คู่มือสำหรับผู้เริ่มต้นในการซื้อขายดัชนีสังเคราะห์

2025-03-19
สรุป

ค้นพบว่าดัชนีสังเคราะห์แตกต่างจากฟอเร็กซ์และหุ้นอย่างไร เหตุใดดัชนีเหล่านี้จึงดึงดูดผู้ซื้อขาย และดัชนีใดที่เหมาะกับสไตล์ของคุณ จุดเริ่มต้นที่ง่ายดายสำหรับผู้เริ่มต้น

สำหรับหลายๆ คนที่เพิ่งเริ่มซื้อขายออนไลน์ แนวคิดในการซื้อขายสิ่งที่เรียกว่าดัชนีสังเคราะห์อาจดูน่าสับสนเล็กน้อย เพราะดัชนีเหล่านี้ไม่ใช่หุ้นและไม่ใช่ฟอเร็กซ์ด้วยซ้ำ แล้วดัชนีเหล่านี้คืออะไรกันแน่ หากคุณเคยรู้สึกสับสนกับศัพท์แสงของการซื้อขาย คุณคงไม่ใช่คนเดียวที่เข้าใจ แต่ไม่ต้องกังวล เพราะคู่มือนี้จะช่วยอธิบายสิ่งต่างๆ อย่างชัดเจนและเรียบง่าย โดยไม่ทำให้คุณรู้สึกเหมือนกำลังอ่านคู่มือของยานอวกาศ

Synthetic Indices Trading-EBC

ดัชนีสังเคราะห์แตกต่างจากฟอเร็กซ์และหุ้นอย่างไร


มาเริ่มกันที่พื้นฐาน ตลาด Forex และตลาดหุ้นถูกขับเคลื่อนโดยปัจจัยในโลกแห่งความเป็นจริง เช่น ข่าวสาร ข้อมูลเศรษฐกิจ ผลงานของบริษัท เหตุการณ์ทางการเมือง และอื่นๆ หากประเทศใดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือบริษัทรายงานกำไรมหาศาล ก็จะส่งผลกระทบต่อราคา ซึ่งหมายความว่าผู้ซื้อขายจะต้องติดตามข่าวสารและมักจะต้องรับมือกับความผันผวนที่คาดเดาไม่ได้ซึ่งเกิดจากเหตุการณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุม


อย่างไรก็ตาม ดัชนีสังเคราะห์นั้นสร้างขึ้นโดยมนุษย์ทั้งหมด โดยสร้างขึ้นโดยใช้ขั้นตอนวิธีจำลองการเคลื่อนไหวของราคา ลองนึกถึงดัชนีเหล่านี้ว่าเป็นตลาดเสมือนจริงที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อเลียนแบบพฤติกรรมราคาจริง แต่ไม่ได้รับอิทธิพลจากโลกแห่งความเป็นจริง สิ่งนี้ทำให้ดัชนีเหล่านี้มีความพิเศษเฉพาะตัว เนื่องจากการเคลื่อนไหวของดัชนีจะขึ้นอยู่กับแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่แน่นอน ไม่ใช่ข่าวหรือข่าวลือ


ความแตกต่างที่สำคัญประการหนึ่งคือความผันผวน ในขณะที่ตลาดฟอเร็กซ์และหุ้นอาจผันผวนเนื่องจากข่าวที่ไม่คาดคิด ดัชนีสังเคราะห์มีรูปแบบความผันผวนที่คาดเดาได้ ดัชนีเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาให้ทำงานในลักษณะหนึ่งๆ และเทรดเดอร์มักจะพึ่งพาความสม่ำเสมอได้ นอกจากนี้ ดัชนีสังเคราะห์ยังเปิดให้ซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ซึ่งทำให้มีความยืดหยุ่นมากกว่าตลาดแบบดั้งเดิมที่ปิดทำการในช่วงกลางคืนหรือวันหยุดสุดสัปดาห์


ประโยชน์ของการซื้อขายดัชนีสังเคราะห์


คุณอาจสงสัยว่าทำไมถึงมีคนเทรดดัชนีสังเคราะห์แทนที่จะเทรดในตลาดที่มีชื่อเสียง เช่น ฟอเร็กซ์หรือหุ้น ดัชนีเหล่านี้มีข้อดีพิเศษบางอย่างที่ดึงดูดทั้งผู้เริ่มต้นและผู้เทรดที่มีประสบการณ์


ประการแรก สามารถเข้าถึงได้ตลอด 24 ชั่วโมง ตลาดสำหรับดัชนีสังเคราะห์จะไม่ปิดทำการ คุณสามารถซื้อขายได้ตลอดเวลา แม้กระทั่งในวันหยุด วิธีนี้เหมาะอย่างยิ่งหากคุณมีตารางงานที่ยุ่งหรือเพียงแค่ต้องการซื้อขายนอกเวลาทำการปกติของตลาด


