การเทรดมีกี่ประเภท? เปิดโลกหุ้น Forex และตลาดที่คุณไม่ควรพลาด

2025-08-11
สรุป

ทำความเข้าใจว่าการเทรดมีกี่ประเภท รวมทั้งหุ้น Forex และอื่น ๆ เพื่อเลือกแนวทางลงทุนที่ตอบโจทย์สไตล์ของคุณ

ถ้าคุณเป็นมือใหม่ในโลกของตลาดการเงิน อาจสงสัยว่า การเทรดมีกี่ประเภทกันแน่?


คำตอบสั้น ๆ คือ มีหลายประเภท โดยแต่ละประเภทมีข้อกำหนด ความเสี่ยง และผลตอบแทนที่แตกต่างกัน ประเภทที่พบได้บ่อย ได้แก่ การเทรดหุ้น การเทรด Forex การเทรดสินค้าโภคภัณฑ์ การเทรดออปชัน การเทรดฟิวเจอร์ส และการเทรดคริปโต นอกจากนี้ ยังมีกลยุทธ์หลากหลาย เช่น การเทรดรายวัน (Day Trading) การเทรดแบบสวิง (Swing Trading) และการเทรดระยะยาว (Position Trading)


ดังนั้น ในบทความนี้ เราจะอธิบายประเภทหลักของการเทรด วิธีการทำงาน รวมถึงเคล็ดลับที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้ว่าการเทรดแบบใดเหมาะสมกับคุณที่สุด


การเทรดมีกี่ประเภทในตลาดการเงิน?

การเทรดหุ้น

1. การเทรดหุ้น (Stock Trading)

การเทรดหุ้นคือการซื้อขายหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยผู้เทรดมีเป้าหมายเพื่อทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคา ไม่ว่าจะเป็นระยะสั้นหรือระยะยาว


เหตุผลที่การเทรดหุ้นได้รับความนิยม

  • โอกาสหลากหลายจากหลายอุตสาหกรรม

  • สามารถเข้าถึงข้อมูลตลาดและงานวิจัยที่น่าเชื่อถือ

  • มีโอกาสรับทั้งเงินปันผลและกำไรจากส่วนต่างราค


รูปแบบการเทรดหุ้น

  • Day Trading: ซื้อขายหุ้นภายในวันเดียวกัน เพื่อเก็งกำไรจากราคาภายในวัน

  • Swing Trading: ถือหุ้นหลายวันถึงหลายสัปดาห์ เพื่อเก็บเกี่ยวแนวโน้มระยะสั้นถึงกลาง

  • Position Trading: การถือหุ้นระยะยาวเป็นเดือนหรือปี


2. การเทรด Forex (Forex Trading)

การเทรด Forex คือการซื้อและขายคู่สกุลเงิน เช่น EUR/USD หรือ GBP/JPY ตลาดนี้เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดและมีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง


เหตุผลที่การเทรด Forex ได้รับความนิยม

  • สภาพคล่องสูงและมีการซื้อขายต่อเนื่อง

  • เทรดได้ 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ โดยไม่จำกัดโซนเวลา

  • มีเลเวอเรจช่วยให้ควบคุมเงินทุนจำนวนมากด้วยเงินลงทุนที่น้อย


รูปแบบการเทรด Forex 

  • Scalping: เทรดเร็วในเวลาไม่กี่วินาทีถึงนาที เพื่อกำไรเล็ก ๆ

  • Day Trading: ถือตำแหน่งภายในวันโดยไม่ข้ามคืน

  • Swing Trading: ถือตำแหน่งหลายวันเพื่อเก็บกำไรจากการเคลื่อนไหวใหญ่ขึ้น


3. การเทรดสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities Trading)

การเทรดสินค้าโภคภัณฑ์คือการซื้อขายวัตถุดิบ เช่น ทองคำ น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ กาแฟ และข้าวสาลี ผ่านตลาดสปอต ฟิวเจอร์ส หรือ CFD


