Higher High Lower Low ในการเทรดคืออะไร?

2025-06-11
สรุป

รูปแบบ Higher High Lower Low มักเผยให้เห็นแนวโน้มตลาด สัญญาณการกลับตัว และช่วยให้เทรดเดอร์ค้นหาจุดเข้าและออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเข้าใจรูปแบบราคา ถือเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับนักเทรดทุกคนที่ต้องการประสบความสำเร็จในตลาด หนึ่งในรูปแบบกราฟที่สำคัญที่สุดคือรูปแบบ Higher High Lower Low แนวคิดง่ายๆ เหล่านี้ช่วยให้นักเทรดสามารถระบุแนวโน้มของราคา ค้นหาจุดกลับตัว และจับจังหวะการเข้าหรือออกจากตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


Higher High และ Lower Low ในการเทรดคืออะไร?

Higher High Lower Low

ในทางวิเคราะห์ทางเทคนิค “จุดสูง” (high) คือจุดสูงสุดที่ราคาขึ้นไปถึงก่อนที่จะปรับตัวลดลง ส่วน “จุดต่ำ” (low) คือจุดต่ำสุดก่อนที่ราคาจะกลับตัวขึ้นใหม่ ลำดับของจุดสูงและต่ำเหล่านี้เป็นโครงสร้างสำคัญของตลาด ช่วยให้นักเทรดประเมินได้ว่าฝ่ายซื้อ หรือฝ่ายขาย กำลังควบคุมตลาดอยู่


Higher High: สัญลักษณ์ของแนวโน้มขาขึ้น


“Higher high” เกิดขึ้นเมื่อราคาทำจุดสูงสุดใหม่ที่สูงกว่าจุดสูงสุดก่อนหน้า รูปแบบนี้บ่งชี้ว่าผู้ซื้อพร้อมจ่ายราคาที่สูงขึ้น แสดงถึงแรงขับเคลื่อนของตลาดที่แข็งแกร่ง เมื่อมีการเกิด higher high ติดต่อกันพร้อมกับ higher low (จุดต่ำใหม่ที่สูงกว่าจุดต่ำก่อนหน้า) จะยืนยันได้ว่าเป็นแนวโน้มขาขึ้นอย่างชัดเจน


ทำไมนักเทรดจึงควรใส่ใจ:


  • ยืนยันแนวโน้ม: การเกิด higher high และ higher low หลายครั้งติดต่อกัน แสดงให้เห็นว่าตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นที่มั่นคง เหมาะสำหรับโอกาสในการซื้อ

  • สัญญาณเข้าเทรด: นักเทรดมักจะเปิดสถานะซื้อ (long position) หลังจากราคาปรับตัวลงมาแตะที่ higher low โดยคาดหวังว่าราคาจะขึ้นไปทำ higher high ถัดไป


Lower Low: สัญลักษณ์ของแนวโน้มขาลง


“Lower low” เกิดขึ้นเมื่อราคาปรับตัวลงไปถึงจุดต่ำสุดใหม่ที่ต่ำกว่าจุดต่ำสุดก่อนหน้า รูปแบบนี้เป็นสัญญาณชัดเจนของความกังวลในตลาด (bearish sentiment) เนื่องจากผู้ขายมีอิทธิพลทำให้ราคาลดลง การเกิด lower lows ติดต่อกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคู่กับ lower highs จะยืนยันแนวโน้มขาลงอย่างชัดเจน


ทำไมนักเทรดจึงควรใส่ใจ:


  • โครงสร้างตลาดขาลง: การเกิด lower low และ lower high อย่างต่อเนื่อง แสดงถึงแรงกดดันจากผู้ขายที่แข็งแกร่ง เหมาะสำหรับกลยุทธ์การขายชอร์ต (short-selling)

  • จุดออกหรือเข้าเทรด: นักเทรดอาจเลือกปิดสถานะซื้อ หรือเปิดสถานะขายชอร์ต เมื่อเกิด lower high ตามด้วย lower low ใหม่


