ตลาดหุ้นญี่ปุ่นร่วงลงต่ำกว่า 38,000 จุด เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแต่ซื้อหุ้นเงินสด แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่ต่อเนื่อง
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นร่วงลงต่ำกว่า 38,000 จุดในวันพุธ เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติเทขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอย่างหนัก แต่ซื้อหุ้นเงินสดแทน ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเงินที่เหนียวแน่นไม่ได้สูญเสียความเชื่อมั่นในตลาด
ดัชนี Nikkei จะเพิ่มขึ้น 7% ไปที่ 40,000 ภายในสิ้นปี ก่อนที่จะพุ่งขึ้นแตะ 42,000 ภายในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 และแตะระดับสูงสุดที่ 42,500 ภายในสิ้นปี 2568 ซึ่งบ่งชี้ว่ามีแนวโน้มที่ดัชนีจะพุ่งขึ้นได้อีก โดยผลสำรวจค่ามัธยฐานแสดงให้เห็น
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ที่สำรวจคาดการณ์ว่าผลประกอบการจะดีเกินคาดในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยนักวิเคราะห์ประมาณครึ่งหนึ่งเชื่อว่าการปรับฐานเพิ่มเติม 10% หรือมากกว่านั้นภายในสิ้นเดือนกันยายนน่าจะเกิดขึ้น
ดัชนี Nikkei พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเหนือ 42,000 จุดเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม แต่จากนั้นก็ลดลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากค่าเงินเยนฟื้นตัวอย่างมากจากระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปลายปี 2529 ความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ กระตุ้นให้เกิดการเทขายมากขึ้น
ดัชนีแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เทศกาลฮาโลวีนและสิ้นสุดด้วยการลดลงวันเดียวครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วันแบล็กมันเดย์ในปี 2530 เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ก่อนที่ข้อมูลของสหรัฐฯ ที่ดีขึ้นและธนาคารกลางญี่ปุ่นจะช่วยรักษาเสถียรภาพของตลาด
นักยุทธศาสตร์ของ Goldman Sachs กล่าวว่า ตลาดได้เห็น "การถดถอยของโมเมนตัม" ประมาณเจ็ดครั้ง โดยลดลงประมาณ 7% ถึง 8% จากจุดสูงสุดจนถึงจุดต่ำสุด และโดยปกติแล้วจะใช้เวลาประมาณสองเดือนจึงจะฟื้นตัวจากเหตุการณ์ดังกล่าว
Nikkei อยู่เหนือ SMA 200 ดังนั้นโมเมนตัมขาขึ้นน่าจะยังคงอยู่ แนวต้านเริ่มต้นอยู่ที่ SMA 50 ซึ่งหากสูงกว่านี้อาจเปิดช่องให้ทะลุ 39,000 ได้
คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