ทำไมดอลลาร์แคนาดาถึงอ่อนค่า? เจาะลึกปัจจัยสำคัญที่คุณต้องรู้

2025-08-01
สรุป

เปิดเผยเหตุผลสำคัญที่ทำให้ดอลลาร์แคนาดาอ่อนค่า ตั้งแต่การพึ่งพาน้ำมัน ช่องว่างอัตราดอกเบี้ย ไปจนถึงแรงกดดันจากโครงสร้างเศรษฐกิจและตลาดโลก

ดอลลาร์แคนาดาเคยได้รับการสนับสนุนจากการส่งออกน้ำมันที่แข็งแกร่งและเศรษฐกิจที่มั่นคง แต่ในปัจจุบันกลับค่อย ๆ สูญเสียสถานะในตลาดเงินตราระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงกลางปี 2025 ดอลลาร์แคนาดาซื้อขายอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบหลายปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่งผลให้ครัวเรือน ธุรกิจ และนักลงทุนเกิดความกังวลอย่างมาก สาเหตุของการอ่อนค่าครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากปัจจัยน้ำมันหรืออัตราดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยระดับโลก ความเปราะบางภายในประเทศ รวมถึงความเชื่อมั่นของตลาดที่ลดลง ทำให้ดอลลาร์แคนาดาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวย การเข้าใจปัจจัยเหล่านี้จึงต้องพิจารณาตั้งแต่แนวทางนโยบายของธนาคารกลาง ความตึงเครียดทางการค้า ไปจนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างที่ลึกซึ้งในระบบเศรษฐกิจแคนาดา


ราคาน้ำมันและการพึ่งพาสินค้าโภคภัณฑ์ของแคนาดา

ทำไมค่าเงินดอลลาร์แคนาดาจึงอ่อนค่ามาก

หัวใจสำคัญของเศรษฐกิจแคนาดาคือการพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติอย่างมาก โดยเฉพาะน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ และโลหะต่าง ๆ แคนาดาเป็นหนึ่งในประเทศผู้ส่งออกน้ำมันชั้นนำของโลก และรายได้จากภาคพลังงานมีส่วนสำคัญต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และรายได้รัฐบาล ดังนั้น ดอลลาร์แคนาดาจึงมักมีพฤติกรรมเหมือน “สกุลเงินน้ำมัน” ที่เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมันโลก


ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ราคาน้ำมันมีความผันผวนจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น การล้นตลาดทั่วโลก ความต้องการที่ลดลงจากจีน และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ แม้ว่าราคาจะเริ่มมีเสถียรภาพขึ้นบ้าง แต่ก็ยังคงต่ำกว่าระดับสูงสุดในช่วงต้นทศวรรษ 2010 อย่างมาก เมื่อรายได้จากน้ำมันลดลงความต้องการดอลลาร์แคนาดาจากต่างชาติก็ลดตาม ส่งผลให้ค่าเงินอ่อนตัวลง


นอกจากนี้ หากความต้องการสินค้าพื้นฐานทั่วโลกอ่อนแอลง ไม่ว่าจะเป็นผลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น หรือการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ก็ยิ่งสร้างแรงกดดันให้ดอลลาร์แคนาดาอ่อนค่าลง ความสัมพันธ์นี้ทำให้ค่าเงินแคนาดามีความเปราะบางในระยะยาว โดยเฉพาะช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกไม่แน่นอน


ช่องว่างอัตราดอกเบี้ยและนโยบายธนาคารกลางที่แตกต่างกัน


ปัจจัยสำคัญอีกประการที่ส่งผลให้ดอลลาร์แคนาดาอ่อนค่า คือความแตกต่างของนโยบายอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารกลางแคนาดา (BoC) กับธนาคารกลางประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve)


ณ กลางปี 2025 ธนาคารกลางแคนาดาเริ่มส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ในการลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อตอบสนองต่อข้อมูลเศรษฐกิจภายในประเทศที่อ่อนแรงและความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงยืนหยัดใช้นโยบายที่เข้มงวด รักษาอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง เพื่อควบคุมเงินเฟ้ออย่างเต็มที่ ความแตกต่างของอัตราผลตอบแทนนี้ทำให้นักลงทุนมักเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ แทนที่จะลงทุนในสินทรัพย์ที่มีสกุลเงินดอลลาร์แคนาดา


