เทรดหุ้นกับเล่นหุ้นต่างกันไหม เทียบความต่างทั้งในแง่ระยะเวลาการถือหุ้น วิธีวิเคราะห์ ระดับความเสี่ยง พร้อมแนวทางเลือกสไตล์การลงทุนที่เหมาะกับคุณที่สุด
ในโลกของการซื้อขายหุ้น มีวิธีการสร้างผลกำไรที่หลากหลาย แต่โดยทั่วไปแล้วจะแบ่งออกเป็น 2 วิธีหลัก คือ การเทรดหุ้น (Trading) และ การลงทุนหุ้น (Investing) ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่า เทรดหุ้น กับ เล่นหุ้น ต่างกันไหม แต่ในปัจจุบันทั้ง 2 วิธีนั้นแทบจะไม่มีความแตกต่างกันแล้วหากมองในแง่ผลลัพธ์ท้ายที่สุดคือการทำกำไร แต่อาจต่างกันในแง่วิธีการลงทุน
แรกเริ่มเดิมทีการลงทุนและการเทรดเป็นวิธีการที่แตกต่างกันแต่มีเป้าหมายเดียวกัน แต่จะแตกต่างกันไปตามระยะเวลาและ Mindset ในการทำกำไร โดยระยะเวลาก็หมายถึงระยะในการถือออเดอร์เพื่อกำหนดเป้าหมายผลตอบแทนนั่นเอง
ส่วน Mindset จะเป็นตัวกำหนดลักษณะหรือพฤติกรรมการเทรดของท่าน ต้องลองพิจารณาดูว่าท่านตั้งเป้าที่จะทำกำไรอย่างรวดเร็วหรือต้องการถือออเดอร์ไว้นานขึ้นเพื่อผลตอบแทนในระยะยาว บทความนี้ เราจะเน้นความแตกต่างที่สำคัญและหลักเกณฑ์ที่ทำให้การลงทุนแตกต่างจากการเทรดหุ้น และการเลือกแนวทางไหนที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด
เทรดหุ้น (Trading) คืออะไร?
การ เทรดหุ้น หมายถึง การซื้อขายหุ้นในระยะสั้นโดยมีเป้าหมายในการทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคาของหุ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ โดยเทรดเดอร์มักจะใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ เช่น การวิเคราะห์ทางเทคนิค การติดตามข่าวสารการเงิน หรือการวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อตลาดหุ้น เพื่อตัดสินใจในการซื้อและขายหุ้น
เทรดเดอร์จะมีการซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำและขายในราคาที่สูง โดยทำการซื้อขายหุ้นหลายครั้งในระยะเวลาสั้น บางคนอาจจะเทรดหุ้นในหนึ่งวัน (Day trading) หรืออาจจะเป็นการเทรดในช่วงระยะเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ที่ใช้
การ เทรดหุ้น เป็นการลงทุนที่เน้นไปที่การเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในระยะสั้น เทรดเดอร์จะมุ่งหวังผลกำไรจากการซื้อขายหลายรอบ ซึ่งจำเป็นต้องมีความรู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับการวิเคราะห์กราฟหุ้น และข่าวสารที่ส่งผลกระทบต่อตลาด
เล่นหุ้น (Investing) คืออะไร?
