เจาะลึก IWM ETF: ผลตอบแทน การถือครอง และความเสี่ยง

กองทุน IWM ETF (iShares Russell 2000 ETF) เป็นหนึ่งในกองทุน ETF ที่มีการซื้อขายมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยมอบโอกาสในการลงทุนในกลุ่มหุ้นขนาดเล็กของสหรัฐฯ อย่างหลากหลาย จึงเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับนักลงทุนที่ต้องการแสวงหาโอกาสเติบโตนอกเหนือจากหุ้นขนาดใหญ่ ไม่ว่าคุณจะกำลังสร้างพอร์ตการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงหรือกำลังวางแผนกลยุทธ์เฉพาะทาง การทำความเข้าใจพื้นฐานของ IWM ถือเป็นสิ่งสำคัญ

IWM คืออะไร?

IWM ETF (iShares Russell 2000 ETF) เปิดตัวโดย BlackRock ภายใต้แบรนด์ iShares ซึ่งมีจุดมุ่งหมายในการติดตามดัชนี Russell 2000 ซึ่งหมายถึงดัชนีมาตรฐานที่ประกอบด้วยบริษัทขนาดเล็กประมาณ 2,000 แห่งในตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยบริษัทเหล่านี้มักมีขนาดเล็กกว่าบริษัทในดัชนี S&P 500

IWM เปิดตัวในเดือนพฤษภาคม ปี 2000 และเติบโตขึ้นเป็นกองทุนสำคัญที่ใช้เข้าถึงกลุ่มหุ้นขนาดเล็กของสหรัฐฯ กองทุนนี้ให้การลงทุนแบบ Passive ซึ่งหมายความว่ามุ่งเน้นการจำลองผลตอบแทนของดัชนี Russell 2000 แทนที่จะพยายามเอาชนะดัชนี

นักลงทุนทั้งรายย่อยและสถาบันนิยมใช้ IWM ในหลากหลายกลยุทธ์ ทั้งเพื่อป้องกันความเสี่ยง (hedging) การเทรดระยะสั้น หรือการลงทุนระยะยาว อีกทั้งปริมาณการซื้อขายที่สูงยังทำให้เป็นที่นิยมในหมู่นักเทรดออปชันและ Day Trader

ขนาดกองทุน สภาพคล่อง และอัตราค่าใช้จ่าย

 ณ กลางปี 2025 IWM ETF มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) มากกว่า 65 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งใน ETF ที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มหุ้นขนาดเล็กทั่วโลก ปริมาณการซื้อขายรายวันมากกว่า 25 ล้านหุ้น สะท้อนถึงสภาพคล่องสูงและส่วนต่างสเปรดที่แคบ

ในด้านค่าใช้จ่าย IWM มีอัตราค่าใช้จ่ายที่ 0.19% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานของ ETF ที่ติดตามตลาดเฉพาะหรือมีความผันผวนสูง แม้จะสูงกว่า ETF ขนาดใหญ่บางตัว เช่น VOO หรือ SPY แต่ก็นับว่าเหมาะสมเมื่อพิจารณาจากความซับซ้อนของดัชนีที่ติดตาม

สภาพคล่องสูงของ IWM เป็นจุดเด่นสำคัญสำหรับนักเทรดและนักลงทุนสถาบัน เนื่องจากสามารถเข้าซื้อหรือขายได้อย่างรวดเร็วโดยมีการเลื่อนราคาน้อยที่สุด ซึ่งเหนือกว่ากองทุนหุ้นขนาดเล็กอื่นที่มีสภาพคล่องต่ำ

องค์ประกอบพอร์ตและหุ้นที่ถือครองสูงสุด

IWM ETF ติดตามบริษัทประมาณ 1,940 แห่ง ครอบคลุมกลุ่มอุตสาหกรรมหลากหลาย โดยเน้นหนักในกลุ่มอุตสาหกรรม สุขภาพ การเงิน และสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็น

เนื่องจากเป็นดัชนีแบบถ่วงน้ำหนักตามมูลค่าตลาด จึงไม่มีบริษัทใดบริษัทหนึ่งที่มีผลกระทบมากเกินไปต่อผลตอบแทนรวมของกองทุน ซึ่งแตกต่างจาก ETF ขนาดใหญ่ที่มีหุ้นอย่าง Apple หรือ Microsoft เป็นตัวหลัก

โดยทั่วไป หุ้นที่ถือครองมากที่สุดในกองทุนจะมีสัดส่วนไม่เกิน 0.5% และมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เนื่องจากมูลค่าตลาดของหุ้นขนาดเล็กมีการผันผวนและมีการปรับสมดุลเป็นประจำ ตัวอย่างหุ้นใหญ่บางตัว (ณ ข้อมูลล่าสุด) ได้แก่:

• Super Micro Computer,Inc.

