เรียนรู้ว่ารูปแบบ Ascending Channel คืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร และมือใหม่จะใช้รูปแบบนี้เพื่อระบุแนวโน้มขาขึ้นในการเทรดได้อย่างไร
รูปแบบ Ascending Channel คือรูปแบบกราฟที่เกิดจากเส้นแนวโน้มขาขึ้นสองเส้นที่ขนานกัน แสดงถึงแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมให้แนวทางที่ชัดเจนในการเข้าเทรด การตั้งเป้าหมาย และการจัดการความเสี่ยง
รูปแบบนี้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในตลาด Forex หุ้น และคริปโต เนื่องจากช่วยให้เทรดเดอร์สามารถระบุกรอบแนวรับ แนวต้าน และแนวโน้มที่มีโอกาสต่อเนื่องได้อย่างมีเหตุผล
ในบทความนี้ คุณจะได้เรียนรู้วิธีการเกิดของรูปแบบ กลยุทธ์ที่ควรรู้ จุดเข้าและออกจากการเทรด ตลอดจนเคล็ดลับในการใช้งานรูปแบบนี้อย่างรอบคอบและมีประสิทธิภาพ
รูปแบบ Ascending Channel หรือที่เรียกอีกชื่อว่า “Rising Channel” คือรูปแบบของกราฟราคาที่เคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้นระหว่างเส้นแนวโน้มสองเส้นที่ขนานกัน เส้นล่างเชื่อมต่อจุดต่ำสุดที่ยกสูงขึ้นเรื่อย ๆ (แนวรับ) ส่วนเส้นบนเชื่อมต่อจุดสูงสุดที่ยกตัวสูงขึ้น (แนวต้าน)
ความลาดเอียงของเส้นแนวโน้มแสดงถึงโมเมนตัมขาขึ้น ตราบใดที่ราคายังคงเคลื่อนไหวอยู่ภายในช่องทางนี้ แนวโน้มขาขึ้นก็มีแนวโน้มจะดำเนินต่อไป
รูปแบบนี้สามารถใช้ได้กับหลายกรอบเวลา:
กราฟรายวันเหมาะที่สุดสำหรับเทรดเดอร์แบบสวิงและแบบตำแหน่ง
กราฟ 4H/1H เหมาะที่สุดสำหรับการเทรดภายในวัน
กราฟ 5 นาที อาจแสดงรูปแบบ Ascending Channel ขนาดเล็ก แต่แนวโน้มอาจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ควรดูบริบทประกอบเสมอ: หากรูปแบบนี้เกิดขึ้นในแนวโน้มขาลงโดยรวม อาจล้มเหลวแม้ว่าจะเด้งจากแนวรับก็ตาม
สังเกตจุดต่ำและจุดสูงที่ยกตัวขึ้นเรื่อย ๆ
เริ่มจากยืนยันแนวโน้มขาขึ้น โดยดูว่าราคามีจุดต่ำและจุดสูงที่ยกตัวขึ้นหรือไม่ จากนั้นให้ลากเส้นแนวโน้มสองเส้น เส้นหนึ่งผ่านจุดต่ำ (swing lows) และอีกเส้นผ่านจุดสูง (swing highs) ทั้งสองเส้นควรขนานกันและชี้ขึ้นด้านบน
ตรวจสอบปริมาณการซื้อขาย (Volume) และแรงสนับสนุน
ปริมาณการซื้อขายมักจะลดลงระหว่างที่ราคาขึ้นลงภายในช่องทาง และจะพุ่งสูงขึ้นเมื่อมีความพยายามเบรกกรอบ หากเกิดการเบรกแต่มีปริมาณการซื้อขายต่ำ อาจเป็นสัญญาณหลอก แต่หากปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น แสดงถึงความน่าเชื่อถือของรูปแบบ
ยืนยันจากหลายกรอบเวลา
หากแนวโน้มได้รับการยืนยันในกรอบเวลาที่ใหญ่กว่า (เช่น กราฟรายวัน) จะช่วยให้มีบริบทที่ชัดเจนขึ้น แล้วจึงใช้กรอบเวลาที่เล็กลง (เช่น 4H หรือ 1H) เพื่อหาจุดเข้าออกที่แม่นยำ