ประการที่สอง ดัชนีสังเคราะห์จะไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่จำเป็นต้องกังวลกับการประกาศที่ไม่คาดคิดหรือการพังทลายของตลาดที่เกิดจากข่าวระดับโลก ซึ่งหมายความว่าสภาพแวดล้อมการซื้อขายจะมีการควบคุมมากขึ้น ซึ่งอาจดูวุ่นวายน้อยลง โดยเฉพาะสำหรับผู้มาใหม่


ข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือการควบคุมความผันผวน ดัชนีต่างๆ มีระดับความผันผวนที่แตกต่างกัน ซึ่งทำให้ผู้ซื้อขายสามารถเลือกได้ตามความสะดวก ไม่ว่าคุณจะชอบการซื้อขายที่มีความเสี่ยงสูงและมีจังหวะรวดเร็ว หรือชอบการเคลื่อนไหวที่ช้าและคงที่ ดัชนีสังเคราะห์มักจะเหมาะกับสไตล์ของคุณ


สุดท้ายโบรกเกอร์มักเสนอขนาดสัญญาที่เล็กกว่าสำหรับดัชนีสังเคราะห์ ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถเริ่มต้นด้วยการลงทุนที่ต่ำกว่าและยังคงสามารถสัมผัสได้ถึงวิธีการทำงานของตลาด ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งหากคุณเพิ่งเริ่มต้นและต้องการเรียนรู้โดยไม่ต้องเสี่ยงมากเกินไป


อธิบายประเภทดัชนีสังเคราะห์ยอดนิยม


ตอนนี้เราได้อธิบายไปแล้วว่าทำไมผู้คนถึงซื้อขายดัชนีเหล่านี้ มาดูดัชนีสังเคราะห์ประเภทต่างๆ ที่มีให้บริการกันโดยละเอียดดีกว่า มีหมวดหมู่ยอดนิยมบางหมวดหมู่ที่ผู้ซื้อขายมักเน้น:


ดัชนีความผันผวน: ดัชนีเหล่านี้ถือเป็นดัชนีสังเคราะห์ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด ดัชนีเหล่านี้มีเวอร์ชันต่างๆ เช่น ความผันผวน 10, 25, 50, 75 และ 100 ยิ่งตัวเลขสูงขึ้น ความผันผวนก็จะยิ่งมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ความผันผวน 10 จะเคลื่อนไหวช้าและสม่ำเสมอกว่า ในขณะที่ความผันผวน 100 จะเคลื่อนไหวอย่างมีพลังมากกว่าและสามารถแกว่งตัวอย่างรุนแรงได้ในช่วงเวลาสั้นๆ


ดัชนี Crash และ Boom: ดัชนีเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาโดยคำนึงถึงความเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรง ตัวอย่างเช่น Boom 500 จะมีการพุ่งขึ้นอย่างกะทันหัน ในขณะที่ดัชนี Crash 500 จะมีการลดลงอย่างกะทันหัน ความเคลื่อนไหวเหล่านี้เกิดขึ้นแบบสุ่ม แต่พฤติกรรมพื้นฐานจะดำเนินไปตามรูปแบบเฉพาะในช่วงเวลาหนึ่ง ผู้ซื้อขายจำนวนมากพบว่าดัชนีเหล่านี้มีความน่าสนใจเนื่องจากมีศักยภาพในการทำกำไรอย่างรวดเร็ว แม้ว่าความเสี่ยงจะสูงกว่าก็ตาม


ดัชนีแบบขั้นบันได: ดัชนีประเภทนี้จะเคลื่อนไหวเป็นขั้นบันไดอย่างสม่ำเสมอและคงที่ ทำให้สามารถคาดเดาได้ง่ายขึ้นและวิเคราะห์ได้ง่ายขึ้น ดัชนีประเภทนี้ถือว่ามีเสถียรภาพมากกว่าและเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการประสบการณ์ที่ราบรื่นขึ้นโดยไม่มีเรื่องเซอร์ไพรส์มากเกินไป


การเลือกประเภทการซื้อขายมักขึ้นอยู่กับรูปแบบการซื้อขายและความสามารถในการรับความเสี่ยง บางคนชอบความสงบและการควบคุมของ Step Indices ในขณะที่บางคนชอบการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของ Boom และ Crash


การเทรดแบบ Scalping เทียบกับแบบ Swing แบบไหนเหมาะสมกว่ากัน?


เมื่อพูดถึงรูปแบบการซื้อขาย มาพูดถึงการเก็งกำไรแบบ Scalping และ Swing Trading กันก่อน ซึ่งเป็นแนวทางทั่วไป 2 ประการเมื่อทำการซื้อขายดัชนีสังเคราะห์


การเก็งกำไรแบบ Scalping เกี่ยวข้องกับการทำการซื้อขายเล็กๆ น้อยๆ หลายครั้ง โดยมีเป้าหมายเพื่อทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อย การเก็งกำไรแบบ Scalping ดำเนินไปอย่างรวดเร็วและต้องให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง แต่ก็สามารถให้ผลดีได้ โดยเฉพาะกับดัชนีอย่าง Volatility 75 ที่ราคาเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก นักเก็งกำไรมักใช้กรอบเวลาสั้นๆ (เช่น แผนภูมิ 1 นาทีหรือ 5 นาที) และพึ่งพาตัวบ่งชี้ทางเทคนิคในการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว


ในทางกลับกัน การเทรดแบบสวิงคือการถือครองการเทรดเป็นเวลานานขึ้น – บางครั้งเป็นชั่วโมงหรือเป็นวัน – และตั้งเป้าที่จะจับการเคลื่อนไหวที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งเหมาะกับดัชนี เช่น ความผันผวน 10 หรือดัชนีขั้นบันได ซึ่งการเคลื่อนไหวจะช้ากว่าและคาดเดาได้มากกว่า การเทรดแบบสวิงโดยทั่วไปต้องใช้เวลาบนหน้าจอน้อยกว่าและอาจมีความเครียดน้อยกว่า แต่ต้องใช้ความอดทนและแผนที่มั่นคง


ไม่มีถูกหรือผิดที่นี่ ขึ้นอยู่กับบุคลิกภาพ ตารางเวลา และความสบายใจของคุณที่มีต่อความเสี่ยง ข้อดีของดัชนีสังเคราะห์คือดัชนีเหล่านี้เปิดโอกาสให้กับทั้งสองรูปแบบ ดังนั้นคุณจึงสามารถทดลองและดูว่าแบบใดเหมาะกับคุณ


การจัดการความเสี่ยงในการซื้อขายดัชนีสังเคราะห์


ไม่ว่าคุณจะเลือกดัชนีใดหรือชอบรูปแบบใด การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ดัชนีสังเคราะห์สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว และคุณอาจถูกจับได้ง่ายหากคุณ ไม่ ระมัดระวัง


อันดับแรกและสำคัญที่สุด ให้ใช้จุดตัดขาดทุนเสมอ วิธีนี้จะปิดการซื้อขายของคุณโดยอัตโนมัติหากตลาดเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงข้ามกับคุณมากเกินไป ซึ่งจะช่วยปกป้องเงินทุนของคุณ คุณอาจคิดว่า "อีกนิดก็จะกลับมาเป็นปกติ" แต่การทำเช่นนั้นอาจนำไปสู่การสูญเสียครั้งใหญ่ได้


อย่าลืมคำนึงถึงเลเวอเรจด้วย โบรกเกอร์หลายแห่งเสนอเลเวอเรจสูงในดัชนีสังเคราะห์ ซึ่งสามารถเพิ่มทั้งผลกำไรและขาดทุนได้ เริ่มต้นด้วยจำนวนน้อย และหลีกเลี่ยงการใช้เลเวอเรจสูงสุดจนกว่าคุณจะมั่นใจอย่างแท้จริง


อารมณ์อาจเป็นศัตรูตัวฉกาจของเทรดเดอร์ การโลภหลังจากชนะหรือหมดหวังหลังจากแพ้ มักนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาด พยายามสงบสติอารมณ์และยึดมั่นกับแผนการซื้อขายของคุณไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม


ในที่สุด การฝึกฝนก็ทำให้เก่งได้ โบรกเกอร์ส่วนใหญ่เสนอบัญชีทดลองซึ่งคุณสามารถซื้อขายด้วยเงินเสมือนจริง ใช้บัญชีเหล่านี้เพื่อทดสอบกลยุทธ์ของคุณ ทำความเข้าใจว่าดัชนีต่างๆ ทำงานอย่างไร และสร้างความมั่นใจของคุณก่อนที่จะเสี่ยงเงินจริง


คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

เชี่ยวชาญการซื้อขายดัชนีรายวัน: เคล็ดลับสำหรับผู้เริ่มต้น

เชี่ยวชาญการซื้อขายดัชนีรายวัน: เคล็ดลับสำหรับผู้เริ่มต้น

เรียนรู้วิธีการทำงานของการซื้อขายดัชนีรายวัน รวมถึงพื้นฐาน ประโยชน์ ความเสี่ยง และเครื่องมือที่ผู้เริ่มต้นต้องใช้ในการเริ่มต้นซื้อขายดัชนี เช่น FTSE 100 และ S&P 500

2025-03-20
สูตรอัตราการเปลี่ยนแปลง: วิธีการคำนวณและตีความ

สูตรอัตราการเปลี่ยนแปลง: วิธีการคำนวณและตีความ

เรียนรู้วิธีการคำนวณและตีความสูตรอัตราการเปลี่ยนแปลง (ROC) ค้นพบกลยุทธ์การซื้อขายและวิธีที่ ROC ตรวจจับการกลับตัวของแนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงโมเมนตัม

2025-03-20
รูปแบบสามเหลี่ยมลง: เคล็ดลับการขายชอร์ตที่ทำกำไร

รูปแบบสามเหลี่ยมลง: เคล็ดลับการขายชอร์ตที่ทำกำไร

รูปแบบสามเหลี่ยมลงมาเป็นรูปแบบกราฟที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดรูปแบบหนึ่ง เรียนรู้วิธีการเทรดรูปแบบสามเหลี่ยมลงมาเพื่อขายชอร์ตที่ทำกำไรได้

2025-03-20