แต่ละสัญญาฟิวเจอร์จะมีวันหมดอายุที่กำหนด เมื่อใกล้ถึงวันหมดอายุ นักเทรดต้องปิดสถานะหรือเลื่อนสัญญาไปยังเดือนถัดไปเพื่อรักษาการเปิดสถานะไว้ ควรทราบขั้นตอนการเลื่อนสัญญาและค่าใช้จ่ายหรือการปรับราคาใด ๆ ที่เกี่ยวข้อง
เรียนรู้วิธีเทรด Oil Future ตั้งแต่การตั้งค่าบัญชีและประเภทสัญญาไปจนถึงกลยุทธ์ การจัดการความเสี่ยง และเคล็ดลับสำคัญสำหรับเทรดเดอร์
Oil Future คือสัญญาน้ำมันฟิวเจอร์ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีความเคลื่อนไหวสูง และเปิดโอกาสให้เทรดเดอร์ลงทุนในสินค้าคอมโมดิตี้ที่มีสภาพคล่องสูงและมีอิทธิพลมากที่สุดในโลก ไม่ว่าคุณจะต้องการป้องกันความเสี่ยง (hedge), เก็งกำไร (speculate) หรือกระจายความเสี่ยง การเข้าใจกลไกและความเสี่ยงของสัญญาฟิวเจอร์น้ำมัน เป็นสิ่งจำเป็นก่อนการเปิดออเดอร์ครั้งแรก
Oil Future คือสัญญาน้ำมันมาตรฐานที่เปิดโอกาสให้นักเทรดซื้อหรือขายปริมาณน้ำมันดิบตามที่กำหนดไว้ในราคาที่ตกลงกันล่วงหน้า โดยมีวันส่งมอบในอนาคต ดัชนีราคาหลักที่ใช้กันคือ West Texas Intermediate (WTI) และ Brent crude
สัญญาเหล่านี้ถูกซื้อขายในตลาดที่มีการควบคุม และได้รับอิทธิพลอย่างมากจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น อุปสงค์และอุปทานทั่วโลก เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ และข้อมูลเศรษฐกิจ
การเทรดสัญญาฟิวเจอร์น้ำมันมีข้อได้เปรียบหลายประการ ได้แก่:
เลเวอเรจ: สามารถควบคุมขนาดตำแหน่งที่ใหญ่ด้วยเงินทุนเริ่มต้นที่น้อย ช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไรและความเสี่ยงขาดทุนไปพร้อมกัน
สภาพคล่อง: สัญญาน้ำมัน เป็นหนึ่งในสัญญาที่มีการซื้อขายมากที่สุดในโลก ทำให้มีส่วนต่างราคาที่แคบและการดำเนินการที่รวดเร็ว
ความยืดหยุ่น: นักเทรดสามารถเปิดสถานะซื้อ (Long) หรือขาย (Short) เพื่อทำกำไรได้ทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง
การกระจายความเสี่ยง: การเพิ่มสินทรัพย์น้ำมันในพอร์ตลงทุนช่วยปรับสมดุล โดยเฉพาะในช่วงที่มีเงินเฟ้อหรือความผันผวนของตลาดสูง
1. เปิดบัญชีเทรดฟิวเจอร์
เพื่อเทรด Oil Future คุณต้องเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ที่ให้บริการเทรดฟิวเจอร์ เลือกประเภทบัญชีที่เหมาะกับเป้าหมายของคุณ — โดยปกติบัญชีเงินสด จะไม่สามารถเทรดฟิวเจอร์ได้ ดังนั้นควรเลือกบัญชีที่รองรับการเทรดแบบมาร์จิ้น และเติมเงินในบัญชีให้เพียงพอเพื่อให้ผ่านข้อกำหนดของมาร์จิ้น
2. ทำความเข้าใจประเภทและขนาดสัญญา
สัญญาฟิวเจอร์น้ำมันมีหลายขนาด ได้แก่:
สัญญามาตรฐาน: ปริมาณ 1,000 บาร์เรลต่อสัญญา (เช่น WTI หรือ Brent)
สัญญา E-mini และ Micro: ขนาดเล็กลง (เช่น E-mini: 500 บาร์เรล, Micro: 100 บาร์เรล) เหมาะสำหรับนักเทรดที่มีเงินทุนจำกัดหรือผู้ที่ต้องการบริหารความเสี่ยงอย่างแม่นยำมากขึ้น
การเลือกขนาดสัญญาที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้และกลยุทธ์การเทรดของคุณ
3. เรียนรู้กลไกของการซื้อขาย
สัญญาฟิวเจอร์น้ำมันมีการซื้อขายเกือบ 24 ชั่วโมงต่อวัน และ 6 วันต่อสัปดาห์ ทำให้นักเทรดสามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์โลกได้แบบเรียลไทม์ คุณสามารถเปิดสถานะซื้อ หากคาดว่าราคาจะขึ้น หรือเปิดสถานะขาย หากคาดว่าราคาจะลดลง
คำสั่งซื้อขายจะถูกส่งผ่านแพลตฟอร์มการเทรดของโบรกเกอร์ ที่คุณจะเลือกสัญญา กำหนดขนาดตำแหน่ง และเลือกประเภทคำสั่ง เช่น คำสั่งตลาด (Market Order), คำสั่งจำกัดราคา (Limit Order) หรือคำสั่งหยุด (Stop Order)
4. ติดตามวันหมดอายุและการเลื่อนสัญญา
5. วิเคราะห์ปัจจัยขับเคลื่อนตลาด