เด้งออกจากแนวรับ (จุดเข้าเทรดที่เหมาะสม)
การเข้าซื้อใกล้เส้นแนวรับล่าง โดยดูจากสัญญาณราคา เช่น แท่งเทียน Hammer หรือ Bullish Engulfing จะให้โอกาสทำกำไรสูงเมื่อเทียบกับความเสี่ยง โดยจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ควรอยู่ต่ำกว่าจุดต่ำสุดล่าสุดเล็กน้อย
การเบรกขึ้นเหนือแนวต้านของ Channel
หากราคาปิดเหนือเส้นแนวต้านด้านบน พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น เป็นสัญญาณว่าแนวโน้มอาจเร่งตัวขึ้นได้ เทรดเดอร์มักเข้าซื้อเมื่อราคาเบรก หรือรอการกลับมายืนยันที่แนวต้านซึ่งกลายเป็นแนวรับใหม่
การหลุดลงต่ำกว่าแนวรับของ Channel
หากราคาร่วงลงต่ำกว่าเส้นแนวรับด้านล่าง อาจเป็นสัญญาณของการอ่อนแรงหรือการกลับทิศของแนวโน้ม การเปิดสถานะขาย (Short) หรือปิดสถานะซื้อเดิมเป็นทางเลือกที่เหมาะสมเมื่อมีโครงสร้างที่ยืนยันการเปลี่ยนแนวโน้ม
ขั้นตอนที่ 1: เข้าเทรดเมื่อราคาย่อใกล้แนวรับ
เริ่มจากการระบุเส้นแนวรับที่ลากผ่านจุดต่ำของช่องทาง จากนั้นเข้าเทรดเมื่อเกิดแท่งเทียนกลับตัวใกล้แนวรับ พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่ต่ำกำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ไว้ต่ำกว่าแนวรับเล็กน้อย และตั้งเป้าทำกำไรใกล้เส้นแนวต้านบนของช่อง หรือใช้การวัดเป้าจากความสูงของ Channel
ขั้นตอนที่ 2: เข้าเทรดเมื่อราคาเบรกแนวต้าน
รอจนแท่งเทียนปิดเหนือเส้นแนวต้านด้านบน แล้วจึงใช้คำสั่ง Limit เพื่อเข้าเทรดที่จุดเบรก หรือระหว่างการรีเทสต์ จุดตัดขาดทุนควรวางใต้แท่งเทียนที่เบรกแนวต้าน และตั้งเป้ากำไรตามความสูงของ Channel หรือการเร่งตัวของราคา
ขั้นตอนที่ 3: เล่นฝั่งตรงข้ามเมื่อแนวโน้มกลับทิศ
หากราคาหลุดเส้นแนวรับด้านล่าง และไม่สามารถกลับมายืนเหนือแนวรับเดิมได้อีก ให้พิจารณาเปิดสถานะขาย (Short) ยืนยันด้วยการเพิ่มขึ้นของปริมาณการซื้อขาย หรือโครงสร้างราคาที่เปลี่ยนเป็นขาลง (เช่น High ต่ำลง / Low ต่ำลง) เป้าหมายกำไรสามารถใช้ความสูงของ Channel เป็นเกณฑ์ในการวัด
เทรดเดอร์นิยมใช้รูปแบบ Ascending Channel เพราะช่วยกำหนดกรอบการเข้าและออกที่ชัดเจน เช่น เข้าใกล้แนวรับ หรือซื้อเมื่อเบรกแนวต้าน
นอกจากนี้ ยังมีความชัดเจนทางสายตา ช่วยลดความไม่แน่นอนในการตัดสินใจ อีกทั้งยังสามารถใช้งานได้กับหลายกรอบเวลา ทั้งการเทรดแบบรายวัน รายชั่วโมง หรือแม้แต่รายนาที
รูปแบบนี้ยังสามารถผสานกับกลยุทธ์ Price Action ได้เป็นอย่างดี และทำงานร่วมกับอินดิเคเตอร์อย่าง RSI ปริมาณการซื้อขาย และค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จัดการขนาดของสถานะให้เหมาะสม โดยเฉพาะเมื่อตลาดมีความผันผวนสูง