• Axon Enterprise,Inc.

• First Citizens BancShares,Inc.

อย่างไรก็ตาม รายชื่อของหุ้นชั้นนำมักมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เนื่องจากการปรับสมดุลของมูลค่าตลาดและความผันผวนในกลุ่มหุ้นขนาดเล็ก

ผลตอบแทนและความเสี่ยง

ผลงานในอดีตของ IWM ETF  มีความแตกต่างจากดัชนีหุ้นขนาดใหญ่ เช่น S&P 500 อย่างชัดเจน หุ้นขนาดเล็กมักมีความผันผวนมากกว่า แต่ในบางช่วงเศรษฐกิจ เช่น ระยะเริ่มต้นของการฟื้นตัว หรือช่วงเศรษฐกิจเติบโตแรง มักให้ผลตอบแทนที่ดี

ผลตอบแทนรวมเฉลี่ยต่อปีของ IWM ETF (ข้อมูลปี 2025):

• 1 ปี: +6.2%

• 3 ปี: +4.8%

• 5 ปี: +7.1%

• 10 ปี: +8.5%

ค่าความเสี่ยงเบต้าอยู่ที่ประมาณ 1.3 ซึ่งหมายถึงความผันผวนสูงกว่าดัชนี S&P 500 นักลงทุนควรพิจารณาค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ซึ่งบ่งบอกถึงระดับความเสี่ยงและความผันผวนของราคาที่เพิ่มขึ้น

IWM ETF มักมีผลตอบแทนต่ำในช่วงตลาดตกต่ำหรือช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทขนาดเล็กมักมีงบดุลอ่อนแอกว่าและมีอำนาจในการตั้งราคาน้อยกว่า อย่างไรก็ตาม ในช่วงเศรษฐกิจขยายตัว IWM มักจะทำผลงานได้ดีกว่า จึงเหมาะกับผู้ลงทุนที่มีความสามารถในการรับความเสี่ยงสูง

นักลงทุนที่เหมาะสมและการใช้งาน

IWM ETF เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนไปยังกลุ่มหุ้นขนาดเล็กของสหรัฐฯ โดยอาจใช้เป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตหลัก (Core-Satellite) หรือใช้ในเชิงกลยุทธ์ระยะสั้น โดยสามารถตอบโจทย์ได้ในหลายด้านเช่น:

• พอร์ตการลงทุนที่ต้องการกระจายการถือครองในตลาดหุ้นสหรัฐฯ

• การจัดสรรเชิงกลยุทธ์ในช่วงที่คาดว่าหุ้นขนาดเล็กจะมีผลตอบแทนสูง

• กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงด้วยสภาพคล่องและออปชันที่เข้าถึงง่าย

อย่างไรก็ตาม กองทุนนี้อาจไม่เหมาะกับนักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยงสูง หรือผู้ที่ต้องการรายได้สม่ำเสมอจากเงินปันผล เนื่องจากบริษัทขนาดเล็กมักยังไม่มั่นคงและมีความผันผวนมาก

อีกทั้ง IWM ETF ไม่มีการคัดกรองตามเกณฑ์ ESG ดังนั้น นักลงทุนที่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมหรือจริยธรรม อาจต้องพิจารณากองทุนทางเลือกอื่นในกลุ่มหุ้นขนาดเล็ก

สรุป

IWM ETF เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพและมีสภาพคล่องสูงสำหรับการลงทุนในหุ้นขนาดเล็กของสหรัฐฯ เกือบ 2,000 บริษัท ภายในกองทุนเดียว ซึ่งเหมาะทั้งสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่มองหาการเติบโต และนักเทรดที่ต้องการใช้ประโยชน์จากความผันผวนของตลาด

แม้จะมีความเสี่ยงสูงและความผันผวนของราคามากกว่ากองทุนที่เน้นหุ้นขนาดใหญ่ แต่ IWM ก็ถือเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักลงทุนที่เข้าใจธรรมชาติของการลงทุนในหุ้นขนาดเล็ก ด้วยสภาพคล่องที่แข็งแกร่ง พอร์ตที่กระจายความเสี่ยงอย่างดี และผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น IWM จึงยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในปี 2025 สำหรับผู้ที่พร้อมรับมือกับความผันผวนเพื่อคว้าโอกาสในการเติบโต

คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