การเทรดฟิวเจอร์ คืออะไร? เข้าใจความหมายและตัวอย่างจริง

2025-06-19
สรุป

ทำความเข้าใจความหมาย การเทรดฟิวเจอร์ กลไกการทำงาน และตัวอย่างเทรดจริงในตลาดหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ และตลาด Forex

ฟิวเจอร์ คือหนึ่งในเครื่องมือทางการเงินที่สำคัญที่สุดในตลาดโลก โดยถูกใช้อย่างแพร่หลายทั้งในกลุ่มสถาบันการเงิน บริษัทมหาชน และนักลงทุนรายย่อย การเทรดฟิวเจอร์ ช่วยให้นักเทรดสามารถ ป้องกันความเสี่ยง (Hedging) เช่น ธุรกิจนำเข้า/ส่งออกใช้ล็อกต้นทุนล่วงหน้า เก็งกำไรจากการขึ้นลงของราคา โดยไม่ต้องถือสินทรัพย์จริง เข้าถึงสินค้าโภคภัณฑ์หรือสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น น้ำมัน ทองคำ ดัชนีหุ้น หรือคู่สกุลเงิน โดยไม่ต้องถือสินทรัพย์นั้นจริงๆ


บทความนี้ให้คำแนะนำที่ครอบคลุมเพื่อทำความเข้าใจว่าการเทรดฟิวเจอร์ คืออะไร กลไกการทำงาน และนักเทรดในชีวิตจริงนำฟิวเจอร์ไปใช้ในการซื้อขายอย่างไร?


การเทรดฟิวเจอร์ คืออะไร?

What Are Futures in Trading

สัญญาฟิวเจอร์ คือข้อตกลงทางกฎหมายระหว่างสองฝ่าย ที่ระบุว่าจะซื้อหรือขายสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ณ วันเวลาที่ระบุในอนาคต สัญญาเหล่านี้ถูกกำหนดมาตรฐานและซื้อขายผ่านตลาดซื้อขายที่มีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ (Organised Exchanges) ซึ่งช่วยให้มีสภาพคล่องสูงและเข้าถึงได้ง่าย


สินทรัพย์อ้างอิงที่อยู่ในสัญญาฟิวเจอร์ มีหลากหลาย เช่น: สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities): น้ำมันดิบ ทองคำ ข้าวโพด และสินทรัพย์การเงิน (Financial Instruments): พันธบัตรรัฐบาล ดัชนีหุ้น ผู้ซื้อในสัญญาตกลงจะ "รับซื้อ" สินทรัพย์ในอนาคต ขณะที่ผู้ขายตกลงจะ "ส่งมอบ" สินทรัพย์นั้น ไม่ว่าราคาตลาดจริงในวันส่งมอบจะเปลี่ยนไปอย่างไรก็ตาม


โครงสร้างของสัญญาฟิวเจอร์ (Futures Structure)


ทุกสัญญาฟิวเจอร์จะระบุรายละเอียดสำคัญไว้ชัดเจน ได้แก่:


  1. สินทรัพย์อ้างอิง ที่ใช้เป็นฐานในการซื้อขาย (เช่น ทองคำ น้ำมัน ดัชนีหุ้น ฯลฯ)

  2. ปริมาณ ของสินทรัพย์ที่จะซื้อขาย (เช่น 100 บาร์เรลของน้ำมัน, 1,000 บูเชลของข้าวโพด)

  3. ราคาที่ตกลงกัน ว่าจะซื้อขายในอนาคต

  4. วันหมดอายุของสัญญา (Expiration Date) หรือวันที่ต้องปิดสถานะ

  5. ตลาดซื้อขาย ที่สัญญานั้นถูกจดทะเบียน (เช่น CME, NYMEX, SGX)


ต่างจาก สัญญาฟอร์เวิร์ด (Forward Contracts) ซึ่งเป็นข้อตกลงส่วนตัวระหว่างสองฝ่าย ฟิวเจอร์เป็น สัญญาที่มีมาตรฐานและอยู่ภายใต้การควบคุมจากตลาดกลาง จึงมีความปลอดภัยสูงกว่า โปร่งใส และซื้อขายได้ง่ายในตลาดสาธารณะ


ฟิวเจอร์ต่างจากเครื่องมือการเงินอื่นอย่างไร?


