ค้นพบว่า CFD คืออะไร พร้อมตัวอย่างและวิธีคำนวณแบบง่าย ๆ เพื่อดูว่าเทรดเดอร์ทำกำไรหรือขาดทุนอย่างไร เรียนรู้ความเสี่ยง ผลตอบแทน และเคล็ดลับสำคัญสำหรับการเทรด
สัญญาซื้อขายส่วนต่าง (Contracts for Difference) หรือที่เรียกว่า CFD คือเครื่องมือการเทรดยอดนิยมที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ได้โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์นั้นจริง ๆ แทนที่จะซื้อสินทรัพย์โดยตรง คุณเพียงตกลงแลกเปลี่ยนส่วนต่างของราคาตั้งแต่เปิดจนถึงปิดการเทรด
พูดง่ายๆ ก็คือ คุณจะได้กำไรหากตลาดเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่คุณต้องการ และคุณจะขาดทุนหากตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับคุณ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณซื้อ CFD ทองคำที่ราคา 1,900 ดอลลาร์ และขายที่ราคา 1,920 ดอลลาร์ คุณจะได้กำไรจากส่วนต่างนี้ (โดยไม่รวมค่าธรรมเนียมและต้นทุนอื่นๆ)
ในบทความนี้ เราจะอธิบายวิธีการทำงานของ CFD พร้อมตัวอย่างโดยละเอียด แนะนำการคำนวณ และอธิบายทั้งข้อดีและความเสี่ยง เพื่อให้คุณสามารถเทรดอย่างมั่นใจ
เมื่อคุณเทรด CFD คุณจะต้องทำข้อตกลงกับโบรกเกอร์ โดยคุณต้องเลือก:
สินทรัพย์ที่คุณต้องการเทรด เช่น ทองคำ ดัชนี หุ้น หรือ ETF
ทิศทาง (ซื้อหากคาดว่าราคาจะขึ้น ขายหากคาดว่าราคาจะลง)
ขนาดการเทรด (วัดเป็นหน่วย หุ้น หรือล็อต)
เลเวอเรจ(จำนวนเงินที่ยืมเพื่อควบคุมตำแหน่งใหญ่กว่าเงินลงทุนจริง)
เมื่อคุณปิดการเทรด โบรกเกอร์จะคำนวณส่วนต่างของราคาตั้งแต่เปิดจนถึงปิดและบวกหรือลบเงินเข้าบัญชีคุณตามนั้น
เลเวอเรจช่วยให้คุณสามารถควบคุมตำแหน่งใหญ่กว่าทุนที่ฝากไว้ได้
ตัวอย่างเช่น:
หากคุณมีเงิน 1,000 ดอลลาร์และมีเลเวอเรจ 1:20 คุณสามารถควบคุมสินทรัพย์ที่มูลค่า 20,000 ดอลลาร์ได้
เลเวอเรจเพิ่มโอกาสทำกำไร แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนเช่นกัน
ตัวอย่างจริง ๆ :
ทุน: 1,000 ดอลลาร์
เลเวอเรจ: 1:20
ขนาดตำแหน่ง: 20,000 ดอลลาร์
การเคลื่อนไหวราคาที่เป็นบวก 1% = กำไร 200 ดอลลาร์ (20% ของเงินทุน)
การเคลื่อนไหวที่ไม่พึงประสงค์ 1% = ขาดทุน 200 ดอลลาร์ (20% ของเงินทุน)
สูตรการคำนวณคือ:
กำไร/ขาดทุน = (ราคาปิด − ราคาเปิด) × ขนาดตำแหน่ง
(สำหรับการขายชอร์ต ให้สลับการลบ: ราคาเปิด − ราคาปิด)
อย่าลืมคำนวณค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น:
สเปรด: ส่วนต่างระหว่างราคาซื้อและขาย
ค่าคอมมิชชั่น: โบรกเกอร์บางรายคิดค่าธรรมเนียมต่อการเทรด
ค่าธรรมเนียมข้ามคืน: ต้นทุนในการถือตำแหน่งที่มีเลเวอเรจข้ามคืน
สมมติว่าคุณเชื่อว่าราคาทองคำจะเพิ่มขึ้น
การตั้งค่าการเทรด :
สินทรัพย์: ทองคำ
ราคาเข้า: 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ขนาดตำแหน่ง: 10 ออนซ์
เลเวอเรจ: 1:10
มูลค่าตำแหน่งรวม: 19,000 ดอลลาร์
มาร์จิ้นที่ต้องการ: 1,900 ดอลลาร์
การเคลื่อนไหวของราคา:
ทองคำพุ่งถึง 1,920 ดอลลาร์ต่อออนซ์
การคำนวณกำไร :
ส่วนต่างราคา = 1,920 ดอลลาร์ − 1,900 ดอลลาร์ = 20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กำไร = 20 ดอลลาร์ × 10 ออนซ์ = 200 ดอลลาร์
หากราคาตกลงมาที่ 1,880 ดอลลาร์ การขาดทุนจะเท่ากับ:
ขาดทุน = (1,880 ดอลลาร์ − 1,900 ดอลลาร์) × 10 = −200 ดอลลาร์
สมมติว่าคุณคาดว่าราคาหุ้นของ Tesla จะลดลง
การตั้งค่าการเทรด :
สินทรัพย์: หุ้น Tesla
ราคาเข้า: 250 ดอลลาร์ต่อหุ้น
ขนาดตำแหน่ง: 100 หุ้น
เลเวอเรจ: 1:5
