简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

กำเนิดตลาดหุ้น ผู้สร้างและพลังที่เปลี่ยนโลกการเงิน

เผยแพร่เมื่อ: 2025-09-24    อัปเดตเมื่อ: 2025-09-25

ตลาดหุ้นในรูปแบบที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกที่กรุงอัมสเตอร์ดัมในปี ค.ศ. 1602 เมื่อบริษัทดัตช์อีสต์อินเดีย (Dutch East India Company) ได้ออกหุ้นและก่อตั้งตลาดหุ้นอัมสเตอร์ดัม


นวัตกรรมนี้ได้เปลี่ยนแปลงวิธีการระดมทุนของธุรกิจ และเปิดโอกาสให้นักลงทุนมีส่วนร่วมในการเติบโตทางเศรษฐกิจ วางรากฐานสำคัญของการเงินสมัยใหม่


ในเนื้อหาต่อไปนี้ เราจะอธิบายที่มาของตลาดหุ้น สำรวจการแพร่ขยายจากยุโรปสู่สหรัฐอเมริกา เน้นย้ำถึงบุคคลและสถาบันที่มีบทบาทในการก่อร่างสร้างระบบ และพิจารณาวิวัฒนาการของตลาดหุ้นที่ยังคงส่งอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน


จากแผงค้าสู่ศูนย์กลางทางการเงิน

พ่อค้าโบราณในบาบิโลน กรีซ และโรม

ใครคือผู้สร้างตลาดหุ้น เรื่องราวนี้เริ่มต้นขึ้นนานก่อนที่จะมีตลาดหลักทรัพย์ในรูปแบบสมัยใหม่ที่เรารู้จัก พ่อค้าในบาบิโลน กรีซ และโรม มีการค้าขายสินค้า เงินกู้ และสัญญาที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและผลตอบแทน


ในยุโรปยุคกลาง เมืองการค้าที่คึกคัก เช่น เวนิส เจนัว และแอนต์เวิร์ป กลายเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่พ่อค้าลองใช้ตราสารหนี้ (Promissory Notes) และเครื่องมือการลงทุนที่คล้ายหุ้นในระยะเริ่มแรก


แม้สิ่งเหล่านี้ยังไม่ใช่ “ตลาดหุ้น” อย่างแท้จริง แต่ก็ได้วางรากฐานสำหรับระบบการเงินที่มีการจัดระเบียบ


ก้าวสำคัญแห่งอัมสเตอร์ดัม: กำเนิดตลาดหุ้นที่แท้จริง

บริษัทดัตช์อีสต์อินเดีย (VOC)

เมื่อถามว่าใครคือผู้สร้างตลาดหุ้นในรูปแบบสมัยใหม่ นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ต่างชี้ไปที่กรุงอัมสเตอร์ดัมในปี ค.ศ. 1602 ในปีนั้น บริษัทดัตช์อีสต์อินเดีย (VOC) ได้ออกหุ้นต่อสาธารณชน ซึ่งเป็นวิธีปฏิวัติวงการในการระดมทุนเพื่อการค้าข้ามทะเล


นักลงทุนสามารถซื้อหุ้นในบริษัทและร่วมแบ่งปันผลกำไรได้ เพื่อตอบสนองต่อสิ่งนี้ ตลาดหุ้นอัมสเตอร์ดัมจึงถูกก่อตั้งขึ้น และได้รับการยกย่องว่าเป็นตลาดหลักทรัพย์ที่มีการจัดระบบแห่งแรกของโลก


ที่นี่ได้แนะนำแนวคิดใหม่ ๆ เช่น การโอนสิทธิการถือหุ้น และความรับผิดจำกัด ซึ่งเปลี่ยนแปลงวิธีการระดมทุนของธุรกิจและการเข้าร่วมของนักลงทุน โมเดลดัตช์นี้เองที่กลายเป็นมาตรฐานให้กับตลาดหุ้นทั่วโลกในเวลาต่อมา


โรงกาแฟลอนดอน: การเทรดที่เริ่มจากถ้วยกาแฟ

ตลาดหุ้นลอนดอน

เพื่อหาคำตอบที่ครบถ้วนว่าใครคือผู้สร้างตลาดหุ้น เราจำเป็นต้องหันมามองลอนดอนด้วย ในช่วงปลายทศวรรษ 1600 นายหน้าซื้อขายหุ้นต่างรวมตัวกันในโรงกาแฟ โดย Jonathan’s Coffee House คือสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดสำหรับการซื้อขายหุ้นและพันธบัตรรัฐบาล


