VCP Pattern คืออะไร? กลยุทธ์เทรดยอดนิยมเพื่อทำกำไร

2025-07-21
สรุป

เข้าใจรูปแบบการเทรด VCP ด้วยคู่มือสำหรับมือใหม่ฉบับนี้ เรียนรู้วิธีเทรดตามรูปแบบ Volatility Contraction Pattern เพื่อโอกาสทำกำไรอย่างมหาศาล

ในการเทรดการรู้จักและจดจำรูปแบบกราฟที่ทรงพลังได้ อาจเป็นสิ่งที่สร้างความแตกต่างระหว่างการพลาดโอกาสกับการคว้ากำไรครั้งใหญ่ หนึ่งในรูปแบบเหล่านั้นคือ VCP Pattern (Volatility Contraction Pattern) ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากจากเทรดเดอร์สายเติบโตและโมเมนตัม เนื่องจากเป็นรูปแบบที่ให้ความเสี่ยงต่ำแต่มีโอกาสให้ผลตอบแทนสูง


รูปแบบ VCP ได้รับความนิยมจาก Mark Minervini เทรดเดอร์ผู้มีประสบการณ์ซึ่งได้นำเสนอรูปแบบนี้เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเข้าซื้อได้ในจุดที่ราคากำลังจะพุ่งแรง


ในบทความนี้เราจะพาคุณทำความเข้าใจว่า VCP คืออะไร ทำงานอย่างไร ทำไมจึงสำคัญ และคุณจะสามารถนำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การเทรดเพื่อโอกาสทำกำไรก้อนใหญ่ได้อย่างไร


VCP Pattern คืออะไร?

VCP Pattern

VCP Pattern (Volatility Contraction Pattern) หรือรูปแบบการหดตัวของความผันผวน เป็นรูปแบบกราฟที่แสดงถึงการลดลงของความผันผวนของราคาขณะที่หุ้น (หรือสินทรัพย์อื่น) กำลังสร้างฐานราคา ซึ่งเป็นสัญญาณว่าปริมาณขายเริ่มลดลง และหากยังมีแรงซื้อที่แข็งแกร่งอยู่ การเบรกเอาต์ก็มีแนวโน้มจะเกิดขึ้น


รูปแบบนี้ประกอบด้วยชุดของการแกว่งตัวของราคาที่แคบลงเรื่อย ๆ โดยแต่ละรอบจะมีขนาดเล็กลงกว่ารอบก่อนหน้า ปริมาณการซื้อขายมักจะลดลงตามลำดับ และจะพุ่งสูงขึ้นเมื่อเกิดการเบรกเอาต์ ซึ่งบ่อยครั้งนำไปสู่การเคลื่อนไหวของราคาขาขึ้นที่รุนแรง โดยเฉพาะหากเป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มขาขึ้นใหญ่


คุณสมบัติที่สำคัญ :

  • ฐานราคาหรือช่วงสะสมตัว

  • มีการหดตัวของราคาหลายรอบ (pullback แคบลงเรื่อย ๆ)

  • ปริมาณซื้อขายลดลงในแต่ละรอบ

  • มีแนวรับอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่หลัก

  • เบรกเอาต์ด้วยปริมาณซื้อขายที่พุ่งขึ้น


องค์ประกอบของ VCP Pattern


1. การสร้างฐานรอบแรก

หลังจากราคาขึ้นแรง หุ้นจะเข้าสู่ช่วงสะสมตัว โดยราคาจะมีการแกว่งตัวกว้าง ช่วงเวลานี้อาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน


2. เริ่มมีการหดตัว

ราคาจะดึงกลับลง และฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง แต่การดึงกลับในรอบถัดไปจะมีขนาดเล็กลง วนซ้ำหลายรอบ (ปกติ 3–5 ครั้ง)


การหดตัวแต่ละรอบควรมีลักษณะ:

  • จุดต่ำสูงขึ้น

  • จุดสูงต่ำลง

  • ปริมาณซื้อขายลดล


3. ปริมาณแห้งเหือด (Volume Dry-Up หรือ VDU)

ก่อนเกิดการเบรกเอาต์ ปริมาณการซื้อขายควรลดลงมาก สะท้อนว่าแรงขายแทบไม่มีแล้ว


4. จุดเบรกเอาต์

ราคามักเบรกเอาต์เหนือยอดล่าสุดของการหดตัวรอบสุดท้าย โดยต้องมี:

  • ปริมาณซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

  • ราคาทะลุแนวต้าน

  • มีสัญญาณยืนยันจากอินดิเคเตอร์อื่น เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ตัดกัน


