การประชุม FED คืออะไร ทำไมตลาดการเงินทั่วโลกต้องจับตามองทุกครั้งที่เฟดประชุม วิเคราะห์บทบาทสำคัญของ FOMC ปี 2025 พร้อมสิ่งที่นักลงทุนต้องโฟกัส
การประชุม FED ถือเป็นอีกหนึ่งวาระการประชุมที่นักลงทุนในทุกตลาด ไม่ว่าจะเป็น Forex หุ้น ทองคำ หรือแม้แต่คริปโตฯ ให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะเป็นการกำหนดทิศทางและแนวโน้มของเศรษฐกิจโลกในฐานะธนาคารกลางของประเทศมหาอำนาจนั้น ยังส่งผลกับอารมณ์และสภาวะของตลาดสินทรัพย์เสี่ยงด้วย
บทความนี้จะพาผู้อ่านทำความเข้าใจว่า การประชุม FED คืออะไร มีความสำคัญอย่างไรต่อระบบเศรษฐกิจและตลาดการเงินโลก FED ประชุมปีละกี่ครั้ง ล่าสุดวันไหน และสิ่งที่นักลงทุนควรจับตามองคืออะไร เพื่อคลายทุกข้อสงสัยก่อนเริ่มต้นวิเคราะห์และประเมิณแนวโน้มตลาดการลงทุนอย่างแม่นยำ
การประชุมเฟด (Federal Open Market Committee – FOMC Meeting) คือการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve) ซึ่งเป็นผู้กำหนดทิศทางของนโยบายการเงินสหรัฐฯ โดยเฉพาะในเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบาย การดำเนินมาตรการผ่อนคลายหรือเข้มงวดทางการเงิน ตลอดจนการจัดการสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ การประชุมนี้จัดขึ้นโดยคณะกรรมการ FOMC ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกทั้งหมด 12 คน ได้แก่ คณะผู้ว่าการของธนาคารกลางสหรัฐ (7 คน) และประธานธนาคารกลางในเขตต่าง ๆ ของสหรัฐอีก 5 คน โดยมีการหมุนเวียนตำแหน่งกรรมการผู้มีสิทธิ์ออกเสียง
วัตถุประสงค์หลักของการประชุมเฟดคือการพิจารณาสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ เพื่อกำหนดแนวนโยบายการเงินที่เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจในช่วงเวลานั้น ๆ Ffpการตัดสินใจของเฟดมีผลต่อระดับอัตราดอกเบี้ย การปล่อยสินเชื่อ และการไหลเวียนของเงินในระบบเศรษฐกิจ ส่งผลต่อเนื่องไปยังตลาดทุน ตลาดเงิน ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น ทองคำ น้ำมัน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจมีความเปราะบางหรือเผชิญกับวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ภาวะเงินเฟ้อสูง หนี้สาธารณะล้นตัว หรือความไม่แน่นอนทางการเมือง
การประชุมเฟดไม่ใช่แค่การหารือเชิงนโยบายธรรมดา ๆ แต่เป็นกลไกสำคัญในการส่งสัญญาณเชิงเศรษฐกิจและการเงินออกสู่ตลาดทั่วโลก เพราะการตัดสินใจของเฟด ไม่ว่าจะเป็นการปรับขึ้นหรือลดอัตราดอกเบี้ย หรือแม้แต่การคงอัตราไว้เท่าเดิม ล้วนส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคาสินทรัพย์ ความเชื่อมั่นของนักลงทุน และแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจในระดับโลก อัตราดอกเบี้ยที่เฟดกำหนดมีผลต่ออัตราดอกเบี้ยทั่วทั้งระบบ เช่น ดอกเบี้ยเงินกู้ ดอกเบี้ยจำนอง และต้นทุนทางการเงินของภาคธุรกิจ การขึ้นดอกเบี้ยอาจช่วยควบคุมเงินเฟ้อ แต่ก็ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอลง ขณะที่การลดดอกเบี้ยสามารถกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนได้ แต่ก็อาจเร่งภาวะเงินเฟ้อให้รุนแรงขึ้นได้เหมือนกัน
นอกจากเรื่องดอกเบี้ย การประชุมเฟดยังสะท้อนมุมมองของคณะกรรมการต่อภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลก เช่น การประเมินสถานการณ์ตลาดแรงงาน ความแข็งแกร่งของผู้บริโภค และเสถียรภาพของระบบการเงิน นักวิเคราะห์ทั่วโลกจึงจับตาแถลงการณ์และคำให้สัมภาษณ์จากประธานเฟดอย่างละเอียด เพื่อวางแผนกลยุทธ์การลงทุนในอนาคตต่อไป
