขั้นสูงได้


สรุป


สรุปแล้ว การเรียนรู้อินดิเคเตอร์ก็เหมือนกับการเรียนภาษาใหม่ แต่ละตัวมีหน้าที่สื่อสารพฤติกรรมตลาดเฉพาะแบบ หากใช้ถูกต้อง จะช่วยให้ตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูล แทนที่จะใช้อารมณ์


เริ่มจาก 2–3 อินดิเคเตอร์ที่คุณเข้าใจ ทดลองบนบัญชีทดลอง แล้วค่อย ๆ สร้างความมั่นใจและกลยุทธ์ของคุณเอง


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
10 Trading Indicator ที่มือใหม่ต้องรู้ในปี 2025
Leading Indicator คืออะไร? รู้จัก 10 ตัวเด่นปี 2025
เทรด Forex ให้ได้วันละ 1000 บาททำได้จริงไหม เทคนิคและวิธีเริ่มต้นให้กำไรยั่งยืน
สัญญาณเทรด 10 อันดับแรก ที่คุณควรทราบในปี 2025
เตือนใจ เทรดทองคำ มือใหม่ 4 เรื่องที่ต้องรู้ก่อนเทรด