จุดเริ่มต้นและความนิยมของ VCP Pattern


แม้รูปแบบการสะสมตัวลักษณะนี้จะมีมานานแล้วในโลกของวิเคราะห์ทางเทคนิค แต่คำว่า VCP ได้รับความนิยมและถูกตั้งชื่อโดย Mark Minervini เทรดเดอร์แชมป์ระดับประเทศของสหรัฐฯ และผู้เขียนหนังสือ Trade Like a Stock Market Wizard


Minervini ใช้ VCP เป็นส่วนหนึ่งของระบบ SEPA (Specific Entry Point Analysis) ที่เน้น:

  • การเทรดหุ้นที่เป็นผู้นำของตลาด

  • ความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่คุมได้

  • การเข้าซื้อก่อนที่ราคาจะพุ่งแรง


ความสำเร็จของเขาที่มีผลตอบแทนระดับสามหลักต่อปี ทำให้ VCP กลายเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมในหมู่นักเทรดสายโมเมนตัม สวิง และตำแหน่ง


จิตวิทยาเบื้องหลัง VCP Pattern

จิตวิทยาเบื้องหลังรูปแบบ VCP Pattern

โดยพื้นฐานแล้วรูปแบบ VCP สะท้อนถึงการดึงดันทางจิตวิทยาระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย


ในช่วงแรกของการสะสมตัว ความผันผวนยังสูง เพราะผู้ขายยังคงทำกำไรหรือเทขาย แต่เมื่อเวลาผ่านไป แรงขายจะลดลง และผู้ซื้อเริ่มเข้าซื้อที่ราคาต่ำกว่ารอบก่อน


ผลที่เกิดขึ้นคือ การดึงกลับแต่ละครั้งสั้นลง สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของหุ้น สุดท้ายเมื่อแรงขายแทบไม่เหลืออยู่ และมีแรงกระตุ้นจากข่าวหรือกำไร บริษัทก็สามารถเกิดการเบรกเอาต์ที่รุนแรงได้


Minervini เรียกกระบวนการนี้ว่า “การบีบสปริงให้ตึง” และเมื่อถึงจุดหนึ่งสปริงที่ถูกบีบไว้ก็จะดีดตัวแรง


วิธีเทรดตาม VCP Pattern

กลยุทธ์รูปแบบ VCP

ขั้นที่ 1: มองหารูปแบบฐานราคา

เลือกหุ้นที่แข็งแกร่งและกำลังสะสมตัวหลังจากขึ้นมาแรง โดยดูจากกราฟรายวันหรือรายสัปดาห์

ควรมี:

  • การเคลื่อนไหวด้านข้างเป็นเวลาหลายสัปดาห์

  • ระดับการสนับสนุนและการต้านทานที่กำหนดไว้


ขั้นที่ 2: ระบุการหดตัว

ลากเส้นแนวนอนไว้ที่ยอดและฐานของแต่ละการหดตัว การหดตัวแต่ละรอบควรแคบลงเรื่อยๆ


ขั้นที่ 3: เฝ้าดูแนวโน้มของปริมาณซื้อขาย

ปริมาณควรลดลงในช่วงการหดตัว โดยเฉพาะก่อนเบรกเอาต์ ควรเห็นปริมาณต่ำสุดในรอบหลายสัปดาห์ (VDU)


ขั้นที่ 4: เข้าเทรดเมื่อเกิดเบรกเอาต์

วางจุดเข้าซื้อไว้เหนือยอดของการหดตัวล่าสุด รอให้เกิด:

  • แท่งเบรกเอาต์ที่มีปริมาณซื้อขายสูง

  • ราคาปิดทะลุแนวต้านชัดเจน


ขั้นที่ 5: ตั้งจุดหยุดขาดทุน (Stop Loss)

วาง Stop Loss ไว้ต่ำกว่าฐานของการหดตัวรอบสุดท้ายเล็กน้อย เพื่อควบคุมความเสี่ยง


ขั้นที่ 6: ปล่อยให้เทรนด์ทำงาน

เมื่อเข้าซื้อแล้ว ให้บริหารตำแหน่งด้วย:

  • Trailing Stop

  • ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 10/21/50 วัน

  • การทยอยขายบางส่วนเมื่อราคาถึงเป้าหมายตามอัตราเสี่ยง/ผลตอบแทน เช่น 1:2 หรือ 1:3


สภาวะตลาดที่เหมาะและไม่เหมาะกับ VCP Pattern


เหมาะกับ:

  • ตลาดขาขึ้น

  • ช่วงเบรกเอาต์หรือการต่อเนื่องของเทรนด์

  • กลุ่มอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง

  • หุ้นที่มีกำไรเติบโตสูงหรือโมเมนตัมแรง


ไม่เหมาะกับ:

  • ตลาดขาลง

  • หุ้นที่ผันผวนมากหรือไม่มีสภาพคล่อง

  • ช่วงที่ราคาขยับในกรอบแคบโดยไม่มีแรงซื้อจากสถาบัน


ตัวอย่าง VCP ในโลกแห่งความเป็นจริง


ลองพิจารณาหุ้นอย่าง Nvidia (NVDA) หลังจาก NVDA ขึ้นแรงจากข่าวผลประกอบการเกี่ยวกับ AI ราคาหยุดพักและเข้าสู่ช่วงสะสมตัวนาน 6 สัปดาห์:


  • สัปดาห์ที่ 1–2: ราคาลดลง 15% พร้อมปริมาณการซื้อขายสูง

  • สัปดาห์ที่ 3–4: ลดลงเพียง 8% โดยมีปริมาณที่ลดลง

  • สัปดาห์ที่ 5–6: Pullback เหลือเพียง 4% และปริมาณต่ำสุดในรอบ 2 เดือน


ในสัปดาห์ที่ 7 NVDA เบรกเอาต์จากฐานด้วยปริมาณ 3 เท่าจากปกติ หลังรายงานกำไรดีกว่าคาด ส่งผลให้ราคาพุ่งขึ้น 30% ในเวลาเพียง 10 วัน ถือเป็นตัวอย่าง VCP ที่สมบูรณ์แบบ


ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยง


แม้ VCP จะให้ความเสี่ยงต่ำเมื่อใช้อย่างถูกต้อง แต่ก็มีข้อผิดพลาดที่พบบ่อย ได้แก่:


เข้าเร็วเกินไป

บางคนรีบซื้อก่อนเกิดเบรกเอาต์จริง ทำให้ติดดอยหรือต้องเผชิญกับการหดตัวอีกหลายรอบ


มองข้ามปริมาณ

หากไม่มีปริมาณยืนยัน การเบรกเอาต์มักล้มเหลว ต้องดูปริมาณเฉลี่ยเป็นสำคัญ


ตั้ง Stop Loss กว้างเกินไป

หากจุดตัดขาดทุนไม่รัดกุม ก็เสียเปรียบด้านความเสี่ยง/ผลตอบแทน


ไม่รอให้หดตัวอย่างน้อย 2–3 รอบ

การเข้าเทรดหลังเพียงการ Pullback ครั้งเดียวอาจยังไม่ใช่ VCP ที่แท้จริง


สรุป


VCP Pattern ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่เป็นเครื่องมือที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถสร้างกำไรอย่างต่อเนื่องในหลากหลายสภาวะตลาด


ด้วยการโฟกัสที่การสะสมตัวแคบลง แนวโน้มของปริมาณ และเบรกเอาต์ที่ชัดเจน ผู้ที่ใช้ VCP อย่างถูกต้องจะสามารถเข้าสู่การเทรดที่มีโอกาสทำกำไรสูงด้วยความเสี่ยงต่ำอย่างมีระบบ


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

อธิบาย ETF XLU ใน 4 ประเด็นง่ายๆ

อธิบาย ETF XLU ใน 4 ประเด็นง่ายๆ

แยกย่อยสิ่งสำคัญของ ETF XLU ตั้งแต่การมุ่งเน้นตามภาคส่วนไปจนถึงบทบาทในพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลาย

2025-08-11
รูปแบบแท่งเทียนต่อเนื่องเทียบกับตัวบ่งชี้

รูปแบบแท่งเทียนต่อเนื่องเทียบกับตัวบ่งชี้

เปรียบเทียบรูปแบบแท่งเทียนต่อเนื่องกับตัวบ่งชี้ทางเทคนิคเพื่อดูว่ารูปแบบใดเหมาะกับกลยุทธ์ของคุณที่สุด

2025-08-11
รู้จัก S&P 500 คืออะไร ดัชนีที่ครองใจนักลงทุนทั่วโลก

รู้จัก S&P 500 คืออะไร ดัชนีที่ครองใจนักลงทุนทั่วโลก

ดัชนี S&P 500 คือกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ 500 บริษัทชั้นนำสหรัฐฯ ที่สะท้อนเศรษฐกิจอเมริกา เจาะลึกโครงสร้างเกณฑ์คัดเลือก พร้อมแนะนำกองทุน ETF S&P 500

2025-08-08