สัญญาฟิวเจอร์มักถูกเข้าใจผิดว่าเหมือนกับตราสารอนุพันธ์ประเภทอื่น ต่อไปนี้คือความแตกต่าง:

  • ฟิวเจอร์กับออปชั่น: ออปชันให้สิทธิ์ (แต่ไม่ใช่ข้อผูกพัน) ในการซื้อหรือขายสินทรัพย์ ขณะที่ฟิวเจอร์เป็นข้อผูกพันที่ต้องซื้อหรือขายตามสัญญา

  • ฟิวเจอร์กับฟอร์เวิร์ด: ฟิวเจอร์เป็นสัญญาที่มีมาตรฐานและซื้อขายผ่านตลาดกลาง ขณะที่ฟอร์เวิร์ดเป็นข้อตกลงส่วนตัวที่สามารถกำหนดเงื่อนไขเองได้

  • ฟิวเจอร์กับหุ้น: การซื้อหุ้นคือการได้สิทธิความเป็นเจ้าของในบริษัท ส่วนการซื้อสัญญาฟิวเจอร์ คือการเก็งกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคา โดยไม่ได้ถือครองสินทรัพย์จริง


เครื่องมือแต่ละประเภทมีวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ที่แตกต่างกันในพอร์ตการลงทุนของนักเทรดหรือนักลงทุน


ประเภทหลักของสัญญาฟิวเจอร์

Types of Futures Contracts

สัญญาฟิวเจอร์มีหลายประเภท ต่อไปนี้คือกลุ่มที่ได้รับความนิยมในการซื้อขายมากที่สุด:


ฟิวเจอร์สินค้าโภคภัณฑ์

ฟิวเจอร์ประเภทนี้ถือเป็นหนึ่งในรูปแบบดั้งเดิมที่สุดของการซื้อขายฟิวเจอร์ ตัวอย่างที่พบบ่อย ได้แก่:


  • น้ำมันดิบ

  • ก๊าซธรรมชาติ

  • ทองและเงิน

  • ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เช่น ข้าวสาลี ข้าวโพด ถั่วเหลือง และกาแฟ


ฟิวเจอร์สินค้าโภคภัณฑ์ ช่วยให้ผู้ผลิตและผู้บริโภคสามารถล็อกราคาไว้ล่วงหน้า และป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา


ฟิวเจอร์ดัชนีหุ้น

สัญญาเหล่านี้อ้างอิงตามผลการดำเนินงานของดัชนีหุ้น เช่น S&P 500, Dow Jones และ Nasdaq นักเทรดใช้ฟิวเจอร์ดัชนีเพื่อเก็งกำไรทิศทางตลาดหรือป้องกันความเสี่ยงในพอร์ตขนาดใหญ่


ฟิวเจอร์สกุลเงิน

สัญญาฟิวเจอร์ประเภทนี้เกี่ยวข้องกับการซื้อหรือขายสกุลเงินต่างๆ เช่น ยูโร ปอนด์สเตอร์ลิง เยนญี่ปุ่น หรือดอลลาร์ออสเตรเลีย


ธุรกิจมักใช้ฟิวเจอร์สกุลเงินเพื่อบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ขณะที่นักเทรดใช้เพื่อเก็งกำไรจากการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยและเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์


ฟิวเจอร์อัตราดอกเบี้ย

ฟิวเจอร์ประเภทนี้เกี่ยวข้องกับสัญญาที่อ้างอิงตราสารรัฐบาล เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอย่าง Eurodollar ธนาคารและนักลงทุนสถาบันส่วนใหญ่นิยมใช้ฟิวเจอร์เหล่านี้เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย


แนวคิดสำคัญในการเทรดฟิวเจอร์

Leverage in Futures

1) มาร์จิ้นและเลเวอเรจ

การเทรดฟิวเจอร์ใช้หลักการ เลเวอเรจ หมายความว่าคุณต้องใช้เงินทุนเพียงบางส่วนของมูลค่าสัญญาทั้งหมดเท่านั้น ซึ่งเรียกว่า มาร์จิ้นเริ่มต้น (Initial Margin) วิธีนี้ช่วยให้คุณเปิดสถานะด้วยเงินทุนที่น้อยกว่า แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงที่จะขาดทุนมากขึ้นเช่นกัน


มาร์จิ้นรักษาสถานะ (Maintenance Margin) คือระดับเงินทุนขั้นต่ำที่คุณต้องรักษาไว้ในบัญชี หากยอดเงินทุนของคุณลดลงต่ำกว่าระดับนี้จากความผันผวนของตลาด คุณจะได้รับคำเตือนมาร์จิ้น (Margin Call) เพื่อแจ้งให้คุณเติมเงินเข้าบัญชีเพื่อรักษาตำแหน่งการซื้อขายให้อยู่ต่อไป


