เรียนรู้วิธีที่นักเทรดสร้างกำไรจากความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ ด้วยกลยุทธ์อย่างการเทรดตามแนวโน้ม การเก็งกำไร และการตัดสินใจตามข่าวสารในภาวะตลาดที่มีความผันผวน
ตลาดน้ำมันดิบสปอตเป็นที่รู้จักดีในเรื่องความผันผวนสูง ซึ่งมอบทั้งความเสี่ยงและโอกาสให้กับนักเทรด เมื่อเข้าใจและใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสม ก็สามารถทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคาน้ำมันดิบได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเกิดจากเหตุการณ์ระดับโลก การเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์และอุปทาน หรือสัญญาณทางเทคนิค
การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบตั้งแต่วันที่ 2 ถึง 6 มิถุนายน 2025 ซึ่งถูกกระตุ้นโดยความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และความคาดหวังทางการค้า สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่าตลาดสามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วเพียงใด และนักเทรดที่เตรียมตัวพร้อมสามารถสร้างผลประโยชน์จากสถานการณ์นี้ได้อย่างไร
ราคาน้ำมันดิบสปอตคือมูลค่าตลาดปัจจุบันสำหรับการส่งมอบน้ำมันดิบในทันที ซึ่งแตกต่างจากสัญญาฟิวเจอร์สที่กำหนดราคาล่วงหน้าในอนาคต ตลาดสปอตตอบสนองต่อข้อมูลเศรษฐกิจ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และข่าวสารในอุตสาหกรรมทันที ความรวดเร็วนี้ทำให้เกิดความผันผวนของราคาอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นพื้นที่ที่เหมาะสำหรับนักเทรดที่ชอบความเคลื่อนไหวสูง
ในระหว่างวันที่ 2 ถึง 6 มิถุนายน 2025 ราคาน้ำมันดิบมีการพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ น้ำมันดิบ Brent ปรับตัวขึ้น 4% ขณะที่น้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 6.2% ซึ่งถือเป็นการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์ครั้งแรกในรอบสามสัปดาห์ การฟื้นตัวของราคานี้เกิดจากความคาดหวังในเชิงบวกเกี่ยวกับการเจรจาด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งช่วยกระตุ้นความเสี่ยงและเพิ่มความหวังในความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทั่วโลกที่แข็งแกร่งขึ้น
ราคาน้ำมันดิบ Brent ฟิวเจอร์สปรับตัวขึ้นไปแตะ 67.19 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในวันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน ขณะที่น้ำมันดิบ WTI สามารถทะลุแนวต้านทางเทคนิคสำคัญที่ 63.30 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยปิดที่ 64.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน ทำให้มีผลตอบแทนรายสัปดาห์สูงถึง 6.5%
ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน รายงานข่าวเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการโจมตีทางอิสราเอลต่อแหล่งนิวเคลียร์ของอิหร่าน ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของอุปทานในตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีความสำคัญต่อการส่งออกน้ำมันทั่วโลก ความกังวลดังกล่าว รวมถึงการเจรจาเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านและนโยบายการผลิตของกลุ่ม OPEC+ ได้เพิ่มแรงกดดันให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
1. การเทรดตามแนวโน้ม (Trend Trading)
กลยุทธ์นี้เน้นการวิเคราะห์ว่าแนวโน้มของตลาดน้ำมันอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลง และวางสถานะเทรดให้สอดคล้องกับแนวโน้มนั้น โดยอาศัยอินดิเคเตอร์ทางเทคนิค เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages), MACD และ RSI เพื่อยืนยันความแข็งแรงของแนวโน้ม เช่น การที่ WTI ทะลุแนวต้านที่ 63.30 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน เป็นสัญญาณเปลี่ยนแปลงในทิศทางของตลาด ทำให้นักเทรดจำนวนมากเปิดสถานะซื้อเพื่อตามกระแสโมเมนตัมที่เร่งตัวขึ้น
2. การเทรดระยะสั้น (Swing Trading)
การเทรดระยะสั้นมุ่งเน้นการเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงไม่กี่วันถึงหลายสัปดาห์ โดยช่วงที่ราคาพุ่งขึ้นระหว่างวันที่ 2–6 มิถุนายน 2025 นักเทรดที่เข้าซื้อใกล้ระดับแนวรับ และถือสถานะจนถึงแนวต้าน สามารถทำกำไรได้อย่างมากเมื่อราคาทะลุจุดสำคัญ
3. การเก็งกำไรจากส่วนต่างราคา (Arbitrage)