ใช้คำสั่ง Stop Loss ไว้เลยกรอบ Channel เล็กน้อยเพื่อลดความเสียหาย
หลีกเลี่ยงการเทรดมากเกินไปในช่วงราคาสะสมตัว (Sideway) หรือช่วงที่มีปริมาณการซื้อขายต่ำ
หยุดการเทรดเมื่อมีข่าวเศรษฐกิจสำคัญเช่นการประกาศดอกเบี้ยหรือ GDP
ใช้เทคนิค “Layer Trade”: เริ่มเทรดด้วยสถานะเล็ก แล้วค่อยเพิ่มเมื่อราคาเคลื่อนไปตามทิศทางที่ยืนยัน
ใช้ Trailing Stop เมื่อลากกำไรเกินเป้าเดิมเพื่อรักษากำไร
ใช้อินดิเคเตอร์โมเมนตัม เช่น RSI มากกว่า 50 หรือ MACD ตัดขึ้น เพื่อเสริมความมั่นใจ
ระวังสัญญาณ Bearish Divergence ใกล้เส้นแนวต้าน ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการหลุดจาก Channel
1. รูปแบบ Ascending Channel มีแนวโน้มเป็นขาขึ้นเสมอไปหรือไม่?
โดยทั่วไป รูปแบบนี้ถือเป็นสัญญาณขาขึ้น เนื่องจากราคามีการยกตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่หากราคาหลุดเส้นแนวรับด้านล่าง อาจกลายเป็นสัญญาณกลับตัวลง ดังนั้นต้องติดตามการเปลี่ยนแปลงของโมเมนตัมให้ดี
2. อินดิเคเตอร์ใดเหมาะกับรูปแบบ Ascending Channel?
อินดิเคเตอร์ที่นิยมใช้ร่วม ได้แก่ RSI (ดูสภาวะซื้อมากเกินไป/ขายมากเกินไป), MACD (ยืนยันแรงส่งของแนวโน้ม), และปริมาณการซื้อขาย (ยืนยันการเบรกหรือกลับตัว)
3. จะรู้ได้อย่างไรว่ารูปแบบ Ascending Channel กำลังจะแตก?
สัญญาณเตือน ได้แก่ Bearish Divergence (ราคาทำจุดสูงใหม่ แต่ RSI กลับลดลง), ปริมาณการซื้อขายที่ลดลงขณะราคาขึ้น, หรือราคาขึ้นไม่ถึงแนวต้านบน หากเกิดแท่งเทียนขาลงแรงที่ปิดต่ำกว่าแนวรับ พร้อมปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น อาจยืนยันการหลุดแนวโน้ม
โดยสรุป รูปแบบ Ascending Channel มอบสัญญาณที่ชัดเจน มีกรอบการเข้าออกที่เป็นระบบ และขอบเขตความเสี่ยงที่ชัดเจน เหมาะกับการใช้งานในตลาดและกรอบเวลาหลากหลาย
สำหรับมือใหม่ การเรียนรู้และเข้าใจรูปแบบนี้คือก้าวแรกที่ดีในการพัฒนาทักษะอ่านกราฟ และวางรากฐานสำหรับกลยุทธ์ Price Action ที่มีประสิทธิภาพในอนาคต
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
แยกย่อยสิ่งสำคัญของ ETF XLU ตั้งแต่การมุ่งเน้นตามภาคส่วนไปจนถึงบทบาทในพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลาย
2025-08-11เปรียบเทียบรูปแบบแท่งเทียนต่อเนื่องกับตัวบ่งชี้ทางเทคนิคเพื่อดูว่ารูปแบบใดเหมาะกับกลยุทธ์ของคุณที่สุด
2025-08-11ดัชนี S&P 500 คือกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ 500 บริษัทชั้นนำสหรัฐฯ ที่สะท้อนเศรษฐกิจอเมริกา เจาะลึกโครงสร้างเกณฑ์คัดเลือก พร้อมแนะนำกองทุน ETF S&P 500
2025-08-08