2) วันหมดอายุของสัญญา

ทุกสัญญาฟิวเจอร์จะมีวันหมดอายุ คุณสามารถเลือกปิดสถานะก่อนวันหมดอายุได้โดยการขายสัญญาในตลาดเปิด หรือตัดสินใจปล่อยให้สัญญาดำเนินไปจนถึงวันชำระเงิน บางสัญญาต้องมีการส่งมอบสินทรัพย์จริง ขณะที่บางสัญญาจะชำระด้วยเงินสด


3) สถานะ Long กับ Short

ถ้าคุณเชื่อว่าราคาสินทรัพย์จะปรับตัวขึ้น คุณสามารถเปิดสถานะ Long (ซื้อสัญญาฟิวเจอร์) แต่ถ้าเชื่อว่าราคาจะลง คุณสามารถเปิดสถานะ Short (ขายสัญญาฟิวเจอร์) ความยืดหยุ่นนี้ทำให้ฟิวเจอร์สามารถใช้งานได้ทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลง


กลยุทธ์การเทรดฟิวเจอร์

Futures Trading Strategies

การตามเทรนด์ (Trend Following)

กลยุทธ์นี้คือการระบุทิศทางของตลาดที่ชัดเจน แล้วใช้สัญญาฟิวเจอร์เปิดสถานะเพื่อ “ขี่เทรนด์” โดยมักใช้ตัวชี้วัดอย่างค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) และอินดิเคเตอร์โมเมนตัมช่วยในการหาจังหวะเข้า-ออกตลาด


การเทรดสเปรด (Spread Trading)

กลยุทธ์นี้เกี่ยวกับการซื้อสัญญาฟิวเจอร์หนึ่งสัญญา พร้อมกับขายสัญญาที่เกี่ยวข้องอีกหนึ่งสัญญาในเวลาเดียวกัน เพื่อทำกำไรจากส่วนต่างของราคา เช่น นักเทรดอาจซื้อฟิวเจอร์น้ำมันดิบเดือนธันวาคมและขายฟิวเจอร์เดือนมีนาคม เพื่อเก็งกำไรจากความผันผวนของราคาตามฤดูกาล


Scalping and Day Trade

นักเทรดบางกลุ่มมองหาการเคลื่อนไหวของราคาที่เล็ก ๆ ภายในวันเดียว โดยเปิดและปิดสถานะอย่างรวดเร็ว ตลาดฟิวเจอร์มีสภาพคล่องสูงและใช้เลเวอเรจได้ดี จึงเหมาะสำหรับกลยุทธ์นี้


การป้องกันความเสี่ยง (Hedging)

นักลงทุนและบริษัทใช้ฟิวเจอร์เพื่อป้องกันความเสี่ยงในส่วนอื่นของพอร์ต เช่น นักลงทุนที่ถือหุ้นเทคโนโลยีในสถานะซื้อ อาจเปิดสถานะขายฟิวเจอร์ดัชนี Nasdaq เพื่อลดความผันผวนในกลุ่มหุ้นเทคโนโลยี


ตัวอย่างจริง


การป้องกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน

สายการบินที่คาดว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้น อาจซื้อสัญญาฟิวเจอร์น้ำมันเพื่อล็อกต้นทุนปัจจุบัน ช่วยให้ต้นทุนเชื้อเพลิงคงที่แม้ราคาจะเพิ่มขึ้น และช่วยให้บริษัทวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


การรับความเสี่ยงจากดัชนีหุ้น

นักลงทุนที่คาดว่าดัชนี S&P 500 จะปรับตัวลดลงในระยะสั้น อาจขายสัญญาฟิวเจอร์ S&P เพื่อป้องกันความเสี่ยงในพอร์ตหุ้น หากตลาดลดลง กำไรจากสถานะฟิวเจอร์จะช่วยชดเชยการขาดทุนจากหุ้นที่ถืออยู่


การเก็งกำไรในสินค้าเกษตร

นักเก็งกำไรที่เชื่อว่าสภาพภัยแล้งจะทำให้ราคาข้าวโพดปรับตัวสูงขึ้น อาจเปิดสถานะซื้อ ฟิวเจอร์ข้าวโพดไว้ หากสมมติฐานของเขาถูกต้อง เขาจะสามารถทำกำไรได้จากการขายสัญญาในราคาที่สูงขึ้นก่อนวันหมดอายุ


การเทรดฟิวเจอร์ในปี 2025: มีอะไรใหม่บ้าง?


