การเทรด
เกี่ยวกับ EBC
สรุป
เมื่อวานนี้ ราคาทองคำปิดบวก ที่ระดับ 2,354.85 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 1.25% หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานออกมาอ่อนแอกว่าที่ตลาดคาด ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มกลับมาให้น้ำหนักกับการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเริ่มปรับลดดอกเบี้ยลงในเดือนกันยายนนี้
เมื่อวานนี้ราคาทองคำปิดบวกที่ระดับ 2,354.85 ดอลลาร์/ออนซ์เพิ่มขึ้น 1.25% หลังสหรัฐฯเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานออกมาอ่อนแอกว่าที่ตลาดคาดทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มกลับมาให้น้ำหนักกับการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)จะเริ่มปรับลดดอกเบี้ยลงในเดือนกันยายนนี้ถึงแม้ว่าเมื่อวานนี้ตัวเลขดัชนีภาคบริการสหรัฐฯ (PMI) ของ ISM จะออกมาดีและแสดงถึงการขยายตัวของภาคบริการถึง 53% ก็ตามโดยข้อมูลจาก CME FedWatch Tool แสดงตัวเลขที่นักลงทุนให้น้ำหนักกว่า 69% ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 50% ในสัปดาห์ที่แล้ว
มุมมองเทคนิคระยะสั้น-ราคาทองคำปรับฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องี้สู่บริเวณแนวต้านสำคัญของกรอบระยะสั้นที่2 ,370 สังเกต/จับตา-หากราคาทองคำยังไม่สามารถรักษาระดับเหนือกว่า 2,370 ได้จะแสดงถึงแนวโน้มการย่อตัวระยะสั้นๆจะยังคงอยู่ต่อไปและจะมี 2,357–2,335 เป็นโซนแนวรับสำหรับการวัดกำลังการย่อตัว ในทางกลับกันกรณีที่ราคาทองคำมีการปรับตัวสูงขึ้นและรักษาระดับเหนือกว่า 2,370 จะทำให้ราคาทองคำเข้าสู่โครงสร้างที่ใหญ่กว่าโดยจะมี 2390–2405 เป็นแนวต้านของโครงสร้างการปรับฐานที่น่าจับตา สรุปสั้น-ราคาทองคำจะยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อไปตราบใดที่ยังสามารถรักษาระดับการเคลื่อนไหวเหนือกว่าโซน 2,357–2,335
แนวต้าน 2,370–2,390–2,405
แนวรับ 2,357–2,335–2,320–2,306
คำเตือนความเสี่ยง:ข้อมูลในการนำเสนอนี้มีเจตนาเพื่อการศึกษาเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนซึ่งความเสี่ยงของการซื้อขายForexมีจำนวนมากคุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบและประเมินความเสี่ยงให้เหมาะสมสถานการณ์ทางการเงินของคุณบริษัทและผู้แบ่งปันความรู้ในข้อความหรือโพสต์นี้จะไม่รับผิดชอบใดๆกรณีเกิดความเสียหายอันเนื่องมาจากการซื้อขาย
ราคาน้ำมันดิบทรงตัวในวันศุกร์ โดยมีแนวโน้มลดลงเป็นรายสัปดาห์ เนื่องจากท่าทีระมัดระวังของเฟดและอีซีบี ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจทั่วโลก
2024-12-20
ดัชนีราคา PCE เดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 2.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน ตามที่คาดการณ์ไว้ หากไม่รวมอาหารและพลังงาน อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน
2024-12-20
หุ้นสหรัฐฯ ร่วงลง โดยดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ นักกลยุทธ์หลายคนมองว่าหุ้นของ Tesla อาจปรับตัวขึ้นได้อีก ขณะที่หุ้นของ Tesla พุ่งแตะระดับสูงสุดใหม่
2024-12-19
