เทรดหุ้นเสียภาษีหรือไม่? ทำความเข้าใจภาษีการขายหุ้นทั้งในไทยและต่างประเทศ รวมถึงอัตราภาษี วิธีการคำนวณ และผลกระทบต่อนักลงทุน
เทรดหุ้น เสียภาษีไหม คำถามยอดฮิตที่นักลงทุนมือใหม่และมือเก๋าต่างสงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่การลงทุนในตลาดหุ้นทั้งไทยและต่างประเทศได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย การทำความเข้าใจเรื่องภาษีจากการเทรดหุ้นจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้คุณสามารถวางแผนการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดภาระภาษีในอนาคต
สำหรับนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย ณ ปี 2568 การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยยังคงได้รับการยกเว้นภาษีขายหุ้น อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต นักลงทุนจึงควรติดตามข่าวสารและอัปเดตข้อมูลด้านภาษีหุ้นอย่างใกล้ชิด
ในทางกลับกัน นักลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศมีข้อกำหนดทางภาษีที่แตกต่างออกไป โดยรายได้จากการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นกำไรจากการขายหุ้น (Capital Gain) หรือเงินปันผล จะต้องถูกนำมาคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามข้อกำหนดของกรมสรรพากร ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป
ดังนั้นบทความนี้จะพาคุณไปหาคำตอบว่า เทรดหุ้น เสียภาษีไหม พร้อมทั้งทำความเข้าใจโครงสร้างภาษีจากการเทรดหุ้นทั้งรูปแบบ ลงทุนหุ้นไทยและ เทรดหุ้นต่างชาติ
การเทรดหุ้นไทย
ภาษีขายหุ้นคืออะไร ? ภาษีขายหุ้น หรือ Financial Transaction Tax เป็นภาษีที่เกิดขึ้นจากการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เดิมทีภาษีนี้เคยถูกจัดเก็บมาก่อน แต่ได้รับการยกเว้นมาตั้งแต่ปี 2535 อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการพิจารณานำกลับมาใช้อีกครั้งเพื่อเพิ่มรายได้ของรัฐและลดความเหลื่อมล้ำในระบบภาษี
ที่มาของภาษีขายหุ้น
การเทรดหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เป็นช่องทางลงทุนที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย แต่หลายคนอาจสงสัยว่า เทรดหุ้น เสียภาษีไหม? และที่มาของ ภาษีขายหุ้น คืออะไร? ภาษีขายหุ้นมีที่มาจากความพยายามของรัฐบาลในการสร้างความเป็นธรรมทางการเงิน โดยการเก็บภาษีจากผู้ที่มีรายได้จากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งถือเป็นกลุ่มคนที่มีฐานะทางการเงินดีกว่าคนทั่วไป
ประวัติการจัดเก็บภาษีขายหุ้นในประเทศไทย
ปี 2525: รัฐบาลยกเว้นภาษีการค้า (Sales Tax) สำหรับการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อส่งเสริมการลงทุน
ปี 2535: เปลี่ยนระบบภาษีจากเซลส์แท็กซ์ (Sales Tax) เป็น ภาษีธุรกิจเฉพาะ (Special Business Tax) ในอัตรา 0.1% พร้อมภาษีท้องถิ่นเพิ่มอีก 10% ของภาษีธุรกิจเฉพาะ ทำให้อัตราภาษีรวมอยู่ที่ 0.11% อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้ยกเว้นการจัดเก็บภาษีนี้สำหรับการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อสนับสนุนการเติบโตของตลาด
ปี 2565: กระทรวงการคลังเริ่มพิจารณานำแนวคิดภาษีขายหุ้น กลับมาพิาจารณาอีกครั้ง เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์ไทยเติบโตขึ้นอย่างมาก แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีการบังคับใช้อย่างเป็นทางการ
ส่งผลให้ในปัจจุบัน การเทรดหุ้นยังไม่ต้องเสียภาษีขายหุ้น เนื่องจากรัฐบาลยังคงยกเว้นการจัดเก็บภาษีนี้อยู่ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด เพราะรัฐบาลอาจมีการปรับเปลี่ยนนโยบายในอนาคต
ถ้ามีการเก็บภาษีขายหุ้น จะคำนวณอย่างไร?
