กระจายการลงทุนไปยังตลาดต่างประเทศด้วยกองทุน VEU ETF ซึ่งมอบการเข้าถึงหุ้นทั่วโลกในภูมิภาคที่พัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ในต้นทุนที่ต่ำ
เมื่อพูดถึงการสร้างพอร์ตการลงทุน นักลงทุนหลายคนมักจะให้ความสนใจกับตลาดสหรัฐฯ มากเกินไป แม้ว่าอเมริกาจะมีบริษัทขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แต่การกระจายการลงทุนอย่างแท้จริงต้องมองข้ามหุ้นในประเทศ และนี่คือบทบาทสำคัญของกองทุน VEU ETF—Vanguard FTSE All-World ex-US ETF ที่มอบโอกาสในการลงทุนในบริษัทหลายพันแห่งจากตลาดที่พัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ที่อยู่นอกสหรัฐฯ โดยช่วยให้นักลงทุนเข้าถึงโอกาสทั่วโลก
VEU ETF มุ่งหวังที่จะติดตามผลการดำเนินงานของดัชนี FTSE All-World ex-US ซึ่งเป็นดัชนีที่ครอบคลุมบริษัทขนาดใหญ่และกลางจากกว่า 40 ประเทศ กองทุนนี้บริหารแบบ Passive ซึ่งหมายความว่ากองทุนนี้จะสะท้อนผลการดำเนินงานของดัชนีแทนที่จะพยายามเอาชนะมัน โครงสร้างนี้ทำให้กองทุนมีค่าใช้จ่ายต่ำ โดยมีอัตราค่าใช้จ่ายที่ต่ำที่สุดในประเภทเดียวกัน
กองทุนนี้ไม่รวมหุ้นจากสหรัฐฯ โดยมุ่งเน้นไปที่บริษัทที่จดทะเบียนในยุโรป เอเชีย ละตินอเมริกา และภูมิภาคอื่น ๆ นักลงทุนจะได้รับประโยชน์จากการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมและกลุ่มธุรกิจที่อาจมีการแสดงผลน้อยในตลาดอเมริกา เช่น ธนาคารในยุโรป บริษัทเทคโนโลยีในเอเชีย หรือแบรนด์ผู้บริโภคข้ามชาติ
ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา กองทุน VEU ETF ได้สร้างผลตอบแทนที่สะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่ไม่สม่ำเสมอของตลาดต่างประเทศ ถึงแม้ว่ามันจะเคยตามหลังกองทุนที่เน้นตลาดสหรัฐฯ เช่น S&P 500 ETFs บ้าง แต่ VEU ETF ก็มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในช่วงที่หุ้นนอกสหรัฐฯ ทำผลงานได้ดีกว่าตลาดอเมริกา ตัวอย่างเช่น ในช่วงที่เกิดการบูมของสินค้าโภคภัณฑ์ในต้นปี 2000 ตลาดเกิดใหม่พุ่งสูงขึ้น ทำให้กองทุนที่ไม่รวมสหรัฐฯ เติบโตขึ้น
ผลการดำเนินงานระยะยาวของ VEU ETF ช่วยเสริมบทบาทของมันในฐานะเครื่องมือในการกระจายความเสี่ยง โดยการช่วยลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน มันช่วยชดเชยความเสี่ยงจากการลงทุนที่มุ่งเน้นเฉพาะในหุ้นสหรัฐฯ ข้อมูลในอดีตแสดงให้เห็นว่าเมื่อตลาดสหรัฐฯ ประสบกับการปรับตัวลดลง หุ้นต่างประเทศมักจะทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกัน แม้จะไม่สมบูรณ์แบบเสมอไป
กองทุน VEU ETF ถือครองหลักทรัพย์มากกว่า 3,500 ตัว ซึ่งให้การกระจายการลงทุนในตลาดทั่วโลก ข้อมูลล่าสุดระบุว่า:
ยุโรปมีสัดส่วนที่สำคัญ โดยมีการลงทุนในบริษัทใหญ่ๆ เช่น Nestlé (สวิตเซอร์แลนด์) Roche (สวิตเซอร์แลนด์) และ ASML (เนเธอร์แลนด์)
การลงทุนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกนำโดยบริษัทต่างๆ เช่น Toyota (ญี่ปุ่น) Samsung Electronics (เกาหลีใต้) และ Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC)
ตลาดเกิดใหม่รวมถึงการลงทุนในบริษัทเช่น Tencent (จีน) และ Reliance Industries (อินเดีย)
การกระจายการลงทุนนี้ช่วยให้ไม่มีบริษัทหรือประเทศใดประเทศหนึ่งครองพอร์ตการลงทุนมากเกินไป ลดความเสี่ยงเฉพาะของแต่ละบริษัทหรือประเทศ