ราคาน้ำมันดิบได้รับอิทธิพลจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น:
เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์: ความขัดแย้ง หรือการตัดสินใจของกลุ่ม OPEC อาจทำให้ราคาผันผวนอย่างรวดเร็ว
อุปสงค์และอุปทาน: ข้อมูลคลังน้ำมัน ระดับการผลิต และการเติบโตทางเศรษฐกิจ มีผลต่อราคา
รายงานเศรษฐกิจมหภาค: ข้อมูลเศรษฐกิจ เช่น การจ้างงานหรืออัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ สามารถส่งผลต่อตลาดน้ำมันได้
การติดตามข่าวสารอย่างสม่ำเสมอและใช้การวิเคราะห์ทั้งเชิงพื้นฐานและเชิงเทคนิคจะช่วยให้คุณคาดการณ์การเคลื่อนไหวของตลาดและปรับกลยุทธ์การเทรดได้ดียิ่งขึ้น
ติดตามแนวโน้ม: ระบุและเทรดตามทิศทางของแนวโน้มหลักโดยใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) หรือดัชนีโมเมนตัม (Momentum Indicators)
เทรดในช่วงแนวรับ-แนวต้าน: ซื้อเมื่อราคาลงมาใกล้แนวรับ และขายเมื่อราคาอยู่ใกล้แนวต้าน ในช่วงที่ราคากำลังเคลื่อนไหวแบบ Sideways หรือพักตัว
เทรดตามเหตุการณ์: เปิดสถานะก่อนรายงานสำคัญหรือเหตุการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ที่คาดว่าจะส่งผลต่อตลาด
การป้องกันความเสี่ยง: ใช้สัญญาฟิวเจอร์เพื่อลดความเสี่ยงจากการถือครองในส่วนอื่นของพอร์ต เช่น หุ้นกลุ่มพลังงาน หรือการถือครองน้ำมันจริง
ฟิวเจอร์น้ำมันดิบมีเลเวอเรจสูงและความผันผวนมาก จึงทำให้การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญ:
ตั้งคำสั่ง Stop Loss: เพื่อปกป้องเงินทุนจากความผันผวนที่ไม่คาดคิดและการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่
ขนาดตำแหน่ง (Position Sizing): เลือกเทรดสัญญาที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่คุณรับได้และขนาดบัญชีของคุณ
การกระจายการลงทุน: หลีกเลี่ยงการลงทุนทั้งหมดในสัญญาหรือการเทรดเดียว
ฝึกฝนก่อน: ใช้บัญชีทดลองเพื่อฝึกกลยุทธ์ก่อนใช้เงินจริงในการเทรดจริง
สมมติว่าคุณคาดว่าราคาน้ำมันดิบ WTI จะเพิ่มขึ้น คุณซื้อสัญญามาตรฐาน 1 ฉบับ (1,000 บาร์เรล) ที่ราคา 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หากราคาขึ้นไปถึง 85 ดอลลาร์ คุณจะขายได้กำไร 5,000 ดอลลาร์ (5 ดอลลาร์ x 1,000 บาร์เรล) แต่ถ้าราคาลงไปที่ 78 ดอลลาร์ คุณจะขาดทุน 2,000 ดอลลาร์ เลเวอเรจทำให้กำไรและขาดทุนถูกขยายออกไป ดังนั้นควรเทรดด้วยความระมัดระวังเสมอ
เริ่มต้นด้วยสัญญาไมโครหรือมินิ เพื่อช่วยควบคุมความเสี่ยง
ติดตามข่าวสารตลาดและเหตุการณ์เศรษฐกิจอย่างสม่ำเสมอ
ทบทวนการเทรดของตัวเองเป็นประจำเพื่อเรียนรู้และพัฒนา
อย่าเสี่ยงมากกว่าที่คุณพร้อมจะเสียได้
การเทรด Oil Future สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีสำหรับเทรดเดอร์ที่มีวินัย รู้จักตลาด ใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสม และบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ
คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
เรียนรู้วิธีคํานวณ Position Size แบบแม่นยำ เพื่อบริหารความเสี่ยงและเพิ่มกำไรในการเทรดฟอเร็กซ์ พร้อมสูตรคำนวณและเทคนิคสำคัญ
2025-06-24สำรวจว่าราคาน้ำมันที่พุ่งสูงและนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่นส่งผลต่อค่าเงินเยนเทียบกับดอลลาร์ในปี 2568 อย่างไร ปัจจัยสำคัญ การคาดการณ์ และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการซื้อขายสำหรับ USD/JPY
2025-06-24Power Hour ในการซื้อขายคืออะไร ค้นพบจังหวะเวลา ความสำคัญ และกลยุทธ์ที่พิสูจน์แล้วในการใช้ประโยชน์จากความผันผวนของตลาดก่อนปิดตลาด
2025-06-24