ผลลัพธ์คือการไหลออกของเงินลงทุนจากแคนาดาอย่างต่อเนื่อง ยิ่งทำให้ดอลลาร์แคนาดาอ่อนค่าลง ในตลาดเงินตราต่างประเทศ ความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยถือเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนในระยะสั้นและกลาง


ผลการดำเนินเศรษฐกิจภายในประเทศที่อ่อนแอ

ผลการดำเนินเศรษฐกิจภายในประเทศที่อ่อนแอ

ตัวชี้วัดเศรษฐกิจในแคนาดาในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาแสดงภาพที่ไม่น่าพอใจ โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) หดตัวในเดือนพฤษภาคม 2025 ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจลดลง อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และยอดขายปลีกลดลง แนวโน้มเหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ หรือแม้แต่ภาวะถดถอยอย่างเต็มรูปแบบ


ความกังวลยิ่งทวีขึ้นจากตลาดที่อยู่อาศัยในแคนาดาที่แสดงสัญญาณความเย็นตัวหลังจากการเติบโตของราคาที่รวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ภาคอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นเสาหลักสำคัญของเศรษฐกิจแคนาดาและเป็นแรงขับเคลื่อนความมั่งคั่งของครัวเรือน การลดลงของราคาบ้านอาจส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค และทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงไปอีก


พื้นฐานเศรษฐกิจภายในประเทศที่อ่อนแอเช่นนี้ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อเศรษฐกิจแคนาดาลดลง และแปรเป็นความต้องการดอลลาร์แคนาดาที่ลดน้อยลง ในตลาดโลก ค่าเงินมักถูกมองว่าเป็นตัวแทนของความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของประเทศ เมื่อภาพรวมเศรษฐกิจมืดมนความน่าสนใจของดอลลาร์แคนาดาก็ลดลงตามไปด้วย


ความตึงเครียดทางการค้าและความเสี่ยงระดับโลก


ความสัมพันธ์ทางการค้าที่ใกล้ชิดระหว่างแคนาดากับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นคู่ค้าส่งออกที่ใหญ่ที่สุด ทำให้แคนาดามีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าอย่างมาก การพัฒนาล่าสุดได้สร้างความไม่แน่นอนต่อความสัมพันธ์ที่เคยมั่นคงนี้ ภาษีศุลกากรต่อสินค้าส่งออกของแคนาดา โดยเฉพาะในกลุ่มเหล็กและนม รวมถึงถ้อยแถลงเกี่ยวกับนโยบาย “America First” ส่งผลให้ความสัมพันธ์ข้ามพรมแดนตึงเครียดขึ้น


นอกเหนือจากอเมริกาเหนือ ความตึงเครียดทางการค้าในระดับโลกก็ส่งผลกระทบตามมา ตั้งแต่ผลกระทบที่ยังคงหลงเหลือจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ไปจนถึงความขัดแย้งในยุโรปตะวันออกและตะวันออกกลาง ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์เหล่านี้มักทำให้นักลงทุนเกิดความหวาดกลัว ในช่วงเวลาที่ตลาดเข้าสู่โหมด “หลีกเลี่ยงความเสี่ยง” นักลงทุนจะหันไปถือครองสกุลเงินที่ปลอดภัย เช่น ดอลลาร์สหรัฐ เยนญี่ปุ่น หรือฟรังก์สวิส ซึ่งมักส่งผลกระทบในทางลบต่อสกุลเงินอย่างดอลลาร์แคนาดา


แม้ว่าแคนาดาจะเป็นสมาชิกกลุ่ม G7 แต่ค่าเงินของแคนาดายังคงถูกมองว่ามีความผันผวนสูงและสภาพคล่องต่ำกว่าในช่วงวิกฤตการณ์ ดังนั้น แม้แคนาดาจะไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ แต่ค่าเงินก็สามารถได้รับผลกระทบจากความวิตกกังวลทั่วไปของตลาดได้เช่นกัน


