Bullish Pattern คืออะไร? รวมประเภทและตัวอย่างที่น่าสนใจ

2025-08-05
สรุป

เรียนรู้ว่า Bullish Pattern คืออะไรในการเทรด ค้นพบความหมาย ประเภทสำคัญ และตัวอย่างกราฟจริง เพื่อพัฒนาการวิเคราะห์ทางเทคนิคของคุณ

ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค Bullish Pattern คือรูปแบบที่บ่งชี้ถึงแนวโน้มที่ราคามีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งถือเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเปิดสถานะในทิศทางขาขึ้น


รูปแบบเหล่านี้สามารถปรากฏได้ในหลากหลายช่วงเวลาและสินทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ฟอเร็กซ์ สินค้าโภคภัณฑ์ หรือสกุลเงินดิจิทัล โดยช่วยให้เทรดเดอร์สามารถระบุได้ว่าราคากำลังอยู่ในช่วงต่อเนื่องของแนวโน้มเดิม หรือกำลังจะเกิดการกลับตัว


บทความนี้จะอธิบายว่า Bullish Pattern คืออะไร ทำไมจึงสำคัญ ประเภทที่นิยมใช้มากที่สุด และแนวทางสำหรับผู้เริ่มต้นในการนำไปใช้ให้เกิดประสิทธิภาพ


Bullish Pattern คืออะไร?

Bullish Pattern

Bullish Pattern หรือรูปแบบขาขึ้น คือรูปแบบกราฟทางเทคนิคที่บ่งชี้ว่าฝ่ายซื้อ (Buyers) กำลังเริ่มควบคุมทิศทางราคามากขึ้น โดยรูปแบบเหล่านี้อาจสะท้อนถึงแนวโน้มที่กำลังดำเนินต่อจากขาขึ้นเดิม หรืออาจเป็นสัญญาณของการกลับตัวจากแนวโน้มขาลงเป็นขาขึ้น


Bullish Pattern มักปรากฏควบคู่กับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น และระดับ “จุดต่ำสุด” ที่ยกตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นสัญญาณของแรงซื้อที่เริ่มสะสมตัว


ประโยชน์ของการรู้จัก Bullish Pattern ได้แก่:

  • ช่วยให้เทรดเดอร์ระบุจุดเข้าเทรดที่มีความน่าจะเป็นสูง

  • กำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) และเป้าหมายทำกำไรได้อย่างมีเหตุผล

  • ลดการตัดสินใจตามอารมณ์ ด้วยสัญญาณที่อิงตามหลักวิเคราะห์

  • เมื่อนำไปใช้ร่วมกับปริมาณซื้อขาย (Volume) ที่พุ่งขึ้น หรือ RSI ที่มีความเข้มข้นจะยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือของสัญญาณเทรด


ประเภทของ Bullish Pattern ที่สำคัญ


1. Double Bottom (รูปตัว W)

รูปแบบกลับตัวที่เกิดเมื่อราคาตกลงแตะระดับต่ำสุดแล้วเด้งกลับ ก่อนจะตกลงมาอีกครั้งใกล้ระดับเดิม แล้วปรับตัวขึ้น โดยรูปทรงจะคล้ายตัว “W” หากราคาทะลุแนวต้าน (neckline) ระหว่างจุดต่ำทั้งสอง มักเป็นสัญญาณกลับตัวขาขึ้น


2. Inverse Head and Shoulders 

ประกอบด้วยจุดต่ำ 3 จุดโดยจุดกลาง ("หัว") ต่ำที่สุด หากราคาทะลุแนวคอ (neckline) ที่เชื่อมระหว่างไหล่ทั้งสอง มักเป็นสัญญาณกลับตัวขึ้นแรง


3. Falling Wedge

รูปแบบลิ่มที่มีแนวโน้มลดลง โดยมี High และ Low ต่ำลงเรื่อย ๆ เมื่อราคาแคบเข้าหาปลายลิ่ม และเกิดการทะลุขึ้นด้านบน มักบ่งชี้ถึงแรงซื้อที่กำลังจะกลับเข้ามาทั้งในแบบกลับตัวหรือเป็นการต่อเนื่องของแนวโน้มขาขึ้น


4. Bull Flag/Bull Pennant

หลังจากราคาขยับขึ้นแรง จะมีการพักตัวในรูปแบบธง (flag) หรือสามเหลี่ยมเล็ก (pennant) หากราคาทะลุจากช่วงพักตัวไปด้านบน มักจะเกิดแนวโน้มขาขึ้นต่อเหมาะสำหรับกลยุทธ์ตามแนวโน้ม


5. Cup and Handle

ราคาลดลงเป็นรูปถ้วยแล้วดีดกลับ และพักตัวเล็กน้อยในช่วงด้ามจับ ก่อนทะลุขึ้นมักบ่งบอกถึงการสะสมแรงซื้อและมีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นต่อ


6. Ascending Triangle

รูปแบบที่มีแนวต้านเป็นเส้นตรง และมีจุดต่ำสุดที่ยกตัวขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อราคาทะลุแนวต้านด้านบนได้ แสดงถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่งมากขึ้น


7. Morning Star/Piercing Line 

รูปแบบแท่งเทียนที่บ่งชี้การกลับตัวขึ้น ประกอบด้วยแท่งเทียนขาลงยาว ตามด้วยแท่งเทียนลังเล (โดจิหรือแท่งเล็ก) และแท่งเทียนขาขึ้นที่ปิดราคาสูงกว่ากึ่งกลางของแท่งเทียนขาลงแรก


