เทรดทอง Gold Spot VS Gold Future ต่างกันยังไง? รู้ไว้ก่อนลงทุน!
简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

เทรดทอง Gold Spot VS Gold Future ต่างกันยังไง? รู้ไว้ก่อนลงทุน!

เผยแพร่เมื่อ: 2025-06-20   
อัปเดตเมื่อ: 2025-06-26

ทองคำเป็นหนึ่งในสินทรัพย์การลงทุนที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงและสามารถป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนได้ สำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างผลกำไรจากทองคำ การเทรดทอง Gold Spot ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะใช้เงินทุนน้อยแต่สามารถทำกำไรได้สูง ทั้งยังมีความยืดหยุ่นในการซื้อขายทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง


ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับการเทรดทอง Gold Spot อย่างละเอียด ตั้งแต่ความหมาย กลไกการเทรด ความแตกต่างกับ Gold Future ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำ รวมถึงเหตุผลที่คุณควรเลือกเทรดทองคำออนไลน์


Gold Spot คืออะไร?

Gold Spot คืออะไร

Gold Spot คือการซื้อขายทองคำในราคาปัจจุบัน (Spot Price) ของตลาดโลก ซึ่งเป็นการซื้อขายแบบเรียลไทม์ผ่านสัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFD) โดยไม่ต้องรับมอบทองคำทางกายภาพจริง สิ่งที่ทำให้ Gold Spot น่าสนใจคือคุณสามารถเริ่มเทรดด้วยเงินทุนเพียง 100 เหรียญสหรัฐ และทำกำไรได้ทั้งในตลาดขาขึ้น (Buy) และขาลง (Sell)


การเทรด Gold Spot มีลักษณะเด่นหลายประการ ได้แก่

  • ความยืดหยุ่นสูง - เทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมงในวันทำการ (จันทร์-ศุกร์) ตามเวลาตลาดโลก

  • ใช้เลเวอเรจ - ใช้เงินทุนน้อยแต่สามารถเปิดออร์เดอร์ขนาดใหญ่ได้

  • บริหารความเสี่ยง - ตั้งค่าการตัดขาดทุน (Stop Loss) และรับกำไรอัตโนมัติ (Take Profit)

  • ไม่ยุ่งยากเรื่องการจัดเก็บ - ไม่ต้องกังวลกับการรับทองคำจริงหรือปัญหาการเก็บรักษา


ด้วยความได้เปรียบเหล่านี้ ทำให้ Gold Spot เป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาทองคำโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการถือครองทองคำทางกายภาพ


Gold Future คืออะไร? ต่างจาก Gold Spot อย่างไร?

Gold Future เป็นการซื้อขายทองคำล่วงหน้า โดยตกลงราคาและวันส่งมอบในอนาคต มักใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาทองคำ

ความแตกต่างระหว่าง Gold Spot และ Gold Future

ปัจจัย Gold Spot Gold Future
เวลาเทรด

เทรดได้ 24 ชั่วโมง (จันทร์ - ศุกร์)

เทรดเฉพาะเวลาเปิดตลาดหุ้น
ปริมาณการซื้อขาย ปริมาณการซื้อขายสูง (ตลาดโลก) ปริมาณซื้อขายน้อย (เฉพาะในประเทศ)
ความผันผวน ผันผวนสูง ตามปัจจัยเศรษฐกิจโลก ค่อนข้างนิ่ง ใช้เพื่อเก็งกำไรระยะสั้น
การส่งมอบ ไม่มีการส่งมอบทองคำจริง (เทรดผ่าน CFD) มีการส่งมอบทองคำตามสัญญา

แม้ทั้ง Gold Spot และ Gold Future จะเป็นการเทรดทองคำ แต่ทั้งสองรูปแบบมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนในหลายด้าน ซึ่งส่งผลต่อโอกาสทำกำไรและความเสี่ยงของผู้ลงทุน โดยสรุปได้ดังนี้


1. เวลาเทรด

  • Gold Spot → เทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง (วันจันทร์-ศุกร์) ตามเวลาตลาดโลก

  • Gold Future → เทรดได้เฉพาะ ช่วงเวลาเปิดตลาดหุ้น (มีเวลาจำกัด)


2. ปริมาณการซื้อขาย (Volume)

  • Gold Spot → มีปริมาณการซื้อขายสูง เพราะเป็นตลาดระดับโลก

  • Gold Future → ปริมาณซื้อขายน้อยกว่า เนื่องจากเทรดเฉพาะในประเทศ


3. ความผันผวนของราคา

  • Gold Spot → กราฟเคลื่อนไหวรุนแรงตามปัจจัยเศรษฐกิจโลก โอกาสทำกำไร (และขาดทุน) สูง

  • Gold Future → กราฟค่อนข้างนิ่ง เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยง


สรุปเลือกแบบไหนดี?

