เทรดค่าเงินอย่างไรให้ได้กำไร คำถามที่หลายคนต้องการคำตอบ ซึ่งเราได้รวบรวมเทคนิคการเทรดมาให้แล้วในบทความนี้
เป้าหมายของนักลงทุนทุกคนคือ การสร้างผลกำไร หรือผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจ โดยเฉพาะการเข้าไปแสวงหาผลกำไรในตลาดเงิน หรือที่เรารู้จักกันดีในนามตลาด Forex เพราะการเทรดค่าเงินมีความเคลื่อนไหวตลอดเวลา และความเคลื่อนไหวย่อมหมายถึงผลกำไร ด้วยเหตุนี้เองทำให้นักลงทุนหลายคนต้องการกลยุทธ์ในการเทรดค่าเงินให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งเราต้องบอกว่ากลยุทธ์ไม่มีคำว่าตายตัว ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับเป้าหมายของนักลงทุนแต่ละคน โดยในบทความนี้เราขอแนะนำเทคนิคการเทรดยอดนิยม ให้ทุกท่านได้รู้จักและนำประยุกต์ใช้
นักลงทุนจะประสบความสำเร็จกับเทคนิคการเทรดค่าเงินต่าง ๆ ได้ นักลงทุนจะต้องเริ่มต้นที่ความเชื่อมั่นในเทคนิคที่เลือกใช้ก่อน จึงจะเกิดเป็นวินัยของนักเทรดที่ดี หากขาดซึ่งความเชื่อมั่นก็จะไม่มีเทคนิคไหนที่ตอบโจทย์ความสำเร็จที่นักลงทุนต้องการได้ โดยเทคนิคที่เราจะแนะนำต่อไปนี้ คือ
1. เทคนิคการเทรดแบบ Scalping
เป็นกลยุทธ์การเทรดค่าเงินที่ได้รับความนิยมในกลุ่มนักลงทุน เพราะเทคนิคนี้จะอาศัยการเข้าทำกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อย ภายใต้กรอบเวลาอันรวดเร็ว เทคนิคนี้เป็นการสะสมกำไรทีละเล็กทีละน้อย เพื่อนำไปสู่การรวบรวมเป็นกำไรก้อนใหญ่ อีกทั้งนักลงทุนยังสามารถจัดการความเสี่ยงจากการใช้เงินทุนจำนวนมากได้
เทคนิคนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีเวลาค่อนข้างเยอะ เพราะการจะใช้เทคนิคนี้ให้ได้ผลนักลงทุนจะต้องเลือกช่วงเวลาที่มีปริมาณการซื้อขายสูง ๆ เพื่อเข้าทำกำไรในระยะสั้น โดยส่วนใหญ่นักลงทุนจะใช้เวลาทำกำไรตั้งแต่ 1 นาทีไปจนถึง 15 นาทีเท่านั้น
2. เทคนิคการเทรดแบบ Swing
เทคนิคการเทรดสำหรับนักลงทุนที่ชอบความผันผวน เป็นกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมสูง มุ่งเน้นไปที่ความผันผวนของราคาในระยะกลางของตลาดเงิน โดยนักลงทุนจะเข้าทำกำไรจากการแกว่งตัวของอัตราแลกเปลี่ยนของคู่สกุลเงินที่ตัวเองเลือก ซึ่งโดยทั่วไปแล้วนักลงทุนที่นิยมใช้เทคนิคนี้จะเปิดสถานะของตัวเองตั้งแต่ 1 วัน ไปจนถึงหลายสัปดาห์
เทคนิคนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีความอดทนและมีวินัยสูง เนื่องจากต้องถือครองสถานะติดต่อกันหลายวัน ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงมากทีเดียว และการที่ต้องถือสถานะไว้หลายวันก็เพื่อมองหาจุดความผันผวนเพื่อการเข้าทำกำไร ซึ่งโดยส่วนใหญ่นักลงทุนที่นิยมเทคนิคนี้จะจัดการความเสี่ยงของตัวเอง ด้วยวิธีตั้งจุด Stop Loss หรือจุดหยุดความขาดทุน โดยเมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดความผิดพลาด จนไปถึงจุด Stop Loss บัญชีเทรดก็จะถูกขายอัตโนมัติเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะบานปลายมากยิ่งขึ้น
3. เทคนิคการเทรดแบบรายวัน
เป็นเทคนิคที่นักลงทุนจะเปิดคำสั่งซื้อขายและจัดการทำธุรกรรมให้เสร็จสิ้นภายในวันเดียว จึงหมายความว่าลักษณะการเทรดจะอยู่ในรูปแบบระยะสั้น อาศัยการเข้าเทรดบ่อย ๆ ภายใน 1 วัน โดยการเทรดวิธีนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ชำนาญทางเทคนิค ไม่ว่าจะเป็นการอ่านกราฟ การใช้ตัวช่วยทางเทคนิค หรืออุปกรณ์ต่อเชื่อมอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์สำหรับการตัดสินใจในเวลาอันรวดเร็ว
นอกจากนี้ยังเหมาะกับนักลงทุนที่มีเวลาค่อนข้างเยอะ เพราะการคาดหวังผลลัพธ์ที่ดีจากเทคนิคนี้ นักลงทุนจะต้องทุ่มเทเวลาเพื่ออยู่ในตลาดและมองหาโอกาสในการเข้าทำกำไร จึงหมายความว่า นักลงทุนจะต้องเป็นผู้ที่ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และเป็นผู้ที่ยอมรับความเสี่ยงระดับสูงได้
4. การเทรดแบบ Position
เทคนิคที่เหมาะกับนักลงทุนที่มีความใจเย็นโดยเฉพาะ เนื่องจากเทคนิคนี้นักลงทุนจะนิยมเปิดสถานะ และถือครองกันเป็นเวลา 1 เดือน ไปจนถึงหลายเดือน หรือแม้กระทั่งหลายปี โดยการเทรดแบบ Position จะมุ่งเน้นไปที่การวิเคราะห์แนวโน้มตลาดเป็นหลัก และเข้าทำกำไรในช่วงเวลาที่มั่นใจว่ามีศักยภาพ และมั่นใจว่าเป็นช่วงเวลาที่สร้างผลกำไรให้ได้จริง โดยนักลงทุนที่นิยมเทคนิคนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนที่มองตลาดในหลากหลายมุม เพื่อพิจารณาหามุมที่สร้างผลกำไรได้มากที่สุด และรูปการกำหนด Stop Loss ของเทคนิคนี้ จะมีขนาดกว้างขึ้นเพื่อรองรับความผันผวนที่เกิดขึ้นตลอดเวลา
กลยุทธ์การเทรดค่าเงินจะประสบความสำเร็จได้นักลงทุนจะต้องมีความศรัทธาในเทคนิคที่เลือกใช้ก่อน จึงจะกลายเป็นกลยุทธ์และวินัยในการเทรด ดังนั้นการเลือกเทคนิคให้เหมาะสมและสอดคล้องกับตัวนักลงทุนเอง จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด นักลงทุนไม่ควรใช้เทคนิคที่คนอื่นว่าดี แต่ควรใช้เทคนิคที่ตัวเองทดลองแล้วเห็นว่าดีเท่านั้น จึงจะนำความสำเร็จและผลตอบแทนที่พึงพอใจมาให้จริง