การเล่นหุ้น หรือที่ในภาษาอังกฤษเรียกว่า "Investing" คือ การลงทุนในหุ้นโดยมุ่งหวังผลกำไรในระยะยาว นักลงทุนนั้นมักจะเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดีและมีโอกาสเติบโตในอนาคต เช่น หุ้นของบริษัทที่มีรายได้และกำไรมั่นคง หรือหุ้นที่มีแนวโน้มในการเติบโตในอนาคต เช่น บริษัทที่มีนวัตกรรมใหม่ หรือการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ
ผู้ที่เล่นหุ้นมักจะเลือกซื้อหุ้นเพื่อถือระยะยาวและไม่เน้นการซื้อขายหุ้นบ่อย ๆ การลงทุนในลักษณะนี้จะใช้แนวทางการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental analysis) เช่น การวิเคราะห์งบการเงินของบริษัท การศึกษาผลประกอบการในอดีตและคาดการณ์การเติบโตในอนาคต รวมไปถึงการดูปัจจัยภายนอกที่อาจมีผลต่อราคาหุ้นในระยะยาว
โดยทั่วไปแล้วนักลงทุนที่ "เล่นหุ้น" จะไม่สนใจการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นในระยะสั้นนัก แต่จะมุ่งเน้นไปที่การถือหุ้นยาว ๆ จนกว่าจะถึงเวลาที่เห็นว่าหุ้นนั้นทำกำไรได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ความแตกต่างระหว่าง "เทรดหุ้น" กับ "เล่นหุ้น"
แม้การเทรดหุ้นและการลงทุนหุ้นจะเป็นการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เหมือนกัน แต่ทั้งสองวิธีมีแนวทางที่ต่างกันอย่างชัดเจน โดยสามารถแบ่งความแตกต่างได้ดังนี้
1. ระยะเวลาการถือหุ้น
การเทรดหุ้น (Trading) → ระยะสั้น (วินาที, นาที, ชั่วโมง, วัน)
-นักเทรดมักซื้อขายหุ้นในระยะเวลาสั้น ๆ เพื่อทำกำไรจากความผันผวนของราคา
-บางรูปแบบเช่น Day Trading (เทรดรายวัน) จะปิดออเดอร์ภายในวันเดียว
-Swing Trading (เทรดตามคลื่น) อาจถือหุ้นเป็นวันหรือสัปดาห์
การลงทุนหุ้น (Investing) → ระยะยาว (เดือน, ปี, หรือหลายปี)
-นักลงทุนมักซื้อหุ้นแล้วถือไว้ยาว โดยไม่สนใจความผันผวนระยะสั้น
-มุ่งหวังผลตอบแทนจาก การเติบโตของธุรกิจและเงินปันผล
2. Mindset และเป้าหมาย
การเทรดหุ้น → ทำกำไรจากความผันผวนของราคา
-ไม่สนใจว่าธุรกิจจะดีหรือไม่ เน้นจับจังหวะราคาขึ้น-ลง
-ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) เช่น กราฟ, Indicator
-ต้องมีวินัยสูง เพราะเสี่ยงต่อการขาดทุนจากความผันผวน
การลงทุนหุ้น → ทำกำไรจากการเติบโตของธุรกิจ
-สนใจ พื้นฐานบริษัท (Fundamental Analysis) เช่น ผลประกอบการ, อัตราการเติบโต
-มองหุ้นเป็น "การเป็นหุ้นส่วนธุรกิจ" มากกว่าการเก็งกำไร
-เน้นความมั่นคงในระยะยาว
3. วิธีการวิเคราะห์
การเทรดหุ้น | การลงทุนหุ้น |
ใช้ Technical Analysis (TA) วิเคราะห์กราฟ | ใช้ Fundamental Analysis (FA) ดูงบการเงิน |
สนใจแนวรับ-แนวต้าน, Volume, MACD, RSI | สนใจ P/E, ROE, Debt-to-Equity, การเติบโต |
โฟกัสที่ "ราคา" และ "จิตวิทยาตลาด" | โฟกัสที่ "มูลค่าธุรกิจ" |
4. ความเสี่ยงและผลตอบแทน
การเทรดหุ้น → เสี่ยงสูง แต่ได้กำไรเร็ว
-ต้องตัดขาดทุนเป็นประจำ (Stop Loss)
-อาจขาดทุนได้หากตลาดผันผวนรุนแรง
การลงทุนหุ้น → เสี่ยงน้อยกว่า แต่ต้องอดทน
-ถือหุ้นนานจนกว่าธุรกิจจะเติบโต
-ได้กำไรจาก ปันผล + ราคาหุ้นปรับขึ้น
หากกล่าวโดยสรุปความต่างของการเทรดหุ้นและเล่นหุ้นในแง่เป้าหมายในการลงทุนคือ
-เทรดหุ้น มุ่งหวังการทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นในระยะสั้น
-เล่นหุ้น มุ่งหวังผลกำไรจากการเติบโตของบริษัทและราคาหุ้นในระยะยาว
ความเสี่ยงและความผันผวน
-เทรดหุ้น มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในระยะสั้นอาจมีความผันผวนมาก
-เล่นหุ้น มีความเสี่ยงน้อยกว่าในแง่ของการต้องติดตามราคาหุ้นทุกวัน แต่ยังคงมีความเสี่ยงจากภาวะตลาดที่ไม่คาดคิดในระยะยาว
ทั้ง การเทรดหุ้น และ การเล่นหุ้น ต่างก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับลักษณะการลงทุนและเป้าหมายทางการเงินของแต่ละบุคคล
เหมาะกับการเทรดหุ้น: ถ้าคุณชอบการลงทุนที่รวดเร็วและสามารถจัดการกับความเสี่ยงในระยะสั้นได้ดี รวมถึงมีเวลาว่างในการติดตามข้อมูลการเคลื่อนไหวของตลาดทุกวัน
เหมาะกับการเล่นหุ้น: หากคุณมีมุมมองระยะยาวและไม่อยากยุ่งยากกับการซื้อขายหุ้นบ่อย ๆ แต่ต้องการสร้างผลตอบแทนจากการเติบโตของบริษัทในระยะยาว
สรุป: เลือกเทรดหุ้นหรือลงทุนหุ้นดีกว่า?