ความท้าทายเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจแคนาดา


นอกเหนือจากปัจจัยในเชิงวัฏจักรที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ ดอลลาร์แคนาดายังเผชิญกับความอ่อนแอเชิงโครงสร้างในระยะยาวหลายประการ ซึ่งทำให้มีแนวโน้มอ่อนค่าได้ง่ายขึ้น


ประเด็นสำคัญประการแรกคือ การขาดความหลากหลายทางเศรษฐกิจ แม้ว่าแคนาดาจะมีสถาบันที่เข้มแข็งและแรงงานที่มีการศึกษาดี แต่เศรษฐกิจยังคงพึ่งพาอุตสาหกรรมหลักเพียงไม่กี่ประเภท โดยเฉพาะภาคทรัพยากรธรรมชาติและอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ภาคนวัตกรรมเทคโนโลยี และการผลิตขั้นสูงยังตามหลังประเทศพัฒนาแล้วอื่น ๆ อย่างสหรัฐฯ เยอรมนี หรือแม้แต่บางภาคส่วนของออสเตรเลีย


ประเด็นที่สองคือ ปัญหา “ดุลคู่” (Twin Deficits) ได้แก่ดุลการคลังขาดดุลและดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลอย่างต่อเนื่อง การใช้จ่ายและการกู้ยืมของรัฐบาลที่ยืดเยื้อ อาจบั่นทอนความเชื่อมั่นในเสถียรภาพทางการคลังระยะยาวของประเทศ ขณะเดียวกัน การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดสะท้อนให้เห็นว่าแคนาดานำเข้าสินค้ามากกว่าส่งออก ซึ่งก่อให้เกิดแรงกดดันต่อค่าเงินแคนาดาอย่างต่อเนื่อง


สุดท้าย ดอลลาร์แคนาดาไม่ใช่สกุลเงินสำรองของโลก แตกต่างจากดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหมายความว่าธนาคารกลางและสถาบันการเงินระหว่างประเทศไม่ได้ถือครองดอลลาร์แคนาดาในปริมาณมากในฐานะเงินสำรอง ส่งผลให้ความต้องการเชิงโครงสร้างในระยะยาวต่อค่าเงิน “ลูนี” (Loonie) ค่อนข้างจำกัด


ความเชื่อมั่นของนักลงทุน การไหลออกของเงินทุน และแรงกดดันจากตลาด

การเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน CAD เป็น USD ตั้งแต่ปี 1988 จนถึงปัจจุบัน

จิตวิทยาของนักลงทุนและพลวัตของการเคลื่อนย้ายเงินทุนมีบทบาทอย่างมากต่อความอ่อนค่าของดอลลาร์แคนาดา เมื่ออัตราผลตอบแทนในสหรัฐฯ มีความน่าสนใจมากกว่า นักลงทุนสถาบันจำนวนไม่น้อยจึงย้ายเงินทุนไปยังตลาดสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน นักลงทุนชาวแคนาดาเองก็เริ่มจัดสรรพอร์ตการลงทุนของตนไปยังสินทรัพย์ต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะหุ้นและพันธบัตรของสหรัฐฯ ซึ่งยิ่งสร้างแรงกดดันให้กับค่าเงินแคนาดาเพิ่มเติม


กิจกรรมเก็งกำไรในตลาดเงินตราต่างประเทศก็มีส่วนเร่งให้ค่าเงินแคนาดาอ่อนลงอย่างชัดเจน เทรดเดอร์มักเข้าทำสถานะ “ชอร์ต” ดอลลาร์แคนาดาในช่วงที่ราคาน้ำมันมีความผันผวน หรือเมื่อเศรษฐกิจแคนาดาแสดงสัญญาณอ่อนแอ นอกจากนี้ ระบบอัลกอริทึมและกลยุทธ์การเทรดอัตโนมัติมักขยายแนวโน้มให้รุนแรงขึ้นเมื่อทิศทางเริ่มชัดเจน ส่งผลให้ค่าเงินผันผวนอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาอันสั้น


