ทองคำจ่อ $3,400! จับตาปัจจัยดันกราฟ XAUUSD สงครามการค้า, ดอลลาร์อ่อน, เทคนิคและเป้าหมาย พร้อมกลยุทธ์เทรด
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา กราฟ XAUUSD หรือกราฟราคาทองคำต่อน้ำหนักทองคำ 1 ออนซ์ (XAU) ต่อดอลลาร์สหรัฐ (USD) แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง จนสร้างสถิติสูงสุดใหม่ที่ระดับ $3,319.60 จากปัจจัยความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย (safe‑haven demand)
ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงแรงกดดันของค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า บทความนี้จะเจาะลึกปัจจัยพื้นฐานและเทคนิคที่ผลักดันราคา ทิศทางและจุดเป้าหมายถัดไป พร้อมการวิเคราะห์แนวโน้มระยะกลางถึงยาว เพื่อช่วยให้เทรดเดอร์และนักลงทุนสามารถวางกลยุทธ์ได้อย่างมั่นใจ
ภาพรวมราคาทองคำและสถานการณ์ปัจจุบัน
เมื่อวันที่กลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับตัวแตะระดับ $3,319.60 ซึ่งเป็นราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยแรงซื้อหลักมาจากความวิตกเรื่องสงครามการค้าระลอกใหม่ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และท่าทีของรัฐบาลสหรัฐที่สั่งสอบสวนการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสำคัญ (critical minerals) จากจีน ส่งผลให้เกิดการย้ายพอร์ตไปถือทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง (safe‑haven) อย่างรวดเร็ว ตัดสัญญาณเทคนิคของช่วงต้นสัปดาห์ที่เคยเป็นขาลงไปอย่างสิ้นเชิง พร้อมยืนยันแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้นถึงกลาง
ลักษณะโดยรวม:
-แนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจน: โดยรวมแล้ว ราคาทองคำแสดงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่งในช่วงเวลาที่แสดงในกราฟ จะเห็นว่ามีจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดที่ยกตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
-การเคลื่อนไหวของราคา: ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 2700 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงปลายเดือนมกราคม และปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงระดับสูงสุดที่เห็นในกราฟ ซึ่งสูงกว่า 3350 ดอลลาร์สหรัฐ
-แท่งเทียน: แท่งเทียนส่วนใหญ่เป็นสีเขียว ซึ่งบ่งชี้ถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่งในแต่ละวันที่มีการปรับตัวขึ้น แท่งเทียนสีแดงแสดงถึงวันที่ราคาปรับตัวลง
เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages):
-SMA (50): เส้นสีน้ำเงินแสดงเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน ซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวรับไดนามิก โดยราคามักจะเคลื่อนไหวอยู่เหนือเส้นนี้ และเมื่อราคาปรับตัวลงมาใกล้เส้นนี้ มักจะมีการดีดตัวขึ้น
-SMA (200): เส้นสีแดงแสดงเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน ซึ่งเป็นแนวรับระยะยาวที่สำคัญ และยังคงอยู่ต่ำกว่าราคาปัจจุบันอย่างมาก ซึ่งเน้นย้ำถึงแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาว
-SMA (10): เส้นสีเขียวอ่อนแสดงเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 10 วัน ซึ่งอยู่ใกล้กับราคาปัจจุบันมากที่สุด และแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้นที่ยังคงแข็งแกร่ง
จุดสำคัญที่สังเกตได้:
-การทะลุแนวต้าน: มีการทะลุแนวต้านสำคัญหลายครั้งในช่วงขาขึ้นนี้ ซึ่งแสดงถึงแรงซื้อที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
