เทคนิคการเทรดสินทรัพย์โภคภัณฑ์ ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากการเทรดสินทรัพย์ประเภทอื่น โดยหลักการคือ เข้าซื้อในช่วงราคาขาลง และคาดหวัง หรือวิเคราะห์ว่าแนวโน้มราคาจะสูงขึ้น จึงทำการขายออกไป เพื่อสร้างผลตอบแทนจากส่วนต่างราคา ดังนั้นเมื่อหลักการเทรดเหมือนกัน เทคนิคที่จะช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดี
ขึ้นชื่อว่าการลงทุน นักลงทุนทุกคนย่อมคาดหวังผลตอบแทนที่ดี แต่การลงทุนไม่สามารถทำแบบเสี่ยงดวง เสี่ยงโชคได้ นักลงทุนจะต้องมีหลักการ มีแผนการ และมีเป้าหมายที่ชัดเจน โดยเฉพาะการเทรดสินทรัพย์โภคภัณฑ์ ที่หลายคนเข้าใจว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย ซึ่งในข้อเท็จจริงก็คือ ไม่มีสินทรัพย์ใดที่มีความปลอดภัยในโลกการลงทุน มีแต่สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงในระดับที่แตกต่างกันเท่านั้น ดังนั้นถ้าเป้าหมายการลงทุนคือ ความสำเร็จในการเทรดสินทรัพย์โภคภัณฑ์ โยนเรื่องความเสี่ยงต่ำและความปลอดภัยทิ้งไปก่อน และมาเริ่มต้นใหม่กันตรงนี้
เทคนิคการเทรดสินทรัพย์โภคภัณฑ์ ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากการเทรดสินทรัพย์ประเภทอื่น โดยหลักการคือ เข้าซื้อในช่วงราคาขาลง และคาดหวัง หรือวิเคราะห์ว่าแนวโน้มราคาจะสูงขึ้น จึงทำการขายออกไป เพื่อสร้างผลตอบแทนจากส่วนต่างราคา ดังนั้นเมื่อหลักการเทรดเหมือนกัน เทคนิคที่จะช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ก็คือ
1. การใช้วิธี CFD Commodity
วิธีการเทรดแบบ CFD คือวิธีที่ได้รับความนิยม โดยนักลงทุนจะทำการเทรดโดยผ่านคนกลางคือ โบรกเกอร์ ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการส่งคำสั่งซื้อขายเข้าสู่ตลาด การลงทุนประเภทนี้ นักลงทุนจะไม่ต้องครอบครองสินทรัพย์โดยตรงเหมือนการซื้อสินค้ามาเก็บไว้ที่บ้าน แล้วรอเวลาราคาขึ้นจึงค่อยขายออก ซึ่งเป็นเรื่องที่วุ่นวายมากที่นักลงทุนจะต้องเตรียมสถานที่จัดเก็บสินค้า จะต้องหากลุ่มผู้ซื้อ และในขณะเดียวกันก็จะต้องติดตามข่าวสารไปด้วย
อีกทั้งการเทรดแบบ CFD นักลงทุนจะสามารถเทรดได้ทั้งขาขึ้นและขาลง ซึ่งถือว่าเหมาะมากสำหรับตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีความผันผวนตลอดเวลา และสำหรับสินค้าที่มีมูลค่าสูงอย่างน้ำมัน ทองคำ และโลหะมีค่า การเทรดแบบ CFD จะช่วยให้นักลงทุนสามารถเทรดสินทรัพย์ราคาสูงกว่าเงินลงทุนจริงได้ ด้วยเครื่องมือเลเวอเรจ
2. รู้จักการวิเคราะห์ปริมาณสินค้า
ปริมาณสินค้าจะมีความสำคัญต่อการวิเคราะห์แนวโน้มเป็นอย่างมาก ด้วยหลักการง่าย ๆ คือ หากสินค้ามีปริมาณในตลาดมาก สินค้าจะมีราคาถูกลง ข้อมูลนี้สำคัญมากสำหรับนักลงทุนที่เลือกเทรดสินค้าเกษตร เพราะปริมาณของสินค้าเกษตร มักจะมีความผันผวนไม่แน่นอน อันมีปัจจัยมาจาก สภาพอากาศ ภัยธรรมชาติ และความรู้ของเกษตรกร ที่ส่งผลให้ปริมาณสินค้าหรือวัตถุดิบที่ได้มีผลผลิตที่ลดต่ำลง และเมื่อสินค้าในตลาดปริมาณลดลงราคาก็จะแพงขึ้น เป็นเรื่องปกติ ดังนั้นการเทรดสินค้าเกษตร ต้องรู้จักวิเคราะห์เกี่ยวกับปริมาณสินค้าควบคู่ไปด้วย
3. การเทรดด้วยวิธีวิเคราะห์กราฟ
เป็นวิธีที่นักลงทุนรายย่อยหลายคนเลือกใช้ เพราะเป็นการศึกษารูปแบบของกราฟ ที่สามารถเปรียบเทียบย้อนหลัง หรือกำหนดจุดแนวรับและแนวต้านได้อย่างชัดเจน เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ไม่มีเวลาสำหรับการติดตามข่าวสารรอบตัว หรือนักลงทุนที่ประกอบอาชีพหลัก และใช้การลงทุนเป็นช่องทางสร้างรายได้เสริม
เทคนิคการเทรดสินค้าโภคภัณฑ์ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ร่วมกับการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ ได้ ขอเพียงนักลงทุนเข้าใจว่า ทุกสินทรัพย์มีความเสี่ยงที่ต้องระวัง การเทรดก็จะมีความรอบคอบมากขึ้น และประการสำคัญ หน้าที่ของนักลงทุนที่ดี คือ การทำอย่างสุดความสามารถเพื่อปกป้องเงินลงทุน เพราะในโลกของการลงทุน มักจะมีคำกล่าวที่นักลงทุนคุ้นเคยคือ “เมื่อไม่เสียไป ก็เท่ากับได้รับกลับมา”