8. Three White Soldiers

แท่งเทียนขาขึ้น 3 แท่งติดต่อกัน ที่มีไส้เทียนสั้นและราคาปิดสูงขึ้นเรื่อย ๆ มักเป็นสัญญาณของโมเมนตัมขาขึ้นที่แข็งแรง


วิธีการเทรดด้วย Bullish Pattern อย่างมีประสิทธิภาพ


1) ดูแนวโน้มและการยืนยัน (Trend&Confirmation)

ตรวจสอบให้แน่ใจว่ารูปแบบนั้นสอดคล้องกับแนวโน้มหลัก (ยกเว้นในกรณีกลับตัว) และรอการยืนยันจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณซื้อขาย หรือเครื่องมือวัดโมเมนตัม เช่น RSI, MACD


2) แนวทางการเข้าเทรด (Entry)

ควรเข้าตลาดเมื่อแท่งเทียนปิดเหนือแนวต้านของรูปแบบ เช่น เส้น neckline หรือแนวเส้นบนของลิ่ม โดยอาจใช้คำสั่ง Market Order หรือ Limit Order ตามสภาพความผันผวน


3) การวางตำแหน่ง Stop-Loss

สำหรับรูปแบบกลับตัว ให้ตั้ง Stop-loss ไว้ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของรูปแบบเล็กน้อย ส่วนสำหรับรูปแบบต่อเนื่อง ให้ตั้งไว้ต่ำกว่าฐานของธงหรือลิ่ม และควรจำกัดความเสี่ยงไม่เกิน 1–2% ของเงินลงทุนต่อเทรด


4) การเพิ่มสถานะและเลื่อนจุดหยุดขาดทุน (Scaling & Trailing Stops)

สามารถเพิ่มสถานะหากการทะลุยังคงดำเนินต่อ และควรใช้ Trailing Stop เลื่อนตามจุดต่ำใหม่ เพื่อรักษากำไรเมื่อแนวโน้มยังคงเดินหน้า


ตัวอย่างการใช้งานจริงของ Bullish Pattern

ตัวอย่างการใช้งานจริงของ Bullish Pattern

ตัวอย่างที่ 1: Double Bottom บนกราฟหุ้นรายวัน

หุ้น XYZ ร่วงลงมาที่ ₹200 สองครั้งในหนึ่งเดือน ก่อให้เกิดรูปแบบ Double Bottom ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นในช่วงขาลงครั้งที่สอง และราคาขยับขึ้นเหนือจุดสูงสุดที่ ₹215 (neckline)


เทรดเดอร์เข้าซื้อหลังจากปิดเหนือ ₹215 โดยมีจุดหยุดขาดทุนต่ำกว่า ₹200 เล็กน้อยและตั้งเป้าหมายกำไรเท่ากับความสูงของการก่อตัว (~₹30) เป้าหมายอยู่ที่ ~₹245


ตัวอย่างที่ 2: Bull Flag บนกราฟ XAU/USD รายชั่วโมง

ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่องหลายชั่วโมงจาก 1,800 ดอลลาร์ สู่ 1,840 ดอลลาร์ ก่อนจะทรงตัวในกรอบแคบๆ ระหว่าง 1,830-1,840 ดอลลาร์ หลังจากดีดตัวขึ้นเหนือ 1,840 ดอลลาร์ พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น คาดว่าจะมีการเคลื่อนไหวต่อไปที่ 1,860 ดอลลาร์


เทรดเดอร์เปิดสถานะเมื่อมีการเบรกเอาต์ กำหนดจุดหยุดจาดทุนที่ 1,828 ดอลลาร์ และตั้งเป้าหมายกำไรจากความสูงของเสาธง (ประมาณ 20 ดอลลาร์)


สรุป


โดยสรุปแล้ว Bullish Pattern ถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับเทรดเดอร์ในการคาดการณ์ทิศทางของราคา และช่วยให้วางแผนการเทรดอย่างมีวินัย


แม้จะไม่มีรูปแบบใดที่ให้ผลลัพธ์แม่นยำ 100% แต่หากผสานการวิเคราะห์รูปแบบร่วมกับปริมาณซื้อขาย อินดิเคเตอร์โมเมนตัม และการควบคุมความเสี่ยงอย่างเข้มงวด ก็จะช่วยเพิ่มคุณภาพของการเทรดได้อย่างมีนัยสำคัญ


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

อธิบาย ETF XLU ใน 4 ประเด็นง่ายๆ

อธิบาย ETF XLU ใน 4 ประเด็นง่ายๆ

แยกย่อยสิ่งสำคัญของ ETF XLU ตั้งแต่การมุ่งเน้นตามภาคส่วนไปจนถึงบทบาทในพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลาย

2025-08-11
รูปแบบแท่งเทียนต่อเนื่องเทียบกับตัวบ่งชี้

รูปแบบแท่งเทียนต่อเนื่องเทียบกับตัวบ่งชี้

เปรียบเทียบรูปแบบแท่งเทียนต่อเนื่องกับตัวบ่งชี้ทางเทคนิคเพื่อดูว่ารูปแบบใดเหมาะกับกลยุทธ์ของคุณที่สุด

2025-08-11
รู้จัก S&P 500 คืออะไร ดัชนีที่ครองใจนักลงทุนทั่วโลก

รู้จัก S&P 500 คืออะไร ดัชนีที่ครองใจนักลงทุนทั่วโลก

ดัชนี S&P 500 คือกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ 500 บริษัทชั้นนำสหรัฐฯ ที่สะท้อนเศรษฐกิจอเมริกา เจาะลึกโครงสร้างเกณฑ์คัดเลือก พร้อมแนะนำกองทุน ETF S&P 500

2025-08-08