การคาดการณ์ราคาหุ้น Google ในปี 2030 จะพุ่งสูงสุดแค่ไหน?

ราคาหุ้น Google ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2025 เคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 176 ดอลลาร์ ซึ่งยังคงดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว บริการคลาวด์เติบโตอย่างกว้างขวาง และมีธุรกิจใหม่ ๆ อย่าง Waymo ที่เริ่มสร้างรายได้ ทำให้เกิดคำถามสำคัญคือหุ้น Google จะสามารถทะยานไปถึงราคา 300, 500 หรือแม้กระทั่ง 1,000 ดอลลาร์ภายในปี 2030 ได้หรือไม่

บทความนี้จะช่วยสรุปภาพรวมมูลค่าหุ้นในปัจจุบัน การคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ปัจจัยที่ส่งเสริมการเติบโต รวมถึงความท้าทายและกลยุทธ์ที่ Alphabet อาจใช้ในช่วงห้าปีข้างหน้า เพื่อให้เห็นภาพเส้นทางการพัฒนาของบริษัทอย่างชัดเจนมากขึ้น

มูลค่าปัจจุบันของหุ้น Google

ณ เดือนกรกฎาคม 2025 หุ้นของ Alphabet Inc. (GOOGL) อยู่ที่ราคา 176.23 ดอลลาร์ต่อหุ้น มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 1.87 ล้านล้านดอลลาร์ บริษัทมีอัตราส่วนราคาต่อกำไรล่วงหน้า (Forward P/E) อยู่ที่ประมาณ 17 เท่า โดยกำไรสุทธิต่อหุ้นย้อนหลัง 12 เดือนอยู่ที่ 9.15 ดอลลาร์ ซึ่งถือว่าค่อนข้างระมัดระวังเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Microsoft (~31 เท่า) และ Meta (~23 เท่า) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดมอง Alphabet ในฐานะผู้นำเทคโนโลยีที่มีการเติบโตอย่างมั่นคงมากกว่าการขยายตัวอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่โดดเด่นในปี 2025 คือสินทรัพย์หลักของ Alphabet ยังไม่ได้รับการประเมินค่าที่สูงพอ ธุรกิจโฆษณาของบริษัทซึ่งยังคงเป็นแหล่งรายได้หลัก ยังคงมีอัตราการเติบโตระดับตัวเลขสองหลักที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบปีต่อปี

ในขณะเดียวกัน Google Cloud กลายเป็นธุรกิจที่มีกำไรตั้งแต่ปี 2023 และมีอัตรากำไรเพิ่มขึ้นในทุกไตรมาส ส่วนธุรกิจในกลุ่ม “Other Bets” ที่รวมถึง Waymo, Verily และ DeepMind แม้จะยังไม่มีกำไร แต่มีศักยภาพระยะยาวที่สำคัญ

ในแง่มูลค่าหุ้น Alphabet นับเป็นโอกาสแบบ “GARP” (Growth at a Reasonable Price) ในตลาดที่เริ่มระมัดระวังต่ออัตราส่วนราคาต่อกำไรของหุ้นเทคโนโลยี โดยมูลค่าที่ยังไม่สูงนี้สะท้อนให้เห็นว่า Wall Street ยังไม่ได้คำนึงถึงศักยภาพการเติบโตอย่างเต็มที่จากการสร้างรายได้ของ AI และบริการขั้นสูงอย่าง Gemini, Bard และการผสานรวม AI ใน Google Workspace

การคาดการณ์ราคาหุ้น Google ในปี 2030: สถานการณ์ขาลง ฐาน และขาขึ้น

ระยะสั้น (2025–2026)

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ราคากลางเป้าหมายในอีก 12 เดือนข้างหน้าของนักวิเคราะห์ Wall Street อยู่ที่ประมาณ 200 ดอลลาร์ โดยมีประมาณการสูงสุดอยู่ที่ 230–250 ดอลลาร์ และประมาณการที่ระมัดระวังต่ำสุดใกล้เคียงกับ 160 ดอลลาร์

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อแนวโน้มนี้ ได้แก่:

• การครองตลาดโฆษณาดิจิทัลระดับโลกอย่างต่อเนื่อง

• การทำกำไรและการขยายตัวของ Google Cloud

• การเปิดตัวและขยายผลิตภัณฑ์ AI ในบริการต่าง ๆ

ระยะกลาง (2027–2028)

ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าราคาหุ้น Google จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสู่ช่วง 240–270 ดอลลาร์ภายในปี 2027 โดยคาดการณ์การเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่สองหลักกลาง ๆ และการรักษาส่วนแบ่งตลาดในด้านการค้นหา วิดีโอ และเครื่องมือองค์กร

ระยะยาว (การคาดการณ์ปี 2030)

• กรณีฐาน: 275–325 ดอลลาร์

สมมติการเติบโตของกำไรต่อปี 10–12% การเติบโตของคลาวด์อย่างมั่นคง และผลกระทบด้านกฎระเบียบที่เป็นกลาง

• กรณีขาขึ้น: 400–500 ดอลลาร์ขึ้นไป

สมมติการนำ AI มาใช้งานอย่างรวดเร็วใน Workspace, Search, YouTube และการสร้างรายได้ที่ประสบความสำเร็จจาก Waymo พร้อมกับการปรับอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) ขึ้นเป็น 25–30 เท่า

• กรณีขาลง: 175–225 ดอลลาร์

สะท้อนความเสี่ยงจากการชะลอตัวของธุรกิจโฆษณา ความล้มเหลวของ “Other Bets” หรือการแยกตัวของธุรกิจเนื่องจากกฎระเบียบ

การคาดการณ์ที่มองโลกในแง่ดีที่สุดสำหรับปี 2030 ชี้ว่า ราคาหุ้นอาจพุ่งแตะถึง 1,000 ดอลลาร์ต่อหุ้นได้ โดยขับเคลื่อนจากศักยภาพของ Alphabet ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AGI (Artificial General Intelligence) ชั้นนำของโลก อย่างไรก็ตาม ความคาดหวังนี้ยังมีความเสี่ยงสูงและขึ้นอยู่กับผลกระทบทางเศรษฐกิจจาก AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากภายในสิ้นทศวรรษนี้

ตัวเร่งรายได้ที่ขับเคลื่อนการเติบโตระยะยาวของหุ้น Google

1. สร้างรายได้จาก AI ในผลิตภัณฑ์หลัก

Google กำลังฝัง AI เชิงสร้างสรรค์ลงในระบบนิเวศของตน:

• การค้นหาที่เพิ่มฟีเจอร์ AI Overviews โดยขับเคลื่อนด้วย Gemini

• Google Workspace ใช้ Gemini AI เพื่อช่วยอัตโนมัติการสร้างเนื้อหาใน Gmail,Docs และ Sheets

• YouTube รวม AI เพื่อช่วยเหลือครีเอเตอร์, แท็กอัตโนมัติ และแนะนำวิดีโอแก่ผู้ชม

ตลาดรวมที่สามารถเข้าถึงได้ (TAM) สำหรับเครื่องมือเหล่านี้ โดยเฉพาะในภาคองค์กร อาจเทียบเท่าหรือเกินกว่าแผนการ Copilot ของ Microsoft Morgan Stanley คาดว่า AI เชิงสร้างสรรค์อาจเพิ่มรายได้ใหม่ 70–90 พันล้านดอลลาร์ต่อปีภายในปี 2030 ผ่านแพลตฟอร์มของ Alphabet

2. การเติบโตของ Google Cloud

Alphabet Cloud ประสบความสำเร็จอย่างมากในปี 2023 โดยสร้างผลกำไรได้ และปัจจุบันมีรายได้ปีละ 58 พันล้านดอลลาร์ โดยขยายตัวในอัตราสองหลักช่วงวัยรุ่นทุกปี เป็นผู้ให้บริการคลาวด์อันดับสามของโลก และได้รับความนิยมในกลุ่มธุรกิจเฉพาะ เช่น:

• โซลูชัน AI ด้านการดูแลสุขภาพผ่าน DeepMind และ Med-PaLM

• ภาครัฐและการศึกษา

• โครงสร้างพื้นฐานสำหรับค้าปลีกและสื่อ

อัตรากำไรเพิ่มขึ้นจากประสิทธิภาพที่ดีขึ้นและบริการ AI ที่เสริมในโซลูชัน IaaS และ PaaS แบบดั้งเดิม