หากมีการบังคับใช้ภาษีขายหุ้น อัตราการจัดเก็บคาดว่าจะอยู่ที่ 0.11% ของมูลค่าการขายหุ้น โดยแบ่งเป็นภาษีธุรกิจเฉพาะ 0.1% และภาษีท้องถิ่น 10% ของภาษีธุรกิจเฉพาะ
ตัวอย่างการคำนวณ:
-หากขายหุ้นมูลค่า 100,000 บาท จะต้องเสียภาษีขายหุ้น 100,000 x 0.11% = 110 บาท
-ในปีแรกที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ อาจมีส่วนลดภาษี 50% ทำให้เสียภาษีเพียง 0.055% หรือ 55 บาท (ล้านละ 500 บาท)
-ปีต่อไป เสียภาษีเต็มอัตรา 0.11% หรือ 1,100 บาท (ล้านละ 1,100 บาท)
นอกจากนี้ นักลงทุนยังต้องเสียค่าธรรมเนียมอื่นๆ เช่น ค่าธรรมเนียมตลาดหลักทรัพย์ 0.005% และค่าธรรมเนียมการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ 0.001% รวมถึงภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% ของค่าธรรมเนียมทั้งหมด ทำให้ต้นทุนรวมต่อธุรกรรมอาจสูงถึง 0.22%
ใครบ้างที่ต้องเสียภาษีขายหุ้น?
หากมีการบังคับใช้ภาษีขายหุ้น ผู้ที่ต้องเสียภาษีคือ ทุกคนที่ขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ แต่มีบางกลุ่มที่ได้รับการยกเว้น ได้แก่
-ผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker)
-สำนักงานประกันสังคม
-กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund)
-กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)
-กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund)
-กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)
-กลุ่มเหล่านี้ได้รับการยกเว้นเนื่องจากมีบทบาทสำคัญในการสร้างสภาพคล่องและสวัสดิการให้กับระบบเศรษฐกิจ
การเทรดหุ้นต่างประเทศ
ตั้งแต่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป กรมสรรพากรได้ออกประกาศใหม่เกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีเงินได้จากรายได้ที่เกิดจากการลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะการ เทรดหุ้นต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงรายได้จากส่วนต่างราคาหุ้น (Capital Gain) เงินปันผล และดอกเบี้ยจากตราสารหนี้ต่างประเทศ โดยไม่ว่าคุณจะโอนเงินกลับประเทศไทยในปีใดก็ตาม เงินได้เหล่านี้จะต้องถูกนำมาคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามอัตราก้าวหน้า สูงสุดไม่เกิน 35%
เทรดหุ้นต่างประเทศต้องเสียภาษีไหม?
คำตอบคือ ต้องเสียภาษี หากคุณมีรายได้จากการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกำไรจากการขายหุ้น (Capital Gain) หรือเงินปันผล โดยกรมสรรพากรกำหนดให้รายได้ดังกล่าวต้องถูกนำมาคำนวณภาษีตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป
เงินได้อะไรบ้างที่ต้องนำมาเสียภาษี?
-กำไรจากการขายหุ้นต่างประเทศ (Capital Gain)
หากคุณขายหุ้นต่างประเทศได้กำไร กำไรส่วนนี้จะต้องถูกนำมารวมเป็นเงินได้เพื่อคำนวณภาษี ตัวอย่างเช่น ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ไม่เรียกเก็บภาษี Capital Gain แต่หากนักลงทุนโอนเงินกลับไทย ต้องนำไปรวมเป็นเงินได้และเสียภาษีในอัตราก้าวหน้า (สูงสุด 35%)
-เงินปันผลจากหุ้นต่างประเทศ (Dividend)
หากได้รับเงินปันผลจากหุ้นต่างประเทศ ต้องเสียภาษีทันทีที่ได้รับ ตามกฎหมายของประเทศที่ลงทุน และเมื่อนำเงินกลับไทย ต้องรวมเป็นเงินได้เพื่อเสียภาษีอีกครั้ง
-ดอกเบี้ยจากตราสารหนี้ต่างประเทศ
หากคุณลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศและได้รับดอกเบี้ย รายได้ส่วนนี้ก็ต้องเสียภาษีด้วย
เทรดหุ้นต่างประเทศต้องเสียภาษีหรือไม่? เช็กให้ชัด!