-การปรับฐาน: แม้จะมีแนวโน้มขาขึ้น แต่ก็มีการปรับฐานราคาลงมาเป็นระยะๆ (แท่งเทียนสีแดง) แต่การปรับฐานเหล่านี้มักจะไม่รุนแรงนักและราคาจะกลับไปเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้นต่อ
-การเร่งตัวขึ้นในช่วงล่าสุด: ในช่วงท้ายของกราฟ จะเห็นว่าราคามีการปรับตัวขึ้นอย่างรวดแรงและชัน ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงความร้อนแรงของการซื้อมากเกินไปในระยะสั้น
จากกราฟ XAUUSD ในกรอบรายชั่วโมงของสัปดาห์นี้ (21 เมษายน 2025) ลักษณะปัจจุบัน
-ราคาทองคำซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 3,390 ดอลลาร์สหรัฐฯ
-ราคามีการ ดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจากแนวรับของช่องราคา ใกล้ระดับ 3,316 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งแสดงถึงแรงซื้อที่ระดับนี้
-โครงสร้างขาขึ้น ยังคงแข็งแกร่ง
-เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โปเนนเชียล (EMA) 50 วัน ที่ระดับ 3,286 ดอลลาร์สหรัฐฯ กำลังทำหน้าที่เป็นแนวรับ
-ราคากำลังเคลื่อนไหวอยู่ใน ช่องราคาขาขึ้นที่กว้างขึ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นที่ต่อเนื่อง
แนวโน้มขาขึ้นที่เป็นไปได้:
-ด้วย โมเมนตัมที่ฟื้นตัวขึ้น ระดับแนวต้านที่ต้องจับตาดูในระยะสั้นคือ 3,404 ดอลลาร์สหรัฐฯ และ 3,425 ดอลลาร์สหรัฐฯ
-การ ทะลุเหนือเส้นแนวโน้มด้านบน ของช่องราคาขาขึ้น อาจเร่งให้ราคาสูงขึ้นต่อไป โดยมีเป้าหมายที่ระดับ 3,448 ดอลลาร์สหรัฐฯ
แนวโน้มขาลงที่เป็นไปได้:
-แนวรับที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ระดับ 3,368 ดอลลาร์สหรัฐฯ
-แนวรับสำคัญที่ต้องจับตาดูคือ 3,346 ดอลลาร์สหรัฐฯ และบริเวณจุดต่ำสุดล่าสุดใกล้ 3,316 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ภาพรวม:
-ผู้ซื้อยังคงควบคุมตลาดอยู่ในขณะนี้
-การเคลื่อนไหวของราคาใกล้เข้าสู่ จุดเปลี่ยนที่สำคัญ บริเวณแนวต้าน 3,404 ดอลลาร์สหรัฐฯ
-การ ทะลุเหนือระดับ 3,404 ดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างชัดเจน พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่แข็งแกร่ง อาจยืนยันการต่อเนื่องของแนวโน้มขาขึ้น
-หากไม่สามารถทะลุเหนือระดับ 3,404 ดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ อาจนำไปสู่ การพักตัวในระยะสั้น ของราคา
โดยสรุป บทวิเคราะห์บ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้นสำหรับราคาทองคำ โดยระดับ 3,404 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นจุดที่สำคัญสำหรับการเคลื่อนไหวขึ้นต่อไป หากแนวต้านนี้ยังคงอยู่ เราอาจเห็นการเคลื่อนไหวของราคาในกรอบแคบๆ ก่อนที่จะมีการเคลื่อนไหวที่สำคัญครั้งต่อไป
ปัจจัยหนุนจากสงครามการค้าและภาษีนำเข้า
ปัจจัยสำคัญที่หนุนราคาทองขึ้นคือ ประเด็นสงครามภาษีและการค้า โดยประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศตรวจสอบมาตรการภาษีนำเข้าสินค้ากลุ่ม critical minerals ทั้งหมด นอกจากนี้ยังต้องจับตาประเด็นที่จีนเป็นผู้ผลิตสำคัญในตลาดนี้ ขณะเดียวกันเพิ่งประกาศเก็บภาษีนำเข้าจากญี่ปุ่นถึง 24% เมื่อเร็ว ๆ นี้ ทำให้ภาพรวมความสัมพันธ์การค้าระหว่างสหรัฐฯ กับคู่ค้าสำคัญทวีความตึงเครียด นักลงทุนจึงมองทองคำเป็นเกราะป้องกันความเสี่ยงทางการเมืองและเศรษฐกิจ จุดนี้จึงเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้เกิดการรีบซื้อทองคำในช่วงติดลบของตลาดหุ้น ในฐานะ Safe‑Haven Demand
อิทธิพลของค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า