เมื่อเวลาผ่านไป เครือข่ายการซื้อขายแบบไม่เป็นทางการนี้พัฒนาขึ้นจนกลายเป็นตลาดหุ้นลอนดอน เชื่อมโยงกับการขยายอำนาจของจักรวรรดิอังกฤษและการปฏิวัติอุตสาหกรรม มีบทบาทสำคัญในการจัดหาเงินทุนเพื่อการค้า การสำรวจ และโครงสร้างพื้นฐาน จนกลายเป็นรากฐานของระบบการเงินโลก


การเข้าสู่เวทีของอเมริกา: ข้อตกลง Buttonwood และ NYSE

ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE)

สำหรับผู้ที่ตั้งคำถามว่าใครคือผู้สร้างตลาดหุ้นในอเมริกา คำตอบอยู่ที่กลุ่มนายหน้าซื้อขายหุ้นในนิวยอร์กเมื่อปี ค.ศ. 1792 พวกเขาได้ลงนามใน “ข้อตกลงบัตตันวูด (Buttonwood Agreement)” ใต้ต้นไม้บนถนนวอลล์สตรีท โดยให้คำมั่นว่าจะซื้อขายหลักทรัพย์กันเองเท่านั้นและคิดค่าคอมมิชชั่นในอัตราที่กำหนดตายตัว


ข้อตกลงนี้นำไปสู่การก่อตั้ง New York Stock & Exchange Board ในปี ค.ศ. 1817 ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น New York Stock Exchange (NYSE)


แม้ว่าฟิลาเดลเฟียจะเป็นเจ้าภาพตลาดหลักทรัพย์แห่งแรกของอเมริกาในปี ค.ศ. 1790 แต่ท้ายที่สุดนิวยอร์กก็ได้เติบโตขึ้นจนกลายเป็นศูนย์กลางทางการเงินของสหรัฐฯ และในเวลาต่อมาได้กลายเป็นศูนย์กลางทางการเงินของโลก


การขยายขอบเขต: จากตลาดท้องถิ่นสู่การเงินโลก


คำถามว่าใครคือผู้สร้างตลาดหุ้น ไม่สามารถตอบได้เพียงเหตุการณ์เดียว แต่เป็นกระบวนการที่ค่อย ๆ แพร่ขยายข้ามประเทศ ปารีส แฟรงก์เฟิร์ต โตเกียว ฮ่องกง และอีกหลายเมืองทั่วโลก ต่างก็พัฒนาตลาดหลักทรัพย์ขึ้นพร้อมกับการปฏิวัติอุตสาหกรรมและการค้าโลกที่เติบโต


นวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น ดัชนีหุ้น (Dow Jones Industrial Average ในปี ค.ศ. 1896) ได้ช่วยให้นักลงทุนสามารถวัดผลการลงทุนได้อย่างเป็นระบบ ขณะที่เทคโนโลยีอย่างโทรเลข โทรศัพท์ และระบบอิเล็กทรอนิกส์ ได้เร่งความเร็วของการซื้อขาย


ปัจจุบัน แพลตฟอร์มดิจิทัลและการซื้อขายด้วยอัลกอริทึม ทำให้ตลาดการเงินทั่วโลกสามารถดำเนินการได้แบบเรียลไทม์ เชื่อมโยงนักลงทุนข้ามทวีป


สถาปนิกเบื้องหลังตลาดหุ้น


อีกหนึ่งวิธีที่จะตอบคำถามว่าใครคือผู้สร้างตลาดหุ้น คือการมองไปยังบุคคลและสถาบันที่มีบทบาทในการวางรากฐาน ได้แก่


  • บริษัทดัตช์อีสต์อินเดีย ผู้บุกเบิกการออกหุ้นต่อสาธารณชน

  • กลุ่มนายหน้าซื้อขายในโรงกาแฟของลอนดอน ผู้ปูทางสู่ตลาดหลักทรัพย์อย่างเป็นทางการ

  • กลุ่มผู้ทำข้อตกลงบัตตันวูดในนิวยอร์ก ผู้วางระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีการจัดการ

  • นักคิดอย่างชาร์ลส์ ดาว (Charles Dow) ผู้พัฒนาเครื่องมือวิเคราะห์และช่วยสร้างความโปร่งใสในตลาด


ทั้งหมดนี้ได้ร่วมกันก่อร่างสร้างระบบการเงินที่ยังคงส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกมาจนถึงปัจจุบัน


วิกฤต การกำกับดูแล และบทเรียนที่ได้รับ


ประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้นจะไม่สมบูรณ์ หากไม่กล่าวถึงวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ตั้งแต่ “ฟองสบู่ทิวลิป” ในฮอลแลนด์ยุค 1630s, ฟองสบู่ South Sea Bubble, การล่มสลายของวอลล์สตรีทปี 1929 ไปจนถึงวิกฤตการเงินปี 2008 ตลาดหุ้นต่างประสบกับทั้งจุดสูงสุดที่น่าตื่นตาและจุดต่ำสุดที่สร้างความเสียหายรุนแรง


ทุกครั้งที่เกิดวิกฤต ก็มาพร้อมบทเรียนสำคัญ รัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแลได้ออกกฎหมายเพื่อปกป้องนักลงทุนและรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ในสหรัฐฯ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1934 เพื่อตอบสนองต่อภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression) โดยตรง


สรุป


แล้วใครกันคือผู้สร้างตลาดหุ้น และทำไมจึงยังมีความสำคัญในปัจจุบัน คำตอบอยู่ที่นวัตกรรม การปรับตัว และการมีส่วนร่วมจากทั่วโลกที่ดำเนินมาตลอดหลายศตวรรษ


แม้จะไม่มีบุคคลใดที่ถูกยกย่องว่าเป็น “ผู้คิดค้นตลาดหุ้น” แต่ความร่วมมือจากพ่อค้าดัตช์ นายหน้าชาวอังกฤษ และนักการเงินอเมริกัน ได้ร่วมกันสร้างระบบที่กลายเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจสมัยใหม่


ทุกวันนี้ ตลาดหุ้นช่วยให้บริษัทสามารถระดมทุน นักลงทุนสร้างความมั่งคั่ง และรัฐบาลใช้เป็นเครื่องวัดสุขภาพทางเศรษฐกิจ แม้จะมีความเสี่ยง แต่บทบาทของตลาดหุ้นในการขับเคลื่อนนวัตกรรม สนับสนุนการเติบโต และกำหนดทิศทางระบบการเงินนั้นไม่อาจปฏิเสธได้


คำถามที่พบบ่อย: ใครคือผู้สร้างตลาดหุ้น?


คำถามที่ 1: ใครได้รับเครดิตว่าเป็นผู้สร้างตลาดหุ้นแห่งแรก?

  • บริษัทดัตช์อีสต์อินเดีย (VOC) และตลาดหุ้นอัมสเตอร์ดัมในปี ค.ศ. 1602 ได้รับการยกย่องว่าเป็นต้นกำเนิดของตลาดหุ้นสมัยใหม่


คำถามที่ 2: ข้อตกลง Buttonwood คืออะไร?

  • ในปี ค.ศ. 1792 นายหน้าจำนวน 24 คนได้ลงนามข้อตกลงภายใต้ต้นบัตตันวูดที่นิวยอร์ก

  • ซึ่งได้กำหนดกติกาการซื้อขายหลักทรัพย์ และต่อมาได้นำไปสู่การก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE)


คำถามที่ 3: มีบุคคลใดที่เป็นผู้คิดค้นตลาดหุ้นเพียงคนเดียวหรือไม่?

  • ไม่มีบุคคลใดได้รับเครดิตว่าเป็นผู้คิดค้นสิ่งนี้

  • ตลาดหุ้นค่อย ๆ พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับอิทธิพลจากพ่อค้า รัฐบาล นายหน้า และนักลงทุนตลอดหลายศตวรรษ


คำถามที่ 4: ตลาดหุ้นวิวัฒนาการจนมาเป็นรูปแบบสมัยใหม่ได้อย่างไร?

  • ผ่านนวัตกรรม เช่น ดัชนีหุ้น และการซื้อขายทางอิเล็กทรอนิกส์

  • จากการขยายตัวของตลาดท้องถิ่นไปสู่เครือข่ายระดับโลก

  • ด้วยการกำกับดูแลและกฎหมายที่เข้มแข็งขึ้นเพื่อปกป้องนักลงทุน

  • และด้วยการยอมรับเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยให้การซื้อขายโปร่งใสและรวดเร็วมากขึ้น


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
เส้นทางวิวัฒนาการของตลาดหลักทรัพย์
หุ้น meme เทรนด์การลงทุนจากโลกออนไลน์ที่ต้องรู้
สาเหตุ ผลกระทบ และกลยุทธ์การแก้ไขการขาดดุลการคลัง
10 หนังสือเทรด Forex ที่มือใหม่ไม่ควรพลาด ปี 2025
Call Option คืออะไร? เปิดโลกกลยุทธ์การเทรดอย่างมือโปร