กรณีลงทุนหุ้นต่างประเทศ | ต้องเสียภาษีหรือไม่? |
ซื้อหุ้นต่างประเทศโดยตรง | ต้องเสียภาษี |
ซื้อกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศโดยตรง | ต้องเสียภาษี |
ซื้อกองทุนรวมที่จดทะเบียนในไทย (โดย บลจ. ไทย) | ไม่ต้องเสียภาษี |
ซื้อ DR หรือ DRx (Depositary Receipt) | ไม่ต้องเสียภาษี |
การคำนวณภาษีสำหรับการเทรดหุ้นต่างประเทศ:
กำไรจากการขายหุ้น: คำนวณโดยการหากำไรจากราคาขายลบราคาซื้อ และหักค่านายหน้าและค่าธรรมเนียม กำไรที่ได้จะต้องรวมกับรายได้อื่น ๆ เพื่อคำนวณภาษีตามอัตราก้าวหน้า
เงินปันผล: เงินปันผลที่ได้รับต้องนำมารวมคำนวณภาษี เช่นกัน
ข้อมูลที่ต้องจัดเก็บ:
-วันที่ซื้อและขายหุ้น
-ราคาซื้อและราคาขาย
-ค่านายหน้าและค่าธรรมเนียม
-อัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้แปลงค่าเงิน
-รายละเอียดเงินปันผล (ถ้ามี)
วิธีลดหย่อนภาษี
สามารถใช้เครดิตภาษีจากภาษีที่จ่ายในต่างประเทศมาหักลดกับภาษีที่ต้องจ่ายในไทยได้ โดยต้องตรวจสอบอนุสัญญาภาษีซ้อนระหว่างประเทศไทยกับประเทศที่ลงทุน การเทรดหุ้นต่างประเทศมีผลต่อการคำนวณภาษีทั้งจากกำไรขายหุ้นและเงินปันผล โดยต้องเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อยื่นภาษี และมีวิธีลดหย่อนภาษีผ่านเครดิตภาษีจากต่างประเทศได้
สรุปแล้ว การเทรดหุ้นเสียภาษีไหม?
การเทรดหุ้นในประเทศไทยและต่างประเทศมีกฎเกณฑ์ทางภาษีที่แตกต่างกัน ดังนี้
การเทรดหุ้นไทย: ปัจจุบันยังไม่มีการบังคับใช้ภาษีขายหุ้นอย่างเป็นทางการ ดังนั้นการเทรดหุ้นไทยในตอนนี้ยังไม่ต้องเสียภาษีนี้ อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มว่าในอนาคตอาจมีการบังคับใช้อัตราภาษีขายหุ้นที่ 0.11% ของมูลค่าการขาย โดยโบรกเกอร์จะเป็นผู้หักและจ่ายภาษีให้แทนนักลงทุน
การเทรดหุ้นต่างประเทศ: ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นมา กรมสรรพากรกำหนดให้รายได้จากการลงทุนในต่างประเทศ ทั้งกำไรจากการขายหุ้น (Capital Gain) และเงินปันผล ต้องถูกนำมาคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามอัตราก้าวหน้า สูงสุดไม่เกิน 35%
ดังนั้น หากเป็นการเทรดหุ้นไทย ปัจจุบันยังไม่ต้องเสียภาษี แต่ควรติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษีในอนาคต ส่วนการเทรดหุ้นต่างประเทศต้องเสียภาษีตามอัตราก้าวหน้า นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลและวางแผนการลงทุนให้สอดคล้องกับนโยบายภาษีที่อาจเปลี่ยนแปลงได้
คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
ค้นพบว่าเหตุใดเงินเยนจึงอ่อนค่าลง และปัจจัยสำคัญเบื้องหลังการอ่อนค่าลง เรียนรู้ว่าอัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย และนโยบายเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อสกุลเงินอย่างไร
2025-03-25เรียนรู้วิธีการซื้อขายทองคำล่วงหน้าด้วยคู่มือที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นนี้ ค้นพบพลวัตของตลาด ปัจจัยด้านราคา ประเภทของสัญญา กลยุทธ์ และการจัดการความเสี่ยง
2025-03-25เรียนรู้วิธีตั้งค่าคำสั่ง trailing stop สำหรับหุ้นและการซื้อขายฟอเร็กซ์ ค้นหาวิธีปรับ stop-loss แบบไดนามิกเพื่อล็อกกำไรและลดการสูญเสีย
2025-03-25