3. การสร้างรายได้บน YouTube

ความพยายามของ YouTube ในการผลักดันเนื้อหาพรีเมียม การสร้างรายได้จาก Shorts และเครื่องมือช่วยครีเอเตอร์ยังคงประสบผลสำเร็จ บริษัทมีรายได้จากโฆษณาและการสมัครสมาชิกที่เกี่ยวข้องกับ YouTube มากกว่า 50 พันล้านดอลลาร์ต่อปี รวมถึง:

• YouTube Premium

• YouTube Music

• เครื่องมือการค้าเชื่อมโยงกับครีเอเตอร์

หาก Shorts ยังคงเติบโตและแข่งขันกับ TikTok และ Instagram Reels ได้ Alphabet อาจได้เห็นการบูมรายได้โฆษณานเป็นครั้งที่สอง

4. ธุรกิจ Other Bets และการกระจายกลยุทธ์

Waymo หน่วยธุรกิจรถยนต์ไร้คนขับของ Alphabet กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว:

• ให้บริการรถรับส่งเชิงพาณิชย์ในเมือง Phoenix, San Francisco และ Los Angeles

• คาดว่าจะขับรถยนต์อัตโนมัติครบ 1 พันล้านไมล์ภายในปี 2030

• มีโอกาสสร้างรายได้ 20–30 พันล้านดอลลาร์ต่อปีในระยะยาว หากการใช้งานรถแท็กซี่ไร้คนขับเติบโตอย่างรวดเร็ว

หน่วยธุรกิจอื่น ๆ เช่น Verily (เทคโนโลยีสุขภาพ) และ Google DeepMind ก็กำลังพัฒนาไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่สามารถสร้างรายได้ได้เช่นกัน

กลยุทธ์การลงทุนและการตระหนักถึงความเสี่ยง

สำหรับนักลงทุนระยะยาว Alphabet นำเสนอโปรไฟล์การเติบโตที่สมดุลและน่าสนใจ หากมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นตามผลกำไรที่ขับเคลื่อนด้วย AI การขึ้นไปสู่ระดับ 300–350 ดอลลาร์ภายในปี 2030 ถือว่าเป็นไปได้ สำหรับผู้ที่ต้องการผลตอบแทนแบบก้าวกระโดด กรณีขาขึ้นที่ราคาสูงกว่า 400 ดอลลาร์ขึ้นไป จะต้องอาศัยการบริหารจัดการที่ดีและตลาดทุนที่พร้อมสนับสนุนการสร้างมูลค่าแบบไม่เชิงเส้น

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาความเสี่ยงต่าง ๆ ดังนี้

• ความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบ: การสอบสวนและบังคับใช้กฎหมายต่อต้านการผูกขาดอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าหุ้น

• ความเข้มข้นของการแข่งขันใน AI: คู่แข่งอย่าง OpenAI, Microsoft Copilot และรายอื่นอาจกดดันรายได้จากโฆษณาและการดึงดูดความสนใจของผู้ใช้

• วัฏจักรเศรษฐกิจ: การชะลอตัวของงบโฆษณา (เช่นที่เกิดขึ้นในปี 2022) อาจส่งผลกระทบต่อรายได้หลัก

• ความล้มเหลวในการบริหารจัดการ: การลงทุนที่มีต้นทุนสูงอย่าง Waymo หรือโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ อาจไม่เป็นไปตามเป้าหมายหรือใช้เวลานานกว่าจะเติบโตได้

สรุป

โดยสรุปแล้ว พื้นฐานที่แข็งแกร่ง การเปิดรับ AI ที่เพิ่มขึ้น และมูลค่าที่ซ่อนอยู่ในธุรกิจ Other Bets ช่วยวางตำแหน่งให้หุ้น Google มีโอกาสเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอีก 5 ปีข้างหน้า

เป้าหมายราคาที่สมเหตุสมผลอยู่ในช่วง 250 ถึง 300 ดอลลาร์ภายในปี 2030 สำหรับกรณีฐาน ขณะที่กรณีที่มองโลกในแง่ดีจากการดำเนินงานที่ประสบความสำเร็จชี้ว่า ราคาสามารถทะยานเกิน 400 ดอลลาร์ขึ้นไปได้ อย่างไรก็ตาม แรงต้านจากกฎระเบียบและการแข่งขันที่รุนแรงยังคงเป็นภัยคุกคามที่ไม่ควรมองข้าม

คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