ในปี 2025 ตลาดฟิวเจอร์ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI), การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) และระบบเทรดความถี่สูง (High-Frequency Trading) การพัฒนาที่สำคัญได้แก่:


  • สัญญาฟิวเจอร์ขนาดเล็ก: สัญญาขนาดเล็กที่ช่วยให้ผู้ลงทุนรายย่อยเข้าถึงตลาดฟิวเจอร์ได้ง่ายขึ้น

  • ฟิวเจอร์ด้านสิ่งแวดล้อม: สัญญาที่อ้างอิงกับเครดิตคาร์บอน การปล่อยก๊าซเรือนกระจก และดัชนีที่เกี่ยวข้องกับ ESG

  • การปรับมาร์จิ้นแบบเรียลไทม์: แพลตฟอร์มที่ปรับเลเวอเรจอัตโนมัติตามความผันผวนของตลาด

  • การเทรดแบบกระจายศูนย์: บางแพลตฟอร์มกำลังสำรวจการเทรดฟิวเจอร์บนบล็อกเชน เพื่อเพิ่มความโปร่งใส


นวัตกรรมเหล่านี้ช่วยทำให้การเทรดฟิวเจอร์มีความครอบคลุมมากขึ้น โปร่งใส และสอดคล้องกับความต้องการของพอร์ตลงทุนยุคใหม่


ความเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง


แม้ว่าการเทรดฟิวเจอร์จะให้ผลตอบแทนที่สูง แต่ก็มีความเสี่ยงที่มากตามมา การใช้เลเวอเรจทำให้ทั้งกำไรและขาดทุนถูกขยายออกไป การเคลื่อนไหวของราคาที่ไม่เป็นใจเพียงเล็กน้อย อาจทำให้คุณสูญเสียเป็นเปอร์เซ็นต์มากเมื่อเทียบกับมาร์จิ้นเริ่มต้น


ความผันผวนของตลาด เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ และการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยหรืออุปทานสินค้าโภคภัณฑ์ ล้วนส่งผลให้ราคาปรับตัวอย่างรวดเร็วได้


นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงเรื่อง Slippage และการดำเนินการคำสั่งซื้อขายที่ไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะในตลาดที่เคลื่อนไหวเร็ว สำหรับมือใหม่ การบริหารความเสี่ยงที่ผิดพลาดอาจทำให้บัญชีเทรดหมดเงินอย่างรวดเร็ว


บทสรุป


สรุปได้ว่า การเทรดฟิวเจอร์เปิดโอกาสมากมาย ไม่ว่าจะเพื่อป้องกันความเสี่ยง สร้างรายได้ หรือเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของตลาด แต่ความเสี่ยงก็สูงไม่แพ้กัน


สำหรับมือใหม่ การเริ่มต้นด้วยบัญชีทดลอง (Demo Account) ศึกษาข้อมูลย้อนหลัง และปฏิบัติตามกลยุทธ์ที่มีโครงสร้างชัดเจนเป็นสิ่งจำเป็น เมื่อมีความมั่นใจมากขึ้น การเปิดสถานะจริงในขนาดเล็กพร้อมกับการควบคุมความเสี่ยงอย่างเข้มงวด จะช่วยให้คุณพัฒนาทักษะและก้าวหน้าได้อย่างมั่นคง


คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

เทรดทอง Gold Spot VS Gold Future ต่างกันยังไง? รู้ไว้ก่อนลงทุน!

เทรดทอง Gold Spot VS Gold Future ต่างกันยังไง? รู้ไว้ก่อนลงทุน!

เรียนรู้การเทรดทอง Gold Spot อย่างละเอียด ตั้งแต่ความหมาย วิธีเทรด ข้อแตกต่างกับ Gold Future ปัจจัยกระทบราคา และเทคนิคทำกำไรในตลาดขาขึ้น-ขาลง

2025-06-20
การสิ้นสุดเส้นทแยงมุมเข้ากับกลยุทธ์การซื้อขายของคุณอย่างไร?

การสิ้นสุดเส้นทแยงมุมเข้ากับกลยุทธ์การซื้อขายของคุณอย่างไร?

เรียนรู้วิธีระบุรูปแบบแนวทแยงที่สิ้นสุด ทำความเข้าใจโครงสร้าง และค้นหาสัญญาณการกลับตัวที่สำคัญโดยใช้การวิเคราะห์คลื่นเอลเลียต

2025-06-20
ข้อใดไม่ใช่ตัวอย่างของกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยง?

ข้อใดไม่ใช่ตัวอย่างของกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยง?

ข้อใดไม่ใช่ตัวอย่างของกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงในการซื้อขาย เปิดเผยความเข้าใจผิดทั่วไปที่ทำให้เกิดการสูญเสียในการซื้อขาย

2025-06-20