เหตุผลที่ควรเทรดสินค้าโภคภัณฑ์

  • ช่วยกระจายความเสี่ยงนอกเหนือจากหุ้นและเงินตรา

  • เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

  • ความผันผวนสูงสร้างโอกาสทำกำไร


ประเภทของสินค้าโภคภัณฑ์

  • Hard Commodities: ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ทองคำ เงิน น้ำมันดิบ

  • Soft Commodities: ผลผลิตเกษตร เช่น กาแฟ น้ำตาล ฝ้าย


4. การเทรดออปชัน (Options Trading)

การเทรดออปชั่น

ออปชันคือสัญญาสินทรัพย์อนุพันธ์ที่ให้สิทธิ์ (แต่ไม่ใช่ข้อผูกมัด) ในการซื้อหรือขายสินทรัพย์ในราคาที่กำหนดก่อนวันที่กำหนด


เหตุผลที่ควรเทรดออปชัน

  • ยืดหยุ่น สามารถทำกำไรได้ทั้งตลาดขึ้น ลง หรือเคลื่อนไหวแบบไซด์เวย์

  • ใช้ป้องกันความเสี่ยงในพอร์ตลงทุนอื่น ๆ

  • ใช้เลเวอเรจเพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไร


กลยุทธ์ออปชันที่นิยม

  • Call Options: ทำนายราคาสินทรัพย์จะขึ้น

  • Put Options: ทำนายราคาสินทรัพย์จะลง

  • Spreads&Straddles: กลยุทธ์ขั้นสูงเพื่อจัดการความเสี่ยงและความผันผวน


5. การเทรดฟิวเจอร์ส (Futures Trading)

ฟิวเจอร์สคือสัญญาที่บังคับให้ผู้ซื้อซื้อ หรือผู้ขายขายสินทรัพย์ในราคาที่กำหนดในวันที่กำหนดล่วงหน้า โดยใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในสินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนี และสกุลเงินดิจิทัล


ข้อดีของฟิวเจอร์ส

  • สัญญามาตรฐานและมีการควบคุมโดยตลาดที่เป็นทางการ

  • ใช้เลเวอเรจเพื่อเพิ่มการเข้าถึงตลาดขนาดใหญ่

  • เหมาะทั้งการเก็งกำไรและการป้องกันความเสี่ย


6. การเทรดคริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency Trading)

การเทรดคริปโตคือการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น บิทคอยน์ อีเธอร์เรียม และเหรียญอื่น ๆ ตลาดนี้เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน และมีความผันผวนสูง


เหตุผลที่คริปโตดึงดูดเทรดเดอร์

  • มีโอกาสทำกำไรสูงในระยะเวลาสั้น

  • มีเหรียญและโทเคนให้เลือกหลากหลาย

  • โอกาสจากนวัตกรรม DeFi และเทคโนโลยีบล็อกเชน


รูปแบบการเทรดคริปโตที่นิยม

  • Day Trading: ใช้ประโยชน์จากความผันผวนรายวัน

  • HODLing: ลงทุนระยะยาวในโปรเจกต์ที่มีศักยภาพ

  • Swing Trading: เก็บเกี่ยวจากความผันผวนระยะกลาง


7. การเทรด CFD (Contract for Difference)

การเทรด CFD

CFD คือสัญญาที่เปิดโอกาสให้เทรดเดอร์เก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาโดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์จริง CFD มีให้เทรดได้ทั้งหุ้น ฟอเร็กซ์ สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนี และคริปโต


เหตุผลที่ CFD ได้รับความนิยม

  • เทรดหลายตลาดได้จากแพลตฟอร์มเดียว

  • สามารถเทรดได้ทั้งทิศทางขึ้นและลง

  • เลเวอเรจช่วยเพิ่มกำไร (และความเสี่ยง)


8. การเทรดพันธบัตร (Bond Trading)

การเทรดพันธบัตรคือการซื้อขายตราสารหนี้ของรัฐบาลหรือบริษัท ผู้เทรดจะได้กำไรจากดอกเบี้ยและการเปลี่ยนแปลงของราคาพันธบัตร