คุณเหมาะกับการเทรดหุ้น ถ้า...
-ชอบความท้าทายและติดตามตลาดทุกวัน
-มีเวลาศึกษาการวิเคราะห์ทางเทคนิค
-รับความเสี่ยงสูงเพื่อโอกาสทำกำไรเร็ว
คุณเหมาะกับการลงทุนหุ้น ถ้า...
-ไม่มีเวลาเฝ้าหน้าจอเทรดตลอดวัน
-ต้องการความมั่นคงและผลตอบแทนระยะยาว
-สนใจวิเคราะห์ธุรกิจมากกว่าราคาหุ้น
สรุปสุดท้าย: เทรดหุ้น กับ เล่นหุ้น ต่างกันไหม?
การเทรดหุ้นและการลงทุนหุ้นมีความแตกต่างกันทั้งในด้าน ระยะเวลา, วิธีการวิเคราะห์, และ Mindset โดย
เทรดหุ้น → เน้นซื้อขายเร็ว ทำกำไรจากความผันผวน
ลงทุนหุ้น → ถือยาว ทำกำไรจากธุรกิจและปันผล
หากคุณชอบความท้าทายและมีเวลา "เทรดหุ้น" อาจเหมาะกับคุณ แต่ถ้าอยากลงทุนแบบไม่ต้องกังวลตลอดเวลา "ลงทุนหุ้นระยะยาว" ก็เป็นทางเลือกที่ดีกว่า
เทรดหุ้น กับ เล่นหุ้น ต่างกันไหม คำตอบคือต่างกัน อย่างชัดเจนในแง่ mild set การทำกำไร โดยการเทรดหุ้น เน้นไปที่การซื้อขายหุ้นในระยะสั้นเพื่อเก็งกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้น ขณะที่การ เล่นหุ้น เน้นไปที่การลงทุนระยะยาวเพื่อหวังผลตอบแทนจากการเติบโตของบริษัทและราคาหุ้นในอนาคต
ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีไหน ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีเป้าหมายและลักษณะการลงทุนอย่างไร หากคุณชอบความท้าทายและพร้อมรับความเสี่ยง การเทรดหุ้นอาจจะเหมาะกับคุณ แต่หากคุณมองหาการลงทุนที่มั่นคงและมีระยะเวลาในการถือหุ้นนาน การเล่นหุ้นอาจจะตอบโจทย์มากกว่า
คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
รู้กฎ Pattern Day Trader (PDT) ก่อนเทรดหุ้นสหรัฐ! วิธีหลีกเลี่ยงการถูกระงับบัญชีเมื่อเทรดเกิน 4 ครั้ง/5 วัน พร้อมกลยุทธ์เทรดอย่างมีประสิทธิภาพ
2025-04-01RSI คือเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ช่วยวัดโมเมนตัมและระบุภาวะ Overbought หรือ Oversold ซึ่งเครื่องมือนี้สามารถใช้ได้ตั้งแต่พื้นฐานจนถึงเทคนิคการเทรดขั้นสูง
2025-04-01Liquidity หรือสภาพคล่องในตลาด Forex มีผลกระทบโดยตรงต่อการเปิดปิดคำสั่งซื้อขาย และผลกำไรขาดทุน ดังนั้นเทรดเดอร์ควรเข้าใจถึงความสำคัญ พร้อมเทคนิคเลือกคู่เงิน
2025-04-01