เจาะลึกหุ้น AI อเมริกา 2025 ตัวไหนน่าลงทุน

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ไม่ใช่เพียงกระแสชั่วคราว แต่ได้กลายเป็นหัวใจสำคัญของชีวิตประจำวันและภาคธุรกิจทั่วโลก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมและเทคโนโลยีระดับโลก ทำให้หุ้น AI อเมริกากลายเป็นธีมการลงทุนที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก บทความนี้จะพาคุณสำรวจโอกาสการลงทุนในหุ้น AI อเมริกา พร้อมเจาะลึกแนวโน้มและบริษัทที่น่าจับตามอง

ในยุคที่เทคโนโลยีพัฒนาอย่างรวดเร็ว AI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในแทบทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการเงิน การขนส่ง สุขภาพ หรือการศึกษา ความก้าวหน้าของ AI ไม่เพียงแค่เป็นนวัตกรรมใหม่ แต่ยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโตในหลายธุรกิจ โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งมีบริษัทชั้นนำมากมายที่ลงทุนใน AI อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันขององค์กร ส่งผลให้หุ้น AI อเมริกาเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสสร้างผลตอบแทนในยุคดิจิทัล

ทำไมหุ้น AI อเมริกาถึงน่าสนใจ?

AI เป็นเทคโนโลยีที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น การผลิต การแพทย์ การเงิน และการขนส่ง ทำให้บริษัทที่มีการใช้เทคโนโลยี AI เป็นเครื่องมือในการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการ ได้รับการยอมรับจากนักลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดหุ้นอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดที่มีบริษัทใหญ่ๆ ที่นำ AI มาใช้ในการพัฒนาโซลูชันต่างๆ ที่มีผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรม

การคาดการณ์จากนักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ระบุว่า ภายในปี 2568 มูลค่าของการลงทุนใน AI และเทคโนโลยีจะเพิ่มขึ้นถึง 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหาหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี AI ในอเมริกา ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งในตลาดที่ได้รับประโยชน์จากเทรนด์นี้มากที่สุด โดยบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำหลายแห่งได้เริ่มนำ AI มาใช้ในผลิตภัณฑ์และบริการของตน ทำให้ หุ้น AI ของอเมริกากลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสเติบโตในระยะยาว

หุ้น AI อเมริกาที่น่าสนใจในปี 2025

Nvidia: โอกาสเติบโต 69%

หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ของ Nvidia เป็นหัวใจสำคัญของระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ล้ำหน้าที่สุดในปัจจุบัน บริษัทวิจัย Forrester Research เคยระบุว่า "Nvidia เป็นผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐาน AI ระดับโลก และหากไม่มี GPU ของ Nvidia เทคโนโลยี AI สมัยใหม่ก็อาจเกิดขึ้นไม่ได้" นอกจาก GPU แล้ว Nvidia ยังพัฒนาอุปกรณ์อื่นๆ เช่น CPU และโครงข่ายประมวลผล ซึ่งทำให้บริษัทสามารถสร้างศูนย์ข้อมูล AI ได้ครบวงจร

อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้น Nvidia ปัจจุบันลดลง 21% จากจุดสูงสุด เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยง 2 ประการ:

การแข่งขันจาก DeepSeek – DeepSeek รายงานว่าสามารถฝึกโมเดล AI ที่ซับซ้อนได้โดยใช้ GPU น้อยกว่าบริษัทในสหรัฐฯ เช่น OpenAI ทำให้ราคาหุ้น Nvidia ร่วงลง แต่ Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia ยืนยันว่าตลาดประเมินสถานการณ์ผิดพลาด เพราะประสิทธิภาพต้นทุนที่ดีขึ้นจะช่วยให้ AI Hardware เป็นที่ต้องการมากขึ้น

-ข้อจำกัดด้านการส่งออกของสหรัฐฯ – รัฐบาลสหรัฐฯ ได้กำหนดมาตรการควบคุมการส่งออก ทำให้ Nvidia ไม่สามารถขายชิปรุ่นทรงพลังให้กับจีนและรัสเซีย รวมถึงจำกัดการเข้าถึงตลาดอื่นๆ ส่งผลให้รายได้จากจีนลดลงจาก 21% ในปี 2023 เหลือ 13% ในปี 2025 และอาจลดลงอีกหากมีข้อจำกัดเพิ่มเติม