ข้อดีของพันธบัตร

  • ความผันผวนต่ำกว่า เมื่อเทียบกับหุ้นและ Forex

  • ได้รับรายได้จากดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอ

  • ช่วยกระจายความเสี่ยงในพอร์ตลงทุน


9. การเทรดดัชนี (Index Trading)

การเทรดดัชนีคือการคาดการณ์ผลการดำเนินงานของดัชนีหุ้น เช่น S&P 500, NASDAQ, FTSE 100 หรือ NIFTY 50


เหตุผลที่เทรดเดอร์เลือกดัชนี

  • เปิดโอกาสลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมหรือเศรษฐกิจทั้งภาค

  • ความเสี่ยงต่ำกว่าการเทรดหุ้นรายตัว

  • สภาพคล่องสูงและแนวโน้มราคาชัดเจน


วิธีเลือกประเภทการเทรดที่เหมาะกับคุณ

ประเภทการเทรด เหมาะสำหรับมือใหม่หรือไม่? เหมาะสำหรับมืออาชีพหรือไม่?
หุ้น เหมาะ: เข้าใจง่าย มีแหล่งเรียนรู้มากมาย และมีข้อจำกัดในการเริ่มต้นต่ำ เหมาะ: สามารถใช้กลยุทธ์ขั้นสูง เช่น การขายชอร์ตและออปชันในหุ้นได้
Forex ไม่เหมาะ: ความผันผวนสูงและความเสี่ยงจากเลเวอเรจทำให้ยากสำหรับมือใหม่ เหมาะ: ต้องใช้ความรู้เศรษฐกิจมหภาคและตัดสินใจรวดเร็ว
สินค้าโภคภัณฑ์ ไม่เหมาะ: ต้องเข้าใจอุปสงค์อุปทานและแนวโน้มตามฤดูกาล เหมาะ: กำไรดีเมื่อวิเคราะห์ตลาด ป้องกันความเสี่ยง และเทรดฟิวเจอร์ส
ออปชัน ไม่เหมาะ: มีความซับซ้อน เช่น การเสื่อมค่าของเวลาและการเลือกราคาใช้สิทธิ์ เหมาะ: ใช้ป้องกันความเสี่ยง เก็งกำไรขั้นสูง และผลตอบแทนสูง
ฟิวเจอร์ส ไม่เหมาะ: เลเวอเรจสูง กำหนดมาร์จิ้นเข้มงวด และมีความผันผวนสูง เหมาะ: สำหรับผู้มีทักษะควบคุมความเสี่ยงและความรู้ตลาดลึก
คริปโต จำกัด: มือใหม่เริ่มจากการเทรดสปอตด้วยจำนวนเงินน้อยได้ เหมาะ: ความผันผวนสูงสร้างโอกาสมากสำหรับเทรดเดอร์ที่ชำนาญ
 CFD จำกัด: ต้องมีความรู้พื้นฐานและตระหนักถึงความเสี่ยง เหมาะ: เข้าถึงตลาดหลากหลายด้วยเลเวอเรจสำหรับมืออาชีพ
พันธบัตร เหมาะ: ความเสี่ยงต่ำ รายได้สม่ำเสมอ และเข้าใจง่าย จำกัด: มืออาชีพมักเลือกสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า แต่ใช้เพื่อสมดุลพอร์ตได้
ดัชนี เหมาะ: ติดตามแนวโน้มตลาดได้ง่าย โดยไม่ต้องสนใจหุ้นรายตัว เหมาะ: ใช้เลเวอเรจ ป้องกันความเสี่ยง และออปชันสำหรับกลยุทธ์ขั้นสูง


เมื่อต้องเลือกสไตล์การเทรดที่เหมาะสม ควรพิจารณาเรื่องเหล่านี้:


  • ความทนต่อความเสี่ยง: ตลาดคริปโตหรือ Forex มีความผันผวนสูงกว่า

  • ระยะเวลาที่จะทุ่มเท: การเทรดรายวันต้องติดตามตลาดตลอดเวลา ส่วนการถือระยะยาวใช้เวลาน้อยกว่า

  • เงินทุน: เลเวอเรจช่วยให้เริ่มต้นด้วยเงินน้อยแต่เพิ่มความเสี่ยงด้วย

  • ระดับความรู้: ควรเริ่มจากตลาดที่เข้าใจดี


คำถามที่พบบ่อย


Q1. การเทรดประเภทไหนเหมาะกับมือใหม่มากที่สุด?