การผสมผสาน Higher High Lower Low: สัญญาณกลับตัวของแนวโน้ม


แม้ว่า higher high และ higher low จะบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้น ในขณะที่ lower low และ lower high เป็นสัญญาณของแนวโน้มขาลง แต่การเปลี่ยนผ่านระหว่างรูปแบบเหล่านี้มักเป็นจุดที่บ่งชี้ถึงการกลับตัวของแนวโน้มตลาด


  • จากแนวโน้มขาขึ้นสู่แนวโน้มขาลง: หากตลาดไม่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ที่สูงกว่าจุดสูงสุดก่อนหน้าได้ และกลับมาทำจุดต่ำสุดใหม่ที่ต่ำกว่าจุดต่ำสุดก่อนหน้า แสดงว่าแนวโน้มขาขึ้นกำลังอ่อนแรงและมีโอกาสเกิดการกลับตัวของแนวโน้มในไม่ช้า

  • จากแนวโน้มขาลงสู่แนวโน้มขาขึ้น: ในทางกลับกัน เมื่อราคาหยุดทำจุดต่ำสุดใหม่ที่ต่ำลงกว่าเดิม และกลับมาทำจุดสูงสุดใหม่ที่สูงกว่าจุดสูงสุดก่อนหน้า นั่นอาจเป็นสัญญาณว่ากำลังจะเริ่มต้นแนวโน้มขาขึ้นใหม่


การระบุการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้นักเทรดสามารถเข้า-ออกตำแหน่งได้ในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด


การประยุกต์ใช้จริงสำหรับเทรดเดอร์


1. การระบุจุดเข้าและจุดออก


  • ในแนวโน้มขาขึ้น การเข้าเทรดหลังจากราคาปรับตัวลงมาที่ higher low จะช่วยให้ได้โอกาสเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่ดี

  • ในแนวโน้มขาลง การเปิดสถานะขาย (short) หลังจากราคาทำ lower high จะช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไรสูงสุดเมื่อราคาทำ lower low ใหม่


2. การจัดการความเสี่ยง


  • วางคำสั่งหยุดขาดทุน (stop-loss) ไว้ต่ำกว่าจุด higher low ล่าสุดในแนวโน้มขาขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงขาลง

  • ในแนวโน้มขาลง ให้ตั้ง stop-loss ไว้เหนือจุด lower high ล่าสุดเพื่อจำกัดความเสี่ยงกรณีราคากลับตัวขึ้น


3. การยืนยันการทะลุแนวรับและการกลับตัว


  • การเบรคขึ้นเหนือจุดสูงสุดก่อนหน้าและทำจุด higher high ใหม่ จะช่วยยืนยันว่าแนวโน้มขาขึ้นกำลังเริ่มต้น

  • หากไม่สามารถทำจุด higher high หรือ lower low ใหม่ได้ อาจเป็นสัญญาณว่าแนวโน้มนั้นกำลังอ่อนแรงและมีโอกาสเกิดการกลับตัว


เทคนิคขั้นสูง: การปรับปรุงการวิเคราะห์ Higher High Lower Low

Higher High Lower Low Trading Strategy

นักเทรดมืออาชีพมักผสมผสานการวิเคราะห์ higher high และ lower low กับเครื่องมืออื่นๆ ดังนี้:


  • เส้นแนวโน้ม (Trendline): การลากเส้นเชื่อมจุดสูงสุดหรือต่ำสุดต่อเนื่องช่วยชี้ทิศทางแนวโน้มได้ชัดเจนขึ้น

  • ปริมาณการซื้อขาย (Volume): ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นในขณะที่เกิด higher high หรือ lower low จะทำให้สัญญาณมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น

  • ตัวชี้วัดทางเทคนิค (Indicator): เครื่องมือเช่น RSI, MACD หรือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) ช่วยยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้มหรือบอกสัญญาณความเบี่ยงเบน (divergence)


กรอบเวลามีความสำคัญ:


  • นักเทรดรายวัน (Day traders) มักใช้รูปแบบเหล่านี้บนกราฟ 1 นาที หรือ 5 นาที เพื่อการเทรดที่รวดเร็ว