หนึ่งในจุดเด่นหลักของกองทุน VEU ETF คือความคุ้มค่า กำหนดอัตราค่าใช้จ่ายของ Vanguard ที่ต่ำ ทำให้กองทุนนี้มีอัตราค่าใช้จ่ายเพียง 0.07% ซึ่งทำให้มันมีความสามารถในการแข่งขันสูงเมื่อเทียบกับกองทุนต่างประเทศที่คล้ายกัน
สภาพคล่องก็เป็นอีกจุดแข็งของกองทุนนี้ ด้วยสินทรัพย์ที่บริหารอยู่หลายพันล้านดอลลาร์และปริมาณการซื้อขายรายวันที่แข็งแกร่ง ทำให้ ETF นี้สามารถซื้อขายได้อย่างง่ายดายโดยไม่มีการเบี่ยงเบนของราคามาก ซึ่งทำให้มันเหมาะสมทั้งสำหรับนักลงทุนระยะยาวและนักลงทุนที่ต้องการเปิดรับโอกาสในตลาดโลกแบบเฉพาะกิจ
แม้ว่ากองทุน VEU ETF จะมีจุดเด่นหลายประการ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่ควรพิจารณา การผันผวนของค่าเงินสามารถมีผลกระทบอย่างมากต่อผลตอบแทน เนื่องจากกองทุนนี้ไม่ได้ทำการป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงิน ตัวอย่างเช่น ดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นอาจทำให้ผลกำไรจากหุ้นต่างประเทศลดลง นอกจากนี้ ความไม่มั่นคงทางการเมืองและเศรษฐกิจในบางภูมิภาค โดยเฉพาะตลาดเกิดใหม่ อาจเพิ่มความผันผวนได้
อีกปัจจัยหนึ่งคือผลการดำเนินงานที่ต่ำกว่าคาดของตลาดต่างประเทศในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ขณะที่ภาคเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ได้ผลักดันดัชนีอเมริกันสูงขึ้น ตลาดต่างประเทศหลายแห่งกลับตามหลัง นักลงทุนจึงควรมองว่า VEU ETF เป็นกลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงในระยะยาว มากกว่าจะเป็นการลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนสูงในระยะสั้น
กองทุน VEU ETF มอบทางเลือกที่ตรงไปตรงมาและมีค่าใช้จ่ายต่ำในการเข้าถึงตลาดหุ้นทั่วโลกนอกสหรัฐฯ การกระจายการลงทุนอย่างกว้างขวางในหลายภูมิภาคและหลายอุตสาหกรรมทำให้มันเป็นการเสริมที่ยอดเยี่ยมสำหรับกองทุนที่เน้นตลาดสหรัฐฯ แม้ว่าจะมีความเสี่ยงบางประการ เช่น การเปิดรับความเสี่ยงจากค่าเงินและผลการดำเนินงานที่ไม่สม่ำเสมอ แต่บทบาทของ ETF ในการลดการกระจุกตัวของพอร์ตการลงทุนไม่สามารถมองข้ามได้
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการขยายขอบเขตการลงทุนและยอมรับการกระจายความเสี่ยงทั่วโลกอย่างแท้จริง VEU ETF ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมและมีโครงสร้างที่ดี ในโลกที่เชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง การจำกัดการลงทุนไว้แค่ในหุ้นสหรัฐฯ นับเป็นความเสี่ยงในตัวเอง ซึ่ง VEU ETF ช่วยลดความเสี่ยงนี้ได้
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
ดัชนีหุ้นอังกฤษ คือตัวชี้วัดสำคัญของตลาดลอนดอน สะท้อนเศรษฐกิจและการลงทุน ผ่าน FTSE 100, FTSE 250 และบริษัทชั้นนำระดับโลก
2025-08-21รู้จักตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ เปิดเผยข้อมูล GDP, NFP, CPI และยอดขายปลีก สำคัญต่อดอลลาร์ หุ้น ทองคำ และตลาดโลกที่นักลงทุนต้องรู้อย่างชัดเจน
2025-08-21รูปแบบ QM ในการเทรดคืออะไร? ทำความเข้าใจความหมาย ดูตัวอย่าง และสำรวจกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อใช้การตั้งค่าการเคลื่อนไหวราคานี้ในตลาดฟอเร็กซ์และหุ้น
2025-08-21