-แม้มีความเสี่ยง แต่ Nvidia ยังมีโอกาสเติบโตอย่างแข็งแกร่ง บริษัทเพิ่งเปิดตัว Blackwell GPU ซึ่งเป็นชิปประมวลผล AI รุ่นใหม่ที่ Jensen Huang เชื่อว่าจะเป็น "ผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด" ของบริษัท นอกจากนี้ Nvidia ยังขยายไปสู่ตลาดอื่น เช่น รถยนต์ไร้คนขับและหุ่นยนต์อัตโนมัติ ด้วยผลิตภัณฑ์คอมพิวติ้งครบวงจรที่ครอบคลุมทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์

Grand View Research คาดการณ์ว่าการใช้จ่ายด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการ AI จะเติบโตที่อัตรา 36% ต่อปีจนถึงปี 2030 ขณะที่ Wall Street คาดการณ์ว่ากำไรของ Nvidia จะเติบโต 39% ต่อปีจนถึงปี 2027 ทำให้แม้ราคาหุ้นปัจจุบันจะอยู่ที่ 39 เท่าของกำไร แต่ยังถือว่าเป็นการประเมินมูลค่าที่น่าสนใจ

แม้การเติบโต 69% ภายในปีหน้าอาจยังไม่แน่นอน เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการค้า แต่สำหรับนักลงทุนระยะยาว Nvidia ยังคงเป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่ง

Microsoft: โอกาสเติบโต 42%

Microsoft เป็นบริษัทซอฟต์แวร์องค์กรที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นผู้ให้บริการคลาวด์อันดับสองรองจาก AWS ซึ่งทำให้บริษัทอยู่ศูนย์กลางของ 2 อุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยการคาดการณ์ระบุว่า ตลาดซอฟต์แวร์องค์กรจะเติบโต 12% ต่อปี และ ตลาดคลาวด์คอมพิวติ้งจะเติบโต 21% ต่อปีจนถึงปี 2030 ทำให้ Microsoft มีศักยภาพในการขยายรายได้อย่างต่อเนื่อง

Microsoft กำลังเร่งผนวก AI เข้ากับผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาด อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังไม่ค่อยประทับใจกับกลยุทธ์นี้นัก ทำให้ราคาหุ้นลดลง 17% จากจุดสูงสุดในเดือนกรกฎาคม โดยเฉพาะหลังจากที่ DeepSeek แสดงให้เห็นว่าการลงทุนมหาศาลของ Microsoft ใน AI (รวมถึง OpenAI) อาจมากเกินไป

อนาคตของโมเดล AI ขนาดใหญ่ (LLMs) อาจกลายเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ (Commoditized) ซึ่งทำให้การลงทุนในโมเดลปิด (Closed-source) ของ OpenAI ดูไม่คุ้มค่า หากโมเดลเหล่านี้ไม่ได้ให้ข้อได้เปรียบที่ชัดเจน แต่ในอีกมุมหนึ่ง ประสิทธิภาพต้นทุนของ DeepSeek อาจเป็นผลดีต่อ Microsoft เพราะต้นทุนที่ถูกลงจะช่วยกระตุ้นความต้องการบริการคลาวด์ AI ซึ่งเป็นจุดแข็งของ Microsoft Azure

แม้ว่าผลประกอบการไตรมาส 2 ปีงบประมาณ 2025 ของ Microsoft จะต่ำกว่าที่ตลาดคาดหวัง แต่ Satya Nadella ซีอีโอของบริษัทเปิดเผยว่าธุรกิจ AI ของ Microsoft ทำรายได้ต่อปีถึง 13,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 175% เมื่อเทียบกับปีก่อน

Wall Street คาดว่ากำไรของ Microsoft จะเติบโต 13% ต่อปีจนถึงปี 2026 ซึ่งทำให้ระดับราคาหุ้นปัจจุบันที่ 31 เท่าของกำไร อยู่ในช่วงกลางระหว่างมูลค่าที่สมเหตุสมผลและค่อนข้างแพง อย่างไรก็ตาม Microsoft สามารถเอาชนะการคาดการณ์กำไรเฉลี่ย 5% ใน 6 ไตรมาสล่าสุด หากแนวโน้มนี้ยังคงอยู่ การประเมินมูลค่าปัจจุบันก็อาจดูเหมาะสม