  • นักเทรดสวิง (Swing traders) และนักลงทุน มักเน้นกราฟรายชั่วโมง รายวัน หรือรายสัปดาห์ เพื่อดูแนวโน้มในภาพกว้าง


ตัวอย่างจริง


สมมติหุ้นตัวหนึ่งเคลื่อนตัวจากราคา 100 ดอลลาร์ไปถึง 110 ดอลลาร์ จากนั้นปรับตัวลงมาที่ 105 ดอลลาร์ แล้วดีดตัวขึ้นไปถึง 115 ดอลลาร์ (higher high) และปรับตัวลงมาที่ 108 ดอลลาร์ (higher low) ชุดราคานี้เป็นสัญญาณของแนวโน้มขาขึ้น และนักเทรดอาจเลือกซื้อที่ราคา 108 ดอลลาร์ โดยคาดหวังว่าจะมีจุดสูงสุดใหม่ที่สูงกว่าเดิมอีกครั้ง


แต่ถ้าหุ้นนั้นปรับตัวลดลงไปที่ 102 ดอลลาร์ (lower low) นั่นอาจเป็นสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้ม ทำให้นักเทรดต้องพิจารณาตำแหน่งการลงทุนของตัวเองใหม่


บทสรุป


รูปแบบ higher high lower low เป็นเครื่องมือพื้นฐานที่สำคัญสำหรับเทรดเดอร์ในทุกตลาด เมื่อตระหนักและเข้าใจรูปแบบเหล่านี้ นักเทรดจะสามารถระบุแนวโน้มได้ดีขึ้น คาดการณ์การกลับตัวของราคาได้ล่วงหน้า และปรับแต่งกลยุทธ์การเข้า-ออกตำแหน่งให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น


ไม่ว่าจะเป็นนักเทรดรายวันหรือผู้ลงทุนระยะยาว การเชี่ยวชาญรูปแบบเหล่านี้จะช่วยเสริมการวิเคราะห์ทางเทคนิค และสนับสนุนการตัดสินใจเทรดที่มีข้อมูลรอบด้านมากขึ้น


คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

MACD สำหรับ Day Trader: ปรับแต่งเพื่อสัญญาณที่เร็วขึ้นและชาญฉลาดยิ่งขึ้น

MACD สำหรับ Day Trader: ปรับแต่งเพื่อสัญญาณที่เร็วขึ้นและชาญฉลาดยิ่งขึ้น

ค้นพบวิธีปรับแต่งการตั้งค่า MACD ให้เหมาะสมสำหรับการซื้อขายรายวัน หลีกเลี่ยงการแกว่งตัวของราคา และปรับปรุงสัญญาณเข้าด้วยพารามิเตอร์ที่รวดเร็วและเครื่องมือยืนยันอันชาญฉลาด

2025-06-12
ประวัติราคาน้ำมันตกต่ำ: เปรียบเทียบปี 2025 กับเหตุการณ์ตกต่ำในอดีต

ประวัติราคาน้ำมันตกต่ำ: เปรียบเทียบปี 2025 กับเหตุการณ์ตกต่ำในอดีต

ราคาน้ำมันที่ร่วงลงในปี 2025 แตกต่างจากครั้งก่อนๆ อย่างไร? มาดูกันว่าราคาน้ำมันที่ร่วงลงเมื่อเทียบกับครั้งก่อนๆ เป็นอย่างไร และส่งผลต่อนักลงทุนอย่างไร

2025-06-12
คำอธิบายเกี่ยวกับ Nasdaq 100 Futures สำหรับผู้ซื้อขายรายใหม่

คำอธิบายเกี่ยวกับ Nasdaq 100 Futures สำหรับผู้ซื้อขายรายใหม่

ค้นพบว่า Nasdaq 100 Futures คืออะไร ทำงานอย่างไร และกลยุทธ์สำคัญสำหรับผู้ค้ารายใหม่ที่ต้องการสัมผัสกับหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำและจัดการความเสี่ยง

2025-06-12