ควรลงทุนในกองทุน VHT ETF ในปี 2025 หรือไม่?

ภาคการดูแลสุขภาพ ถือเป็นกลยุทธ์การลงทุนแบบ Defensive คลาสสิก เนื่องจากมีความต้องการที่มั่นคงและดึงดูดนักลงทุนได้แม้ในช่วงตลาดผันผวน ในปี 2025 กองทุน VHT ETF (Vanguard Health Care) ยังคงได้รับความนิยมทั้งจากนักเก็งกำไรและนักลงทุนระยะยาว แต่คำถามคือ ตอนนี้ยังเป็นการลงทุนที่เหมาะสมอยู่หรือไม่? หรือมีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า? คำตอบจำเป็นต้องพิจารณาว่า VHT คืออะไร ผลการดำเนินงานในอดีต ความเสี่ยงที่มีอยู่ และแนวโน้มตลาดโดยรวมในปีที่จะถึงนี้

กองทุน VHT ETF คืออะไร

กองทุน VHT ETF เป็นกองทุนอีทีเอฟที่มุ่งเน้นภาคการดูแลสุขภาพของสหรัฐฯ บริหารจัดการโดย Vanguard โดยมีเป้าหมายในการจำลองผลการดำเนินงานของ MSCI US Investable Market Health Care 25/50 Index ซึ่งหมายความว่ากองทุนนี้ไม่ได้ครอบคลุมแค่บริษัทยาขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงบริษัทด้านเทคโนโลยีชีวภาพ ผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ และผู้ให้บริการด้านสุขภาพด้วย

แตกต่างจากการลงทุนในหุ้นรายตัวเพียงบริษัทเดียว VHT ETF มอบการกระจายความเสี่ยงแบบทันทีภายในทั้งภาคการดูแลสุขภาพ โดยมีการถือครองหุ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่หลายคนคุ้นชื่อ เช่น Johnson & Johnson, Pfizer, UnitedHealth Group และ Eli Lilly ที่สำคัญ กองทุนนี้มีหุ้นมากกว่า 400 บริษัท ทำให้ความเสี่ยงถูกกระจายไปทั่วทั้งอุตสาหกรรม แทนที่จะกระจุกตัวอยู่เพียงไม่กี่บริษัท

เทรนด์ด้านสุขภาพที่กำลังหล่อหลอม VHT ETF ในปี 2025

เพื่อพิจารณาว่าควรลงทุนในกองทุนรวม VHT ETF ในปี 2025 หรือไม่ จำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่มีอิทธิพลต่อภาคการดูแลสุขภาพในปัจจุบัน ประชากรสูงอายุในสหรัฐอเมริกาและประเทศเศรษฐกิจพัฒนาอื่นๆ ยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนความต้องการบริการทางการแพทย์ ยา และการรักษาแบบนวัตกรรมในระยะยาว ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีชีวภาพ รวมถึงการบำบัดด้วยยีนและการแพทย์เฉพาะบุคคล กำลังเปิดเส้นทางการเติบโตใหม่ๆ

ในขณะเดียวกัน สุขภาพดิจิทัลกำลังกลายเป็นส่วนสำคัญในการดูแลสุขภาพ การแพทย์ทางไกล อุปกรณ์สวมใส่ และปัญญาประดิษฐ์ กำลังพลิกโฉมวิธีการเข้าถึงการรักษาพยาบาลของผู้ป่วย นวัตกรรมเหล่านี้จำนวนมากปรากฏอยู่ในกองทุน VHT ETF ซึ่งเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้สัมผัสกับวิวัฒนาการอันล้ำสมัยของการดูแลสุขภาพ

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังคงอยู่ การตรวจสอบกฎระเบียบด้านราคายา การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่อาจเกิดขึ้นในนโยบายด้านการดูแลสุขภาพ และต้นทุนด้านนวัตกรรมที่เพิ่มสูงขึ้น ล้วนเป็นความเสี่ยงต่อภาคส่วนนี้ ความเสี่ยงเหล่านี้ต้องได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบเมื่อตัดสินใจว่าจะลงทุนในกองทุนรวม VHT ETF ในปี 2025 หรือไม่

การเปรียบเทียบ VHT ETF กับกองทุน ETF ภาคส่วนอื่น ๆ

นักลงทุนมักตั้งคำถามว่า VHT ETF แตกต่างจากกองทุนที่เน้นภาคส่วนอื่น ๆ อย่างไร สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในภาคการดูแลสุขภาพ ยังมีทางเลือกอื่น เช่น Health Care Select Sector SPDR Fund (XLV) โดย XLV จะเน้นการลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่ (Large-cap) เป็นหลัก ขณะที่ VHT ETF มีการกระจายการลงทุนที่กว้างกว่า ครอบคลุมถึงบริษัทขนาดกลาง (Mid-cap) และขนาดเล็ก (Small-cap) ด้วย ทำให้ VHT มีโปรไฟล์ความเสี่ยงและผลตอบแทนที่แตกต่างออกไป โดยอาจมี ศักยภาพการเติบโตสูงกว่า ควบคู่ไปกับคุณสมบัติด้านความมั่นคง