โดยทั่วไป FOMC จะประชุมทั้งหมด 8 ครั้งต่อปี หรือประมาณทุก 6 สัปดาห์ โดยแต่ละครั้งจะมีการเปิดเผยแถลงการณ์สรุปผลการประชุม (FOMC Statement) และบางรอบจะมีการจัดแถลงข่าวโดยประธานเฟดเพิ่มเติมด้วย อีกทั้งในทุกไตรมาส (มีนาคม มิถุนายน กันยายน และธันวาคม) เฟดจะเผยแพร่ "Summary of Economic Projections" ที่นักลงทุนให้ความสำคัญมาก เพราะประกอบด้วยการคาดการณ์สำคัญเกี่ยวกับเศรษฐกิจดังนี้
อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ (GDP)
อัตราเงินเฟ้อ
อัตราดอกเบี้ยนโยบายในอนาคต (Dot Plot)
อัตราการว่างงาน
ขณะที่การประชุม FED ครั้งล่าสุดในปี 2025 นั้น เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25% ถึง 4.50% นับเป็นครั้งที่สี่ติดต่อกันแล้ว ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจปีนี้นั้น ถูกลงเหลือ 1.4% ทำให้นักวิเคราะห์เริ่มคาดการณ์ว่า Fed อาจจะเริ่มพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปี 2568 หรือต้นปี 2569 เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิถูกปรับลงมา และถ้าข้อมูลเศรษฐกิจสนับสนุนว่าเงินเฟ้อได้ถูกควบคุมลงมาอยู่ในเป้าหมาย หรือเศรษฐกิจไม่ได้อยู่ในภาวะที่ร้อนแรงจนเกินไป แต่ถึงกระนั้น การตัดสินใจดังกล่าวก็ยังคงมีความไม่แน่นอนสูงและขึ้นอยู่กับพัฒนาการของสถานการณ์ทางเศรษฐกิจเป็นหลัก
1. อัตราดอกเบี้ยนโยบาย: ตัวชี้วัดสำคัญที่สุดของการประชุมเฟด นักลงทุนจะจับตาดูว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม ปรับเพิ่ม หรือปรับลด การปรับขึ้นดอกเบี้ยมักเป็นสัญญาณว่านโยบายการเงินอยู่ในช่วงตึงตัว เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ขณะที่การลดดอกเบี้ยมักหมายถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลต่อสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นและค่าเงินทันที
2. ภาษาที่ใช้ในแถลงการณ์: แม้เฟดจะไม่เปลี่ยนดอกเบี้ย แต่การเลือกใช้คำในแถลงการณ์ เช่น "strong" (แข็งแกร่ง), "moderate" (ปานกลาง), "uncertain" (ไม่แน่นอน) หรือ "inflation remains elevated" (เงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง) ล้วนเป็นตัวบ่งชี้ว่าเฟดมีมุมมองต่อเศรษฐกิจอย่างไร ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตลาดได้อย่างมีนัยสำคัญ
3. Dot Plot: เป็นแผนภูมิที่แสดงมุมมองของสมาชิก FOMC แต่ละคนต่อแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในอนาคต โดยแต่ละจุดแทนค่าการคาดการณ์ในปีปัจจุบัน ปีหน้า และระยะยาว นักลงทุนใช้ Dot Plot เพื่อประเมินว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกกี่ครั้ง และที่ระดับใด ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการคาดการณ์เส้นทางของนโยบายการเงินล่วงหน้า
4. มุมมองต่อเงินเฟ้อและการเติบโต: รายงานประมาณการเศรษฐกิจของเฟด (Summary of Economic Projections) ให้ข้อมูลว่าคณะกรรมการมองแนวโน้มของอัตราเงินเฟ้อ การเติบโตของ GDP และตลาดแรงงานไว้อย่างไร หากเฟดมองว่าเงินเฟ้อจะยังสูงเกินเป้าหมายระยะกลาง (2%) ตลาดจะคาดการณ์ว่าเฟดอาจยังคงใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดต่อไป
5. ท่าทีของประธานเฟด: การแถลงข่าวของประธาน Jerome Powell หลังการประชุมเป็นช่วงเวลาที่ตลาดตอบสนองไวที่สุด เพราะเขาอาจให้ข้อมูลเชิงลึกที่ไม่ได้อยู่ในแถลงการณ์ เช่น ความเสี่ยงในระบบการเงิน ท่าทีต่อสงครามการค้า หรือแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงาน ถ้อยแถลงแต่ละคำสามารถพลิกตลาดได้ในเวลาไม่กี่นาที
