Drawdown คืออะไร? ตัวอย่างและความหมายในโลกการเทรด

2025-06-26
สรุป

Drawdown คืออะไรในการเทรด? ทำความเข้าใจความหมาย ประเภทต่าง ๆ และตัวอย่างการใช้งานจริงที่แสดงให้เห็นว่า Drawdown ส่งผลต่อผลลัพธ์ในการเทรดของคุณอย่างไร

Drawdown คือหนึ่งในตัวชี้วัดความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดในการเทรดและการลงทุน แต่กลับถูกมองข้ามโดยนักเทรดมือใหม่จำนวนมากที่มุ่งเน้นเพียงการทำกำไร การเข้าใจ Drawdown จะช่วยให้นักเทรดสามารถวัดระดับการลดลงของยอดเงินในบัญชีจากจุดสูงสุดไปยังจุดต่ำสุดในช่วงเวลาหนึ่งของการเทรด ซึ่งเป็นดัชนีสำคัญที่แสดงถึงความเสี่ยงของกลยุทธ์หรือพอร์ตการลงทุน


ไม่ว่าคุณจะเทรด Forex หุ้น หรือสินค้าโภคภัณฑ์ การติดตาม Drawdown อย่างใกล้ชิดอาจเป็นปัจจัยชี้ขาดระหว่างการเติบโตอย่างยั่งยืนกับการสูญเสียเงินทุนทั้งหมด


ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจความหมายของ Drawdown ประเภทต่าง ๆ วิธีการคำนวณ ตัวอย่างจากสถานการณ์จริง และวิธีการจัดการ Drawdown อย่างมืออาชีพ


Drawdown คืออะไรในการเทรด?

Drawdown คืออะไรในการเทรด

Drawdown คือการลดลงของเงินทุนในการเทรดจากจุดสูงสุดที่เคยทำได้ โดยมักแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ และใช้ชี้ให้เห็นถึงขนาดของการขาดทุนสูงสุดในช่วงเวลาหนึ่ง Drawdown เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยในการเทรด แต่การเข้าใจมันอย่างถ่องแท้มีความสำคัญต่อการประเมินความเสี่ยงของกลยุทธ์ใด ๆ ก็ตาม


ตัวอย่าง เช่นหากบัญชีเทรดของคุณเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 ดอลลาร์ แล้วลดลงมาเหลือ 8,000 ดอลลาร์ แสดงว่าคุณมี Drawdown อยู่ที่ 2,000 ดอลลาร์หรือ 20%


อย่างไรก็ตาม Drawdown ไม่ได้หมายถึงการขาดทุนถาวร แต่เป็นการลดลงชั่วคราว ซึ่งสามารถฟื้นกลับมาได้หากผลการเทรดดีขึ้น


ความแตกต่างระหว่าง Drawdown กับ Volatility


แม้ว่า Drawdown และ Volatility (ความผันผวน) จะเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงทั้งคู่แต่มีความแตกต่างกัน:

  • Volatility คือการแกว่งตัวของผลตอบแทนในช่วงเวลาต่าง ๆ

  • Drawdown คือการลดลงของมูลค่าจากจุดสูงสุดถึงจุดต่ำสุด


กลยุทธ์หนึ่งอาจมีความผันผวนสูงแต่ Drawdown ต่ำ หรือมีความผันผวนต่ำแต่เจอ Drawdown หนักเป็นครั้งคราว การบริหารจัดการทั้งสองอย่างเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเทรดที่มั่นคง


ความสำคัญของ Drawdown ในการเทรด


Drawdown มีความสำคัญเพราะสะท้อนถึง:

  • ระดับความเสี่ยงของกลยุทธ์ที่ใช้อยู่

  • ความกดดันทางอารมณ์เมื่อต้องเผชิญกับการขาดทุน

  • ความแข็งแกร่งของระบบหรือกลยุทธ์การเทรด

  • ระยะเวลาที่ต้องใช้ในการฟื้นตัวจากการขาดทุน


นักเทรดมืออาชีพส่วนใหญ่จะกำหนดขีดจำกัดของ Drawdown ไว้อย่างชัดเจน โดยปกติอยู่ที่ประมาณ 10–20% เพื่อควบคุมความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้

ประเภทของ Drawdown ในการเทรด

ประเภทของ Drawdown ในการเทรด

1. Absolute Drawdown (การขาดทุนสัมบูรณ์)

เป็นการวัดการลดลงจากเงินฝากเริ่มต้นไปยังจุดต่ำสุดของบัญชี มันแสดงให้เห็นว่าคุณสูญเสียเงินทุนเริ่มต้นไปเท่าไร


ตัวอย่าง:

  • เงินฝากเริ่มต้น: 5,000 ดอลลาร์

  • ยอดต่ำสุดของบัญชี: 4,000 ดอลลาร์

  • Absolute Drawdown = 1,000 ดอลลาร์ หรือ 20%


2. Maximum Drawdown (การขาดทุนสูงสุด)

คือการลดลงสูงสุดจากยอดสูงสุดไปยังจุดต่ำสุดถัดมาในยอดเงินบัญชี เป็นประเภทที่นิยมใช้มากที่สุดในหมู่นักเทรดและนักลงทุน


ตัวอย่าง:

  • ยอดสูงสุดของบัญชี: 10,000 ดอลลาร์

  • ยอดต่ำสุดหลังจากจุดสูงสุด: 7,000 ดอลลาร์

  • Maximum Drawdown = 3,000 ดอลลาร์ หรือ 30%


3. Relative Drawdown (การขาดทุนสัมพัทธ์)

เป็นการแสดงค่า Drawdown สูงสุดในรูปของเปอร์เซ็นต์จากยอดทุนสูงสุด เหมาะสำหรับการเปรียบเทียบกลยุทธ์ระหว่างบัญชีที่มีขนาดต่างกัน


สูตร:

Relative Drawdown (%) = (Maximum Drawdown / Peak Equity) × 100


แต่ละประเภทสะท้อนความเสี่ยงในแง่มุมที่แตกต่างกัน และเมื่อพิจารณาร่วมกัน จะช่วยให้เห็นภาพรวมของความเสี่ยงในการเทรดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น


วิธีการคำนวณ Drawdown ทีละขั้นตอน


ขั้นตอนที่ 1: บันทึกยอดสูงสุดของบัญชี

ติดตามจุดที่ยอดเงินในบัญชีของคุณเพิ่มขึ้นสูงที่สุดในช่วงเวลาการเทรด


ขั้นตอนที่ 2: ระบุจุดต่ำสุดถัดมา

ตรวจสอบค่ายอดเงินต่ำสุดที่เกิดขึ้นก่อนที่บัญชีจะฟื้นตัวกลับไปถึงหรือเกินกว่าจุดสูงสุดเดิม


ขั้นตอนที่ 3: ใช้สูตรคำนวณ

Drawdown (%) = (มูลค่าสูงสุด-มูลค่าต่ำสุด)/มูลค่าสูงสุด × 100


ตัวอย่าง:

  • จุดสูงสุด: 12,000 ดอลลาร์

  • จุดต่ำสุด: 9,000 ดอลลาร์

  • Drawdown = (12,000-9,000)/12,000×100 = 25%


ให้ใช้สูตรนี้กับการลดลงแต่ละครั้ง และระบุกรณีที่แย่ที่สุดเพื่อใช้เป็นค่า Maximum Drawdown


ตัวอย่างจริงของการเกิด Drawdown


ตัวอย่างจากตลาด Forex

นักเทรดรายหนึ่งสามารถเพิ่มยอดเงินในบัญชีจาก 10,000 ดอลลาร์ ไปเป็น 12,000 ดอลลาร์ แต่หลังจากเกิดการขาดทุนต่อเนื่อง ยอดเงินลดลงเหลือ 8,500 ดอลลาร์

  • Maximum Drawdown = (12,000-8,500)/12,000 = 29.17%


แม้ในภายหลังนักเทรดจะสามารถฟื้นตัวและทำยอดเงินกลับไปได้ถึง 13,000 ดอลลาร์ แต่ Drawdown ที่ 29.17% แสดงให้เห็นถึงความผันผวนสูงในกลยุทธ์การเทรดของเขา



ตัวอย่างพอร์ตการลงทุนในหุ้น

พอร์ตของนักลงทุนรายหนึ่งมีมูลค่าแตะระดับสูงสุดที่ 100,000 ดอลลาร์ ก่อนที่ภาวะตลาดจะตกหนัก ทำให้พอร์ตลดลงเหลือ 70,000 ดอลลาร์

  • Drawdown = (100,000-70,000)/100,000 = 30%


การฟื้นตัวเพื่อกลับมาที่จุดคุ้มทุนจะต้องใช้ผลตอบแทนถึง 42.8% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงของ Drawdown ที่รุนแรง

Drawdown ที่ยอมรับได้คือเท่าไหร่?


ไม่มีค่าตายตัวที่แน่นอนสำหรับ Drawdown ที่ "เหมาะสม" แต่สามารถสรุปแนวทางคร่าว ๆ ได้ดังนี้:

  • 0–10%: ความเสี่ยงต่ำ เหมาะกับกลยุทธ์อนุรักษ์นิยม

  • 10–20%: ความเสี่ยงปานกลาง เหมาะกับนักเทรดสวิงหรือนักเทรดรายวันทั่วไป

  • 20–30%: ความเสี่ยงสูง เหมาะกับกลยุทธ์ที่คาดหวังผลตอบแทนสูง

  • 30%+: ความเสี่ยงสูงมาก มักไม่ยั่งยืนในระยะยาว


ท้ายที่สุด ยิ่ง Drawdown สูงเท่าใด การฟื้นตัวกลับมายิ่งต้องใช้ความพยายามมากขึ้น เพราะคุณต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าค่า Drawdown เพื่อให้กลับสู่ยอดเดิม