เมื่อเทียบกับ ETF ภาคส่วนป้องกันความเสี่ยงอื่น ๆ เช่น กลุ่มสาธารณูปโภค หรือสินค้าอุปโภคบริโภค พบว่า VHT ETF มีองค์ประกอบของการเติบโตที่แข็งแกร่งกว่า เนื่องจากภาคสุขภาพไม่เพียงแต่เป็นสิ่งจำเป็น แต่ยังเต็มไปด้วยนวัตกรรม ทำให้มีความเคลื่อนไหวและพลวัตมากกว่าภาคส่วนป้องกันดั้งเดิม

ความเสี่ยงของการลงทุนใน VHT ETF

ไม่มีการลงทุนใดที่ปราศจากความเสี่ยง และ VHT ETF ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ประเด็นการถกเถียงทางการเมืองเกี่ยวกับ การปฏิรูปการดูแลสุขภาพในสหรัฐฯ ยังคงเป็นหนึ่งในความเสี่ยงที่สำคัญที่สุด โดยเฉพาะเรื่อง กฎระเบียบด้านราคายา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเภสัชกรรมที่มีสัดส่วนสูงในกองทุน ETF นี้

อีกประเด็นที่ต้องพิจารณาคือ มูลค่าหุ้น (Valuation) ณ ปี 2025 หุ้นกลุ่มสุขภาพบางตัวมีการซื้อขายที่อัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) ค่อนข้างสูง เนื่องจากความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เชิงป้องกัน (Defensive assets) หากการเติบโตของกำไรไม่เป็นไปตามคาด กองทุน VHT ETF อาจเผชิญแรงกดดันด้านราคาลงได้

สุดท้ายคือ ความเสี่ยงด้านนวัตกรรม (Innovation risk) แม้ว่าชีววิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) จะมอบโอกาสอันน่าตื่นเต้น แต่ไม่ใช่ทุกบริษัทที่จะประสบความสำเร็จ กองทุน VHT ETF ช่วยลดความเสี่ยงนี้ด้วยการกระจายการลงทุนไปยังหลายบริษัท แต่เนื่องจากภาคส่วนนี้พึ่งพาการค้นพบและการพัฒนาครั้งสำคัญ (Breakthrough discoveries) จึงทำให้เกิดความผันผวนได้เช่นกัน

ใครควรพิจารณาการลงทุนใน VHT ETF ปี 2025?

VHT ETF เหมาะที่สุดสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในภาคสุขภาพโดยไม่ต้องรับความเสี่ยงจากการเลือกหุ้นรายตัวเอง กองทุนนี้เข้ากันได้ดีกับพอร์ตการลงทุนที่มีการกระจายความเสี่ยง โดยให้ความสำคัญกับ ความมั่นคงและการเติบโตระยะยาว นักลงทุนสายอนุรักษ์นิยมที่ต้องการป้องกันความเสี่ยงจากภาวะตลาดขาลง จะเห็นคุณค่าจากความแข็งแกร่งของ VHT ขณะเดียวกัน นักลงทุนที่เน้นการเติบโต ก็อาจชื่นชอบการได้รับโอกาสลงทุนใน บริษัทนวัตกรรมด้านไบโอเทคและเภสัชกรรม ที่ถูกรวมไว้ในกองทุนนี้

สำหรับทั้งนักลงทุนในอินเดียและทั่วโลก ภาคสุขภาพยังคงเป็นธีมการลงทุนที่สำคัญระดับสากล ปัจจัยอย่าง โครงสร้างประชากรสูงวัย ค่าใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพที่เพิ่มขึ้น และ นวัตกรรมทางการแพทย์ ล้วนรับประกันว่าภาคสุขภาพจะยังคงเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจโลก การลงทุนผ่าน VHT ETF ช่วยให้นักลงทุนเข้าถึงแนวโน้มเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และด้วย ต้นทุนที่ค่อนข้างต่ำ

สรุป: ควรลงทุนในกองทุน VHT ETF ปี 2025 หรือไม่?

การลงทุนใน VHT ETF ปี 2025 ขึ้นอยู่กับ เป้าหมายและระดับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ หากคุณมองหาความมั่นคง การกระจายความเสี่ยง และการเข้าถึงภาคส่วนที่มีความแข็งแกร่ง VHT ถือเป็นตัวเลือกที่ควรพิจารณาอย่างจริงจัง ด้วย ผลการดำเนินงานที่สม่ำเสมอ การครอบคลุมหลากหลายกลุ่มธุรกิจในภาคสุขภาพ และการเชื่อมโยงกับแนวโน้มด้านประชากรและเทคโนโลยีที่กำลังเติบโต ทำให้กองทุนนี้น่าสนใจ

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรตระหนักถึงความเสี่ยงในภาคสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ การประเมินมูลค่าที่สูง หรือ ความไม่แน่นอนด้านนวัตกรรม ผู้ที่สามารถรับมือกับความไม่แน่นอนเหล่านี้ได้ อาจได้รับผลตอบแทนที่น่าสนใจ

โดยสรุปแล้ว VHT ETF ยังคงเป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่งสำหรับการรวมไว้ในพอร์ตการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงในปี 2025 ด้วยคุณสมบัติด้านการป้องกันความเสี่ยง ที่ผสมผสานกับการเข้าถึง ความก้าวหน้าทางการแพทย์แนวหน้าของโลก ทำให้ VHT เป็นหนึ่งในกองทุน ETF ภาคส่วนที่น่าจับตามองมากที่สุดในปัจจุบัน

ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