นอกเหนือจากความเสี่ยงการค้า ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ยังคงปรับตัวลงทำระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าคือปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ เนื่องจากทองคำจัดราคาเป็นดอลลาร์ การอ่อนค่าของดอลลาร์ทำให้ทองคำถูกลงสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่น ๆ เพิ่มแรงซื้อจากนอกตลาดสหรัฐฯ ทั้งนี้ FXTM’s Lukman Otunuga ระบุว่า “ทองคำยังได้รับการสนับสนุนอย่างหนักจากความอ่อนแอของดอลลาร์ ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย และนโยบายการเงินของธนาคารกลาง” ซึ่งสอดคล้องกับการไหลเข้า (inflow) ของเงินทุนในทองคำอย่างต่อเนื่อง
แนวรับแนวต้านสำคัญทางเทคนิค
จากกราฟ XAUUSD ปัจจุบัน แนวรับสำคัญอยู่ที่ $3,137.91 ซึ่งเป็นระดับ pivot ใหม่ หลังจากที่ราคายืนเหนือจุดนี้ได้ จะช่วยค้ำแรงซื้อให้ดำเนินต่อไป ส่วนแนวต้านระยะสั้นถัดไปคือ $3,400 ซึ่งเป็นเป้าหมายแรก หากพิจารณาจากช่องแนวโน้ม (ascending channel) บนกราฟรายวัน พบว่าราคามีท่าทีจะทดสอบแนวต้านบริเวณ upper boundary ของช่อง หากผ่านขึ้นไปได้ จะยิ่งตอกย้ำเทรนด์ขาขึ้นและเปิดทางสู่เป้าหมายถัดไปที่ $3,500
วิเคราะห์กรอบแนวโน้มระยะกลางถึงยาว
ในมุมมองเทคนิคอลระยะยาว หากดูบนกราฟแบบ LOG scale ตั้งแต่ปี 1993 จะเห็นกรอบช่องขาขึ้น (ascending parallel channel) ที่ถูกทดสอบมาแล้ว 5 ครั้ง และกำลังรอการทดสอบครั้งที่ 6 ซึ่งชี้ให้เห็นว่าทองคำยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ภายในกรอบ channel นี้ มีการคาดการณ์ว่า ราคาทองคำอาจเร่งขึ้นแตะ $7,000 ในปี 2027 หากทิศทางเทรนด์ขาขึ้นยังไม่ถูกทำลาย
มุมมอง Elliott Wave และความเสี่ยงการปรับฐาน
จากทฤษฎี Elliott Wave เราอยู่ในคลื่นที่ 3 ซึ่งมักเป็นคลื่นขาขึ้นที่แข็งแกร่ง แต่หลังจากจบคลื่น 3 แล้ว จะเกิดคลื่นปรับฐาน (wave 4) ซึ่งอาจทำให้ราคาทองคำปรับตัวลง 20–30% จากจุดสูงสุด ก่อนจะเริ่มคลื่น 5 ขาขึ้นในระยะยาว ดังนั้น นักลงทุนควรเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวน และใช้การบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการตั้ง stop‑loss หรือการลดขนาดพอร์ตในช่วงที่ราคาทองคำมีอาการรีเทสต์
กลยุทธ์การเทรดตามแนวโน้ม
-เน้นเปิด Long ตามเทรนด์หลัก: เนื่องจากแนวโน้มทองคำยังคงเป็นขาขึ้น การเทรดฝั่ง Long จะเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้มากกว่าการสวนเทรนด์ด้วยการเปิด Short ซึ่งควรหลีกเลี่ยงในช่วงนี้
-เทรดในกรอบแนวโน้มขาขึ้น: รอให้ราคาย่อลงใกล้ระดับแนวรับสำคัญบริเวณ $3,137 หรือบริเวณแนวล่างของกรอบ ascending channel เพื่อหาจุดเข้าออเดอร์ที่มีความเสี่ยงต่ำ
-ยืนยันสัญญาณก่อนเข้าซื้อ: ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค เช่น RSI, MACD หรือ Fibonacci Retracement เพื่อช่วยยืนยันการกลับตัวของราคา และเพิ่มความแม่นยำในการเข้าเทรด
-จัดการความเสี่ยงอย่างรัดกุม: วางจุดหยุดขาดทุน (stop-loss) ไว้ต่ำกว่าระดับ pivot หรือแนวรับที่สำคัญ พร้อมทั้งคำนวณขนาดล็อตให้สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
ปัจจัยเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่ต้องจับตา
ตัวเลขผลสำรวจเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า retail sales เดือนที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 1.4% ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์ที่ 1.2% แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังไม่สามารถกลบความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าได้ นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปี (10-year yield) แม้จะขยับขึ้นเล็กน้อยที่ 4.341% หลังจากตัวเลข retail sales แข็งแกร่ง แต่โดยรวมยังคงได้รับแรงกดดันจากการขายพันธบัตรเพื่อถัวเฉลี่ยต้นทุน (mean reversion) หลังจากที่อัตราผลตอบแทนปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในสัปดาห์ที่ผ่านมา การประชุม FOMC และการแถลงนโยบายการเงินจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในอนาคตจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดทองคำมีความผันผวนสูงขึ้นอย่างมาก
คำแนะนำสำหรับนักลงทุน
-ติดตามข่าวสาร: สถานการณ์สงครามการค้าและการปรับท่าทีของธนาคารกลางเป็นปัจจัยสำคัญ
-ปรับพอร์ตให้ยืดหยุ่น: จัดสรรสัดส่วนทองคำในพอร์ตให้เหมาะสม ไม่มากเกินไปจนรับความผันผวนไม่ไหว
-ใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยง: เช่น ออปชันหรือฟิวเจอร์สทองคำ เพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวที่รุนแรงเกินคาด
สรุปแล้วกราฟ XAUUSD นับตั้งแต่ทรัมป์ประกาศนโยบายภาษี แสดงถึงการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในตลาดการเงิน ซึ่งปัจจุบันกำลังได้รับความสนใจอย่างมากจากนักลงทุน เนื่องจากราคาทองคำทะยานสูงขึ้นไปทำลายสถิติสูงสุดที่ 3,319.60 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยการเพิ่มขึ้นของราคานี้มีสาเหตุหลักจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน รวมถึงความอ่อนแอของดอลลาร์สหรัฐฯ
ทำให้ทองคำกลายเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่นักลงทุนหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดการเงิน ขณะที่การคาดการณ์ในอนาคตสำหรับกราฟ XAUUSD ยังคงมองไปที่ระดับเป้าหมายใหม่ที่ 3,400 และ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นระดับที่นักลงทุนคาดหวังว่าราคาทองคำจะสามารถทะลุผ่านไปได้หากสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศไม่เกิดการผ่อนคลาย
กราฟ XAUUSD ยังแสดงให้เห็นถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่งในตลาดทองคำ เนื่องจากนักลงทุนมองว่าเป็นช่วงเวลาที่ทองคำสามารถสร้างผลกำไรได้สูง โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดการเงินเผชิญกับความไม่แน่นอนและความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก
ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของราคาทองคำที่สูงขึ้นยังได้รับผลกระทบจากการลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และการคาดการณ์ถึงสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ซึ่งทำให้ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนที่ติดตามกราฟ XAUUSD ควรระวังความผันผวนของราคาทองคำที่อาจเกิดขึ้นในระยะสั้น ขณะที่ภาพรวมของตลาดทองคำยังคงบ่งชี้ถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต
คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
เรียนรู้วิธีซื้อตามข่าวลือ ขายตามข่าวในการซื้อขาย ค้นพบขั้นตอนกลยุทธ์ ตัวอย่างจริง ความเสี่ยง และเคล็ดลับในการจัดการความผันผวนและจิตวิทยาของตลาด
2025-04-22ค้นพบ 10 ETF ระดับนานาชาติที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุนที่หลากหลายในปี 2025 เพิ่มการเปิดรับความเสี่ยงในระดับโลกและลดความเสี่ยงด้วยตัวเลือกที่ดีที่สุดเหล่านี้
2025-04-22คุณควรซื้อเมื่อราคาตกหรือถือการลงทุนของคุณไว้? เรียนรู้ข้อดี ความเสี่ยง และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดเพื่อการตัดสินใจอย่างชาญฉลาดในช่วงที่ตลาดตกต่ำหรือปรับตัว
2025-04-22