นักลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์ใช้เทคนิคเทรดที่ต่างกัน หนึ่งในเทคนิคที่นิยมคือ “หุ่นยนต์ช่วยเทรด” หรือ Forex Trading Robot ที่วิเคราะห์สถานการณ์ได้รวดเร็ว
ในตลาดเงินฟอเร็กซ์ นักลงทุนแต่ละคนจะมีเทคนิคในการเทรดเพื่อสร้างผลตอบแทนที่แตกต่างกัน และหนึ่งในเทคนิคที่กำลังเป็นที่นิยม และเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ คือ “หุ่นยนต์ช่วยเทรด” หรือ Forex Trading Robot ที่มีความสามารถในการวิเคราะห์สถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถเรียงลำดับตัวเลือกที่มีความน่าจะเป็นได้ และที่สำคัญที่สุดคือหุ่นยนต์ช่วยเทรดจะไม่คล้อยตามอารมณ์ของมนุษย์ จะทำหน้าที่วิเคราะห์และให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมาเท่านั้น ส่วนนักลงทุนจะเชื่อตามบทวิเคราะห์หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนักลงทุนเอง
หุ่นยนต์ช่วยเทรด หรือ Forex Trading Robot เปรียบเสมือนผู้เชี่ยวชาญที่คอยให้คำปรึกษา โดยเทคโนโลยีนี้ทำหน้าที่ซื้อ-ขายอัตโนมัติ และทำหน้าที่เปิด-ปิดการเทรด ตามโปรแกรมที่ออกแบบมาในเวลาที่กำหนด โดยที่ปราศจากการแทรกแซงจากมนุษย์
เทคโนโลยีนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 90 และได้รับการพัฒนาเรื่อยมา เนื่องจากผู้ใช้งานต้องการความรวดเร็วในการประมวลผล รวมไปถึงต้องการความแม่นยำ และต้องการให้เทคโนโลยีสามารถทำงานด้วยระบบอัตโนมัติได้ จึงทำให้ผู้พัฒนาต้องเพิ่มขีดความสามารถของเทคโนโลยีเพื่อให้รองรับได้เพียงพอต่อความต้องการใช้งาน
โดยในช่วงแรกของการพัฒนาระบบ เป็นช่วงที่ใช้สายเคเบิลใยแก้วนำแสงเป็นตัวส่งสัญญาณ ทำให้หุ่นยนต์ช่วยเทรดสามารถประมวลผลได้ด้วยเวลาเฉลี่ย 6.55 มิลลิวินาที ต่อมาได้มีบริษัทโบรกเกอร์บางแห่งได้ทดลองส่งสัญญาณผ่านคลื่นวิทยุที่มีขนาดเล็ก ระบบก็สามารถประมวลผลได้ด้วยเวลาเฉลี่ย 4.25 มิลลิวินาที ช่วยให้นักลงทุนที่ใช้ระบบนี้มีความได้เปรียบในการ เทรดฟอเร็กซ์เป็นอย่างมาก แต่ที่สุดแล้วด้วยค่าใช้จ่ายที่สูง บวกกับสัญญาณที่ยังไม่มีความเสถียร ทำให้ในช่วงแรกของการพัฒนาหุ่นยนต์ช่วยเทรด ให้ผลลัพธ์ที่ไม่แม่นยำ อีกทั้งยังพบกับปัญหาสัญญาณหน่วง และกระตุกในบางครั้งด้วย
แต่ในยุคปัจจุบันที่เรามีเทคโนโลยีสื่อสาร 5G หุ่นยนต์ช่วยเทรดก็ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ จนมีความเร็วในการประมวลผลแบบเสถียรเฉลี่ยอยู่ที่ 20 มิลลิวินาที ซึ่งเร็วและแรงพอที่นักลงทุนจะใช้เป็นเครื่องมือสำหรับผู้ช่วยเทรดส่วนตัว นอกเหนือจากนี้ยังมีระบบ AI เข้ามาช่วยระบบอัลกอริทึมแบบคณิตศาสตร์เดิม ซึ่งการเรียนรู้ของ AI สามารถช่วยวิเคราะห์สถานการณ์และแนะนำนักลงทุนให้ตัดสินใจเทรดได้มากกว่า 60-80% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด ซึ่งนักลงทุนต้องใช้ความรู้ และความสามารถของตัวเองเป็นตัวช่วยตัดสินใจร่วมด้วย จึงจะเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดให้มีความแม่นยำมากขึ้น
หุ่นยนต์ช่วยเทรดมีการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา โดยหน้าที่หลักคือการซื้อ-ขายอัตโนมัติแบบทันที ในขณะที่จังหวะซื้อ-ขายนั้นหากเป็นมนุษย์จะมีการหยุดเพื่อวิเคราะห์ ตัดสินใจ ก่อนจะลงมือเทรด ทำให้เสียเวลาและช่วงจังหวะที่มีค่าไป ดังนั้นจึงเรียกได้ว่าหุ่นยนต์ช่วยเทรดสามารถใช้เป็นเครื่องมือช่วยตัดภาวะทางอารมณ์ได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ที่น่าสนใจสำหรับหุ่นยนต์ช่วยเทรดอีกคือ
1. ช่วยวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลจำนวนมากได้ในเวลาอันรวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ที่กำลังเทรดได้ด้วย
2. ทำการเปิดคำสั่งซื้อ-ขายแบบอัตโนมัติ ในกรณีที่นักลงทุนมีความจำเป็นต้องทำภาระหน้าที่อื่น หรือไม่สามารถเทรดได้ด้วยตัวเอง
3. มีระบบจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ ไม่มีความอ่อนไหวทางอารมณ์ และนักลงทุนสามารถปรับแต่งให้ระบบทำงาน และหยุดการทำงานได้ตามเวลาที่กำหนด
ถึงแม้ว่าหุ่นยนต์ช่วยเทรดจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุน แต่นักลงทุนจะสร้างความได้เปรียบให้แก่ตัวเองได้ก็ต่อเมื่อ ตัวนักลงทุนเองมีความรู้ในสินทรัพย์ที่กำลังเทรด และมีพื้นฐานเกี่ยวกับการลงทุนที่ดี รวมไปถึงมีจิตวิทยาการลงทุน องค์ประกอบเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมให้ผลลัพธ์การเทรดมีผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจมากขึ้นได้
ข้อสงวนสิทธิ์: เนื้อหานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีจุดมุ่งหมาย (และไม่ควรถือเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรืออื่น ๆ ที่ควรเชื่อถือได้ ไม่มีการให้ความเห็นในเนื้อหาที่ถือเป็นคำแนะนำโดย EBC หรือผู้เขียนว่าการลงทุน การรักษาความปลอดภัย ธุรกรรม หรือกลยุทธ์การลงทุนใดๆ นั้นเหมาะสำหรับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