สำหรับมือใหม่ การเทรดหุ้น พันธบัตร และดัชนีมักง่ายที่สุดในการเริ่มต้น เพราะเข้าใจง่ายและมีแหล่งเรียนรู้มากมาย ควรหลีกเลี่ยงตลาดที่มีเลเวอเรจสูง เช่น Forex และฟิวเจอร์ส จนกว่าจะมีประสบการณ์


Q2. การเทรดประเภทไหนมีศักยภาพในการทำกำไรสูงที่สุด?

ตลาดที่มีความผันผวนสูง เช่น Forex ฟิวเจอร์ส และคริปโต มีโอกาสทำกำไรมาก แต่ก็มีความเสี่ยงสูง การประสบความสำเร็จต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ ความเข้าใจตลาด และการบริหารความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด


Q3. สามารถเทรดหลายประเภทสินทรัพย์พร้อมกันได้หรือไม่?

ได้ หากโบรกเกอร์ของคุณให้บริการหลายตลาด เช่น แพลตฟอร์ม CFD สามารถเทรดหุ้น Forex สินค้าโภคภัณฑ์ และดัชนีในบัญชีเดียวกัน


สรุป


สรุปแล้ว ไม่มีประเภทการเทรดใดที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน การเลือกขึ้นอยู่กับเป้าหมาย เงินทุน และบุคลิกภาพการเทรดของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นหุ้น Forex สินค้าโภคภัณฑ์ หรือคริปโต ความสำเร็จต้องอาศัยการเรียนรู้ การบริหารความเสี่ยง และการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ


สำหรับมือใหม่ แนะนำให้เริ่มต้นทีละน้อย เรียนรู้พื้นฐานของตลาดหลายประเภท และทดลองเทรดในบัญชีเดโมก่อนใช้เงินจริง เมื่อเวลาผ่านไป คุณจะพบสไตล์การเทรดที่เหมาะกับตัวเองและปรับใช้ให้เข้ากับสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงได้


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

รู้จัก 6 ดัชนีหุ้นหลักระดับโลก เจาะลึกรายตัวโดดเด่นอะไรบ้าง

รู้จัก 6 ดัชนีหุ้นหลักระดับโลก เจาะลึกรายตัวโดดเด่นอะไรบ้าง

ดัชนีหุ้นหลักสะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจโลก เจาะ 6 ดัชนีเด่น พร้อมวิธีลงทุนให้เข้าใจง่าย เหมาะทั้งมือใหม่และนักลงทุนจริงจัง

2025-08-13
Nonfarm Payrolls คืออะไร มีผลกระทบกับตลาด Forex อย่างไร

Nonfarm Payrolls คืออะไร มีผลกระทบกับตลาด Forex อย่างไร

เปิดข้อมูล Nonfarm คืออะไร พร้อมไขสงสัยถึงความสัมพันธ์ระหว่างตลาด Forex และเทคนิคและเครื่องมือเทรดทำกำไรยามตลาดผันผวนหนัก

2025-08-13
ดัชนีในตลาดหุ้นคืออะไร? ทำความเข้าใจปัจจัยพื้นฐาน

ดัชนีในตลาดหุ้นคืออะไร? ทำความเข้าใจปัจจัยพื้นฐาน

ค้นพบว่าดัชนีในตลาดหุ้นคืออะไร ทำงานอย่างไร และเหตุใดจึงมีความสำคัญต่อนักลงทุนและผลการดำเนินงานของตลาด

2025-08-13