นอกจากนี้ นักลงทุนยังควรจับตา "การเปลี่ยนแปลงน้ำหนักคะแนนเสียง" ของคณะกรรมการ FOMC ซึ่งมีการสับเปลี่ยนในแต่ละปี เพราะอาจทำให้ท่าทีของคณะกรรมการเปลี่ยนไปในเชิง Hawkish หรือ Dovish ได้ ขณะเดียวกัน ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ ภาวะเศรษฐกิจโลก และแนวโน้มเงินเฟ้อในประเทศอื่น ๆ ก็ล้วนมีผลต่อการตัดสินใจของเฟด ทำให้นักลงทุนต้องติดตามบริบทภาพรวมอย่างรอบด้าน ทั้งจากแถลงการณ์ของเฟดเอง และจากข้อมูลเศรษฐกิจอื่น ๆ เช่น ดัชนี CPI, ดัชนี PCE, รายงานการจ้างงาน (Nonfarm Payrolls) และตัวเลข GDP สหรัฐฯ ที่เผยแพร่ก่อนหรือหลังการประชุมแต่ละรอบ
การประชุมเฟดในแต่ละปีสำคัญมากต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยง เพราะเป็นจุดที่กำหนดทิศทางของนโยบายการเงินในสหรัฐฯ ซึ่งมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโลกสูง การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยจากการประชุมเฟดส่งผลต่อพฤติกรรมการกู้ยืม การบริโภค การลงทุน ไปจนถึงกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ นักลงทุนทั่วโลกใช้ข้อมูลจากผลการประชุมเหล่านี้ในการวางกลยุทธ์ ปรับพอร์ต และประเมินความเสี่ยงของตลาดในอนาคต
อีกทั้งแถลงการณ์และท่าทีของประธานเฟดต่อแนวโน้มเศรษฐกิจยังเป็นจุดที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะทุกถ้อยคำสามารถสะท้อนจุดยืนของเฟดในอนาคต เช่น การคุมเข้มเงินเฟ้อ ความเสี่ยงจากภาวะถดถอย หรือการตอบสนองต่อความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ทำให้ปี 2025 จึงเป็นอีกหนึ่งปีที่จ้องควรเฝ้าระวังการประชุมเฟดอย่างรอบคอบ เพราะทุกการเคลื่อนไหวมีผลต่อราคาสินทรัพย์ทั่วโลกนั่นเอง
Q: การประชุมเฟดจัดที่ไหน?
A: โดยปกติจะจัดที่สำนักงานใหญ่ของธนาคารกลางสหรัฐที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. แต่ในบางกรณีอาจมีการประชุมทางไกลหรือที่สาขาอื่น ๆ
Q: ทำไมตลาดถึงผันผวนช่วงเฟดประชุม?
A: เพราะนักลงทุนคาดการณ์ผลการประชุมล่วงหน้าและตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงของนโยบายดอกเบี้ยหรือถ้อยแถลงที่ออกมา
Q: FED คือใคร?
A: FED ย่อมาจาก Federal Reserve System หรือธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา ทำหน้าที่กำหนดนโยบายการเงิน ดูแลเสถียรภาพของเงินและระบบธนาคาร
Q: เฟดมีหน้าที่อะไรบ้าง?
A: ควบคุมอัตราดอกเบี้ย ดูแลอัตราเงินเฟ้อ ควบคุมปริมาณเงินในระบบ และเสริมสร้างเสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวม
คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใด ๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใด ๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
ตัดเสียงรบกวนด้วยกลยุทธ์การเทรด Forex ที่พิสูจน์แล้ว ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค อินดิเคเตอร์ที่สำคัญ รวมถึงการวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญของ EBC คลาสเรียนออนไลน์ และสัญญาณเตือนเทรดที่แม่นยำ
2025-08-07เปิดข้อมูลแนวรับ แนวต้าน คืออะไร เจาะลึกหัวใจของการวิเคราะห์กราฟ พร้อมกลยุทธ์ใช้เทรดจริงที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำและลดความเสี่ย ด้วยเทคนิคพื้นฐานที่ต้องรู้ก่อนเริ่มเทรดทุกตลาด
2025-08-07ติดตามราคาน้ำมันดิบเบรนท์และ WTI แบบเรียลไทม์ พร้อมปัจจัยขับเคลื่อนตลาด การคาดการณ์จากผู้เชี่ยวชาญ และความเคลื่อนไหววันนี้มีความหมายอย่างไรต่อผู้บริโภคและเศรษฐกิจโลก
2025-08-07