ราคาน้ำมันดิบทรงตัวในวันพฤหัสบดี เนื่องจากความต้องการน้ำมันของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นและปริมาณสำรองที่ลดลง ช่วยชดเชยความกังวลเกี่ยวกับความต้องการที่อ่อนแอ โดยเฉพาะในจีน
ราคาน้ำมันแทบไม่เปลี่ยนแปลงในวันพฤหัสบดี เนื่องจากมีสัญญาณว่าความต้องการน้ำมันเพิ่มขึ้นและปริมาณสำรองน้ำมันในสหรัฐฯ ลดลง ซึ่งช่วยชดเชยความกังวลเกี่ยวกับความต้องการในพื้นที่อื่นๆ โดยเฉพาะในจีน
EIA รายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบลดลง 4.5 ล้านบาร์เรลสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2.5 ปีในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 20 กันยายน เมื่อเทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันร่วงลงกว่า 2% ในรอบการซื้อขายล่าสุด เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการหยุดชะงักของอุปทานในลิเบียคลี่คลายลง การประกาศกระตุ้นเศรษฐกิจจากผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลกนั้นไม่น่าเชื่อถือสำหรับนักลงทุน
ผู้แทนจากลิเบียฝั่งตะวันออกและตะวันตกที่แบ่งแยกกันตกลงกันเกี่ยวกับขั้นตอนการแต่งตั้งผู้ว่าการธนาคารกลาง ซึ่งถือเป็นขั้นตอนที่จะช่วยคลี่คลายวิกฤตการณ์ด้านการควบคุมรายได้จากน้ำมันของประเทศได้
ในรายงาน โอเปกยังคงคาดการณ์ว่าความต้องการพลังงานทั่วโลกจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งถึงร้อยละ 24 ระหว่างนี้จนถึงปี 2593 และความต้องการจะสูงถึง 112.3 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2572 แต่บรรดานักวิเคราะห์บางส่วนยังคงแสดงความสงสัยต่อมุมมองเชิงบวกดังกล่าว
คาดว่ากลุ่ม OPEC+ จะกลับมาผลิตบางส่วนอีกครั้งในเดือนธันวาคม เนื่องจากสมาชิกหลายรายกำลังผลิตเกินโควตาและมีอุปทานเพิ่มเติมเข้าสู่ตลาดจากผู้ผลิตที่ไม่ใช่กลุ่ม OPEC+ เช่น สหรัฐอเมริกา บราซิล และแคนาดา
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ดีดตัวกลับจากแนวรับที่ราว 72.5 ดอลลาร์ โดยมีแนวโน้มว่าจะยังติดอยู่ในช่วงแคบๆ ซึ่งบ่งชี้ว่าราคาจะทดสอบระดับ 74 ดอลลาร์อีกครั้ง แม้ว่าภาพรวมจะดูมืดมนเนื่องจากราคาอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 ดอลลาร์มากก็ตาม
คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