ท้ายที่สุดแล้ว “การรับรู้” ของตลาดมักกลายเป็น “ความจริง” เมื่อดอลลาร์แคนาดาเริ่มอ่อนค่าลงก็จะยิ่งถูกจับตามองมากขึ้น เกิดกระแสความเชื่อมั่นเชิงลบ และนำไปสู่แรงขายที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนเกิดเป็นวงจรสะท้อนกลับ (feedback loop) ที่ยากจะหยุดได้ เว้นเสียแต่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจหรือการดำเนินนโยบายการเงินอย่างมีนัยสำคัญ


สรุป


การอ่อนค่าของดอลลาร์แคนาดาในปี 2025 ไม่ได้เกิดจากปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลจากการผสมผสานของปัจจัยระดับโลก ระดับประเทศ และปัจจัยเชิงโครงสร้าง ตั้งแต่ราคาน้ำมันที่ลดลง ความแตกต่างของนโยบายดอกเบี้ย ข้อมูลเศรษฐกิจภายในที่อ่อนแอ ไปจนถึงความเปราะบางเชิงระบบที่สะสมมาอย่างยาวนาน ดอลลาร์แคนาดาจึงเผชิญกับแรงกดดันจากหลากหลายทิศทาง


แม้ว่าดอลลาร์แคนาดาอาจฟื้นตัวได้ในอนาคต โดยเฉพาะหากราคาน้ำมันกลับมาแข็งแกร่ง หรือธนาคารกลางแคนาดาปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน แต่ก็เป็นที่ชัดเจนว่าทางข้างหน้ายังเต็มไปด้วยความท้าทาย สำหรับชาวแคนาดา ค่าเงินที่อ่อนค่ามีทั้งข้อดีและข้อเสีย ช่วยให้การส่งออกมีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น แต่ก็ทำให้ต้นทุนนำเข้า การท่องเที่ยว และการลงทุนในต่างประเทศสูงขึ้นตามไปด้วย


อนาคตของดอลลาร์แคนาดาจะกลับมาแข็งแกร่งหรือยังคงอ่อนค่าต่อไปนั้น ขึ้นอยู่กับความสามารถของประเทศในการปรับตัว กระจายโครงสร้างเศรษฐกิจ และรับมือกับสภาพแวดล้อมโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและไม่แน่นอน


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

กลยุทธ์การเทรด Forex ที่ได้ผลจริง ตัดเสียงรบกวนทิ้ง!

กลยุทธ์การเทรด Forex ที่ได้ผลจริง ตัดเสียงรบกวนทิ้ง!

ตัดเสียงรบกวนด้วยกลยุทธ์การเทรด Forex ที่พิสูจน์แล้ว ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค อินดิเคเตอร์ที่สำคัญ รวมถึงการวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญของ EBC คลาสเรียนออนไลน์ และสัญญาณเตือนเทรดที่แม่นยำ

2025-08-07
รู้จัก แนวรับ แนวต้าน คืออะไร พร้อมกลยุทธ์เทรด Forex ที่ได้ผลจริง

รู้จัก แนวรับ แนวต้าน คืออะไร พร้อมกลยุทธ์เทรด Forex ที่ได้ผลจริง

เปิดข้อมูลแนวรับ แนวต้าน คืออะไร เจาะลึกหัวใจของการวิเคราะห์กราฟ พร้อมกลยุทธ์ใช้เทรดจริงที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำและลดความเสี่ย ด้วยเทคนิคพื้นฐานที่ต้องรู้ก่อนเริ่มเทรดทุกตลาด

2025-08-07
ราคาน้ำมันดิบวันนี้พุ่ง รับแรงหนุนจากความต้องการโลก

ราคาน้ำมันดิบวันนี้พุ่ง รับแรงหนุนจากความต้องการโลก

ติดตามราคาน้ำมันดิบเบรนท์และ WTI แบบเรียลไทม์ พร้อมปัจจัยขับเคลื่อนตลาด การคาดการณ์จากผู้เชี่ยวชาญ และความเคลื่อนไหววันนี้มีความหมายอย่างไรต่อผู้บริโภคและเศรษฐกิจโลก

2025-08-07