  • ชอบเทรดเร็วกำไรไว → เลือก Gold Spot (เทรดได้ตลอดเวลา โอกาสทำเงินสูง)

  • ชอบความมั่นคงเน้นเก็งกำไรระยะสั้น → เลือก Gold Future (ความผันผวนน้อยกว่า)

ไม่ว่าคุณจะเลือกเทรดแบบไหน ควรศึกษาตลาดและบริหารความเสี่ยงให้ดี เพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไรอย่างยั่งยืน


กลไกการเทรด Gold Spot

การเทรดทองคำแบบ Gold Spot เป็นการซื้อขายทองคำในราคาปัจจุบัน (Spot Price) โดยมีการส่งมอบทันที ซึ่งแตกต่างจากการเทรดแบบฟิวเจอร์สหรืออนุพันธ์อื่น ๆ ที่เน้นเก็งกำไรจากความผันผวนของราคาโดยไม่ต้องรับมอบทองคำจริง


1. ผู้เล่นในตลาด Gold Spot

  • นักลงทุนรายย่อยและสถาบัน – ซื้อขายผ่านโบรกเกอร์หรือแพลตฟอร์มออนไลน์

  • ธนาคารและผู้ค้าทองคำ – ทำหน้าที่เป็นผู้ให้สภาพคล่องในตลาด

  • โรงกลั่นและตัวแทนจำหน่ายทองคำแท่ง – เกี่ยวข้องกับการผลิตและจัดส่งทองคำจริง


2. การกำหนดราคา Gold Spot

ราคาทองคำแบบ Spot ถูกกำหนดจากปัจจัยหลัก 3 ประการ:

  • ราคาอ้างอิง LBMA (London Bullion Market Association) – ใช้เป็นมาตรฐานสากล

  • อุปสงค์และอุปทานในตลาดโลก – ความต้องการทองคำจากนักลงทุนและภาคอุตสาหกรรม

  • ปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค – เช่น อัตราดอกเบี้ย ดอลลาร์สหรัฐฯ และความไม่แน่นอนทางการเมือง


3. ช่องทางการเทรด Gold Spot

นักลงทุนสามารถเข้าถึงตลาด Gold Spot ได้ผ่าน:

  • โบรกเกอร์ Forex/CFD – เทรดทองแบบออนไลน์โดยไม่ต้องรับมอบทองคำจริง (เทรดผ่านสัญญา CFD)

  • ตลาดทองคำท้องถิ่นและตัวแทนจำหน่าย – ซื้อขายทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณโดยตรง

  • แพลตฟอร์มซื้อขายของธนาคาร – บริการซื้อขายทองคำออนไลน์พร้อมจัดเก็บในห้องนิรภัย


4. ขั้นตอนการเทรด Gold Spot

  • เปิดคำสั่งซื้อ/ขาย – เลือกระหว่าง Buy (Long) หากคาดว่าราคาจะขึ้น หรือ Sell (Short) หากคาดว่าราคาจะลง

  • กำหนดขนาด Lot และใช้ Leverage (ถ้ามี) – เช่น เทรด1 Lot = ทองคำ 100 ออนซ์

  • ติดตามสถานะการเทรด – ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานเพื่อตัดสินใจปิดออร์เดอร์

  • ปิดออร์เดอร์และรับผลกำไร/ขาดทุน


5. การส่งมอบทองคำจริง (Physical Delivery)

หากเทรดผ่านตลาดทองคำกายภาพ:

  • ชำระเงินเต็มจำนวน + ค่าธรรมเนียม (เช่น Premium และค่าการจัดส่ง)