มูลค่าตำแหน่งรวม: 25,000 ดอลลาร์
มาร์จิ้นที่ต้องการ: 5,000 ดอลลาร์
การเคลื่อนไหวของราคา :
ราคาหุ้น Tesla ร่วงลงมาอยู่ที่ 240 ดอลลาร์ต่อหุ้น
การคำนวณกำไร :
ส่วนต่างราคา = 250 ดอลลาร์ − 240 ดอลลาร์ = 10 ดอลลาร์ต่อหุ้น
กำไร = 10 ดอลลาร์ × 100 หุ้น = 1,000 ดอลลาร์
หาก Tesla เพิ่มขึ้นถึง 260 ดอลลาร์ การขาดทุนจะเท่ากับ:
ขาดทุน = (250 ดอลลาร์ − 260 ดอลลาร์) × 100 = −1,000 ดอลลาร์
แม้ว่าคุณจะคาดการณ์ตลาดได้ถูกต้อง แต่ต้นทุนการเทรดก็สามารถกินกำไรของคุณได้
สเปรด: ความแตกต่างระหว่างราคาเสนอซื้อและราคาเสนอขาย
คอมมิชชั่น: คิดต่อการเทรด (พบได้บ่อยใน CFD หุ้น)
ค่าธรรมเนียมข้ามคืน: ชำระเมื่อคุณเปิดสถานะเลเวอเรจไว้ข้ามคืน
ค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงิน: หากคุณทำการเทรดด้วยสกุลเงินที่แตกต่างจากสกุลเงินหลักของบัญชี
ตัวอย่าง:
หากกำไร CFD ของคุณคือ 500 ดอลลาร์ แต่คุณจ่ายค่าธรรมเนียมสเปรด 20 ดอลลาร์และค่าธรรมเนียมข้ามคืน 10 ดอลลาร์ กำไรสุทธิของคุณคือ 470 ดอลลาร์
CFD ยังคงได้รับความนิยมเนื่องจาก:
เทรดได้ทั้ง Long และ Short
เข้าถึงหลายตลาดจากแพลตฟอร์มเดียว
ใช้เลเวอเรจสูง โดยไม่ต้องใช้ทุนมาก
ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์จริง
ใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ของตำแหน่งที่ถืออยู่
ตัวอย่างเช่น หากคุณถือทองคำจริงแต่คาดว่าราคาจะลดลงในระยะสั้น คุณสามารถขาย CFD ของทองคำเพื่อลดความเสี่ยงจากการขาดทุน
Q1. วิธีคำนวณกำไรหรือขาดทุนใน CFD คืออะไร?
สูตรคือ: กำไร/ขาดทุน = (ราคาปิด - ราคาเปิด) × ขนาดสถานะ (สำหรับการเทรดแบบ long) สำหรับการเทรดแบบ short ให้สลับการลบ ควรคำนวณค่าสเปรด ค่าคอมมิชชัน และค่าธรรมเนียมข้ามคืนเสมอเพื่อให้ได้กำไรสุทธิ
Q2. เทรดเดอร์ CFD ขาดทุนมากกว่าที่ลงทุนหรือไม่?
เป็นไปได้หากไม่มีการจัดการความเสี่ยงที่ดี เนื่องจาก CFD เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้เลเวอเรจ การขาดทุนอาจเกินเงินฝากเริ่มต้นได้ หากตลาดเคลื่อนไหวอย่างมากตรงข้ามกับตำแหน่งของคุณและไม่มีจุดตัดขาดทุน
Q3. จะลดความเสี่ยงในการเทรด CFD ได้อย่างไร?
คุณสามารถลดความเสี่ยงในการเทรด CFD ได้โดยการใช้จุดตัดขาดทุน การเทรดด้วยเลเวอเรจที่ต่ำ การกระจายความเสี่ยง และการฝึกฝนในบัญชีทดลองก่อน
สรุปแล้ว CFD คือเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับเทรดเดอร์ที่เข้าใจวิธีการทำงาน การใช้เลเวอเรจอย่างรอบคอบ การบริหารความเสี่ยง และการประเมินกำไรขาดทุนก่อนดำเนินการเทรด จะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จของคุณได้
จำไว้เสมอว่า แม้ว่าเลเวอเรจจะช่วยเพิ่มผลกำไรได้ แต่ก็อาจทำให้ขาดทุนเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน เทรดอย่างมีความรับผิดชอบ และเริ่มต้นจากน้อยๆ จนกว่าจะมีประสบการณ์
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
เรียนรู้วิธีดาวน์โหลด ติดตั้ง และเริ่มการซื้อขายบน MetaTrader 5 (MT5) ด้วยคู่มือทีละขั้นตอนที่เป็นมิตรต่อผู้เริ่มต้นนี้
2025-08-15ค้นพบกลยุทธ์การซื้อขายอันเป็นตำนานของทาคาชิ โคเทกาวะ ที่เปลี่ยนการลงทุนเล็กๆ ให้กลายเป็นเงินล้าน รับข้อมูลเชิงลึกเพื่อนำแนวทางของเขาไปปรับใช้เพื่อความสำเร็จในยุคปัจจุบัน
2025-08-15เรียนรู้วิธีใช้ Analyst Views ของ Trading Central บนเว็บและ MT4/MT5 เพื่อเข้าถึงกลยุทธ์แบบเรียลไทม์ สัญญาณ และข้อมูลเชิงลึกของตลาด
2025-08-15