Drawdown (%) ผลตอบแทนที่ต้องการเพื่อฟื้นตัว (%)
10% 11.1%
20% 25%
30% 42.9%
50% 100%
70% 233%


ตารางนี้แสดงให้เห็นว่า การรักษาเงินทุนให้คงอยู่ในระบบนั้นสำคัญกว่าการไล่ล่าผลตอบแทนสูง เพราะเมื่อขาดทุนหนัก การฟื้นกลับจะยากและใช้เวลานานกว่าเดิมมาก


กลยุทธ์การเทรดเพื่อลด Drawdown

กลยุทธ์การเทรดเพื่อลด Drawdown


1. กำหนดขนาดการลงทุนต่อครั้ง (Position Sizing)

เสี่ยงไม่เกิน 1–2% ของเงินในบัญชีต่อการเทรดหนึ่งครั้ง วิธีนี้ช่วยให้แม้จะขาดทุนติดต่อกันหลายครั้ง ก็ยังไม่ทำให้ยอดเงินลดลงอย่างรุนแรง


2. ตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop-Loss Orders)

อย่าเปิดออเดอร์โดยไม่มีจุดหยุดขาดทุน เพราะจะช่วยป้องกันไม่ให้การขาดทุนบานปลายเกินควบคุม


3. กระจายการลงทุน (Diversification)

อย่าลงทุนทั้งหมดไว้ในสินทรัพย์เดียวหรือในตลาดเดียว การกระจายพอร์ตจะช่วยลดความเสี่ยงจากการพังเพียงจุดเดียว


4. ใช้สัดส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่เหมาะสม (Risk-Reward Ratio)

เลือกเทรดที่มีอัตราผลตอบแทนต่อความเสี่ยงอย่างน้อย 1:2 หรือ 1:3 แม้ว่าจะชนะเพียง 40% ของเวลา ก็ยังสามารถทำกำไรได้ หากผลกำไรต่อครั้งมากกว่าขาดทุน


5. หลีกเลี่ยงการใช้เลเวอเรจสูงเกินไป (Avoid Overleveraging)

เลเวอเรจสูงจะเพิ่มโอกาสเกิด Drawdown ที่รุนแรง ควรใช้เลเวอเรจอย่างระมัดระวังโดยเฉพาะในตลาดที่มีความผันผวนสูง


สรุป

Drawdown เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการเทรด แต่การเข้าใจและจัดการกับมันอย่างมีระบบ คือสิ่งที่แยกระหว่างนักเทรดที่ประสบความสำเร็จกับผู้ที่ล้มเหลว ไม่ว่าคุณจะกำลังสร้างแผนเทรดด้วยตนเองหรือทดสอบระบบอัตโนมัติ การรู้ระดับ Drawdown ช่วยให้คุณประเมินได้ว่าคุณกำลังรับความเสี่ยงมากแค่ไหน


หากคุณให้ความสำคัญกับการรักษาเงินทุนและจัดการ Drawdown อย่างมีวินัย ผลกำไรจะตามมาเอง การเทรดไม่ใช่แค่การทำกำไรให้มากที่สุด แต่คือการจำกัดความเสียหายเมื่อสิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปตามแผน


คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

IVV: คำอธิบายเงินปันผลของกองทุน ETF S&P 500

IVV: คำอธิบายเงินปันผลของกองทุน ETF S&P 500

เรียนรู้ว่า IVV จ่ายเงินปันผลให้กับกองทุน ETF S&P 500 อย่างไร ความถี่ ผลตอบแทน และสิ่งที่ผู้ซื้อขายจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับการลงทุนเงินปันผลกับ IVV

2025-06-30
เวลาการเทรดฟอเร็กซ์เซสชั่นนิวยอร์กในอินเดีย: คำแนะนำการเทรดฉบับสมบูรณ์

เวลาการเทรดฟอเร็กซ์เซสชั่นนิวยอร์กในอินเดีย: คำแนะนำการเทรดฉบับสมบูรณ์

ค้นพบเวลาซื้อขายฟอเร็กซ์เซสชันนิวยอร์กที่แน่นอนในอินเดียและเรียนรู้ช่วงเวลาการซื้อขายที่ดีที่สุด คู่สกุลเงินชั้นนำ และเคล็ดลับในการเพิ่มผลกำไรสูงสุด

2025-06-30
ปัจจุบันประเทศฝรั่งเศสใช้สกุลเงินอะไร?

ปัจจุบันประเทศฝรั่งเศสใช้สกุลเงินอะไร?

สงสัยว่าฝรั่งเศสใช้สกุลเงินอะไรในปัจจุบันหรือไม่ นี่คือทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้ก่อนเดินทางหรือทำธุรกรรมครั้งต่อไป

2025-06-30