  • รับมอบทองคำแท่งหรือเหรียญทองคำ ที่มีตราสัญลักษณ์รับรอง (เช่น LBMA,ISO)

  • จัดเก็บในที่ปลอดภัย เช่น ตู้นิรภัยธนาคารหรือบริการเก็บรักษาทองคำ


6. ทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ไม่ต้องการถือทองคำจริง

  • เทรดผ่าน CFD หรือ ETFs – เก็งกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดเก็บ

  • ซื้อทองคำในรูปแบบดิจิทัล – เช่น Gold Savings หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า


ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคา Gold Spot เทรดทองอย่างไรให้เข้าใจแนวโน้มราคา

ราคาทองคำ Gold Spot ในตลาดโลกไม่ได้ถูกกำหนดแค่จากอุปสงค์และอุปทานเท่านั้น แต่ยังได้รับอิทธิพลจากปัจจัยสำคัญหลายประการที่นักเทรดทองควรรู้ ดังนี้


1. ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) ส่งผลต่อราคา Gold Spot

ทองคำมีราคาตลาดในหน่วยดอลลาร์ เมื่อค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ราคาทอง Gold Spot มักจะปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากนักลงทุนเทรดทองมองหาทรัพย์สินที่ช่วยรักษามูลค่าเงิน


2. อัตราดอกเบี้ยธนาคารกลาง และผลต่อการเทรดทอง

เมื่อธนาคารกลางอย่าง Fed ปรับขึ้นดอกเบี้ย นักลงทุนอาจเปลี่ยนไปลงทุนในพันธบัตรมากขึ้น ทำให้ความต้องการทองคำลดลงและราคาทอง Spot อาจปรับลด


ในทางกลับกัน หาก Fed ลดดอกเบี้ย ราคาทองคำจะน่าสนใจสำหรับนักเทรดทองมากขึ้น เพราะทองคำให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากเงินหรือพันธบัตร


3. สถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองโลกที่กระทบราคาทองคำ

ความไม่แน่นอนจากสงครามหรือวิกฤตการเมืองโลก มักผลักดันให้ราคาทอง Gold Spot พุ่งสูงขึ้น เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) ที่นักเทรดทองนิยมสะสมในช่วงความเสี่ยงสูง


นอกจากนี้ ภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงยังทำให้ความต้องการทองคำเพิ่มขึ้น เพราะทองช่วยรักษามูลค่าทรัพย์สินในระยะยาว


4. ความต้องการทองคำจากตลาดเกิดใหม่

ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อย่างจีนและอินเดีย มีความต้องการทองคำเพิ่มสูงในช่วงเทศกาลและฤดูแต่งงาน ส่งผลให้ราคาทองคำ Gold Spot ในตลาดโลกปรับตัวขึ้นตามความต้องการเหล่านี้


สรุป

ถ้าคุณชอบการเทรดทองคำแบบระยะสั้นและต้องการความยืดหยุ่นสูง การเทรด Gold Spot จะเหมาะกับคุณมากกว่า เพราะสามารถเทรดได้ตลอดเวลาและสามารถทำกำไรได้ทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลง ส่วนใครที่ต้องการเก็งกำไรจากราคาทองคำในอนาคตและชอบความผันผวนน้อยกว่า การเทรด Gold Future อาจตอบโจทย์ได้ดีกว่า อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคุณจะเลือกลงทุนในรูปแบบใด สิ่งสำคัญคือการศึกษาและทำความเข้าใจตลาดทองคำ วิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อราคา และฝึกฝนกลยุทธ์การเทรดอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไรและลดความเสี่ยงในการลงทุนให้มากที่สุด


คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใด ๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใด ๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
6 เช็กลิสต์ต้องรู้ก่อนลงทุนตลาดทองต่างประเทศ
สินค้าโภคภัณฑ์ หมายถึงอะไร และแตกต่างจากหุ้นอย่างไร?
สัญลักษณ์ทองคำในตลาดหุ้นและการเทรดคืออะไร?
คู่มือการลงทุนในทองคำและเงินระยะยาวเพื่อผลตอบแทนมั่นคง
เจาะลึกลงทุน ETF 2025 กลยุทธ์ทำกำไรแบบนักลงทุนชั้นเซียน