แม้ว่าการเติบโต 42% ภายในปีหน้าอาจไม่แน่นอน แต่สำหรับนักลงทุนที่มองระยะยาว Microsoft ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าพิจารณา

นอกจากนี้ยังมีหุ้นสายเทคโนโลยีจากหลายบริษัทที่เป็นผู้นำในการใช้ AI ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ ที่มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย อาทิ

-Alphabet (GOOGL) - บริษัทแม่ของ Google ซึ่งใช้ AI ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น ระบบค้นหาข้อมูล และเทคโนโลยีการโฆษณาออนไลน์

-Tesla (TSLA) - บริษัทผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยี AI ในการพัฒนายานยนต์ไร้คนขับ

-IBM (IBM) - บริษัทคอมพิวเตอร์ที่มีการพัฒนา AI ในหลากหลายด้าน เช่น การประมวลผลทางธุรกิจ และการวิเคราะห์ข้อมูล

นอกจากนี้ยังมีบริษัทอื่นๆ ที่ทำงานในด้าน AI เช่น Intuitive Surgical (ISRG) ซึ่งพัฒนาหุ่นยนต์ผ่าตัด, Palantir (PLTR) ที่เน้นการวิเคราะห์ข้อมูล, และ UiPath (PATH) ที่พัฒนาโซลูชันซอฟต์แวร์ RPA ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นหุ้น AI อเมริกา ที่นักลงทุนสามารถพิจารณาได้

ผลกระทบของ AI ต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ข้อมูลจาก PWC (PricewaterhouseCoopers) คาดการณ์ว่า AI จะสามารถช่วยเพิ่ม GDP ทั่วโลกได้ถึง 15.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2573 ซึ่งหมายความว่า AI จะไม่เพียงแต่เปลี่ยนแปลงธุรกิจในระดับรายบุคคลหรือองค์กร แต่ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจในภาพรวม การลงทุนในหุ้น AI อเมริกา จึงเป็นการลงทุนที่มีศักยภาพสูงในระยะยาว เนื่องจากการเติบโตของ AI จะเป็นตัวขับเคลื่อนการขยายตัวของตลาดโลกในอนาคต 

ความเสี่ยงในหุ้น AI อเมริกา

ถึงแม้ว่าการลงทุนในหุ้น AI อเมริกาจะมีโอกาสในการเติบโตสูง แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่นักลงทุนต้องพิจารณา เช่น การเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาล ความผันผวนของตลาดหุ้น ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ รวมถึงการที่เทคโนโลยี AI อาจมีข้อจำกัดบางประการในการนำไปใช้งานจริง นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ AI

สรุปล้ว การลงทุนใน หุ้น AI อเมริกา ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเติบโตไปพร้อมกับตลาดเทคโนโลยีซึ่งมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงหลายอุตสาหกรรมอย่างมีนัยสำคัญ การติดตามหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ AI ในตลาดสหรัฐอเมริกา เช่น Microsoft, Alphabet, NVIDIA, Tesla และบริษัทอื่น ๆ ที่มีการพัฒนาและนำเทคโนโลยี AI มาใช้ จะช่วยให้นักลงทุนเข้าใจแนวโน้มและโอกาสในอนาคตได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น

หุ้น AI ของอเมริกาถือเป็นหนึ่งในธีมการลงทุนที่ได้รับความสนใจอย่างมากในยุคนี้ เนื่องจากเทคโนโลยี AI ไม่เพียงแต่เป็นเทรนด์ที่มาแรง แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่กำลังปฏิวัติวงการต่าง ๆ ทั่วโลก สหรัฐอเมริกาในฐานะศูนย์กลางของนวัตกรรมและเทคโนโลยี จึงเป็นตลาดหลักที่นักลงทุนควรจับตา โดยเฉพาะบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำที่ลงทุนใน AI อย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม การลงทุนในหุ้น AI ก็มีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน นักลงทุนจึงควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด และวิเคราะห์แนวโน้มตลาดอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