การเก็งกำไรจากส่วนต่างราคาคือการหากำไรจากราคาน้ำมันที่แตกต่างกันในตลาดต่าง ๆ โดยซื้อในตลาดที่ราคาต่ำ และขายในตลาดที่ราคาสูงกว่า ความผันผวนและความเคลื่อนไหวของราคาที่รวดเร็วในช่วงเวลาดังกล่าวได้เปิดโอกาสระยะสั้นให้กับนักเก็งกำไรที่เคลื่อนไหวเร็ว
4. การเทรดรายวัน (Day Trading)
การเทรดรายวันเน้นการเข้าออกสถานะภายในวันเดียว โดยใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของราคาที่เกิดขึ้นรวดเร็ว น้ำมันมีความอ่อนไหวต่อข่าว เช่น ความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน หรือสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ทำให้นักเทรดสามารถใช้ข้อมูลข่าวสาร และการวิเคราะห์ทางเทคนิคในการทำกำไรจากการแกว่งของราคาภายในวัน
5. การเทรดตามข่าว (News Trading)
การเทรดตามข่าวคือการเทรดโดยอาศัยปฏิกิริยาทันทีของตลาดต่อข่าวสำคัญ ช่วงราคาน้ำมันพุ่งขึ้นตั้งแต่วันที่ 2–6 มิถุนายน ส่วนหนึ่งเกิดจากรายงานข่าวเชิงบวกเกี่ยวกับการเจรจาสหรัฐฯ-จีน และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ นักเทรดที่ตอบสนองต่อข่าวได้รวดเร็วสามารถเก็บกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาได้
6. กลยุทธ์ออปชันและการเก็งกำไรจากความผันผวน (Options and Volatility Strategies)
นักเทรดบางรายใช้สัญญาออปชันเพื่อทำกำไรจากความผันผวน เช่น กลยุทธ์ Long Straddle ซึ่งคือการซื้อออปชัน Call และ Put ที่ราคาใช้สิทธิเท่ากัน เพื่อเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวที่รุนแรงในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ความผันผวนที่เกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนมิถุนายนเหมาะสำหรับการใช้กลยุทธ์เหล่านี้
7. การป้องกันความเสี่ยง (Hedging)
แม้โดยทั่วไปจะใช้ในหมู่ผู้ผลิตน้ำมัน แต่การป้องกันความเสี่ยงก็สามารถนำมาใช้โดยนักเทรดเพื่อบริหารความเสี่ยงเช่นกัน ด้วยการเปิดสถานะในฟิวเจอร์สหรือออปชันที่ชดเชยกัน นักเทรดสามารถลดผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของราคาที่ไม่พึงประสงค์ ขณะเดียวกันก็ยังมีโอกาสทำกำไรจากฝั่งที่ได้เปรียบในตลาด
การทะลุทางเทคนิค: นักเทรดที่มองเห็นการทะลุที่ระดับ 63.30 ดอลลาร์ของ WTI เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ได้เปิดสถานะซื้อและถือครองต่อเนื่อง พร้อมรับกำไรเมื่อราคาพุ่งขึ้นแตะ 64.60 ดอลลาร์ภายในวันที่ 6 มิถุนายน
การเคลื่อนไหวตามข่าว: ผู้ที่ตอบสนองต่อข่าวความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ–จีน หรือความตึงเครียดในตะวันออกกลางได้อย่างรวดเร็ว สามารถเก็บกำไรจากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันในช่วงสั้น ๆ
การเทรดระยะสั้นและการเทรดรายวัน: นักเทรดที่สามารถระบุระดับแนวรับแนวต้าน พร้อมกับจับตาดูปริมาณการซื้อขายและแรงโมเมนตัมของราคา สามารถทำกำไรได้จากการปรับตัวขึ้นของตลาดตลอดทั้งสัปดาห์นั้น
การทำกำไรจากความผันผวนของราคาน้ำมันดิบไม่ได้ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์เพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยวินัยในการบริหารความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด นักเทรดที่ประสบความสำเร็จมักตั้งคำสั่งหยุดขาดทุน (Stop-Loss) และทำกำไร (Take-Profit) ไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้การเทรดแต่ละครั้งไม่กระทบต่อเงินทุนทั้งหมดของพอร์ต นอกจากนี้ การกำหนดขนาดสถานะ (Position Sizing) และการกระจายการลงทุนไปยังสินค้าโภคภัณฑ์หรือสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง ยังเป็นแนวทางสำคัญในการลดความเสี่ยงโดยรวม
นักเทรดมักผสานการวิเคราะห์ทางเทคนิค โดยใช้เครื่องมืออย่างค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages), ดัชนี RSI และ Bollinger Bands เข้ากับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน เช่น ข้อมูลอุปสงค์-อุปทาน รายงานคลังสำรองน้ำมัน และแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาค วิธีการวิเคราะห์เชิงคู่ขนานนี้ช่วยให้สามารถคาดการณ์ความเคลื่อนไหวของราคาได้แม่นยำยิ่งขึ้น และตอบสนองต่อภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงที
ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบสปอตถือเป็นทั้งความท้าทายและโอกาส สำหรับนักเทรด การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันในช่วงวันที่ 2–6 มิถุนายน 2025 ที่ได้รับแรงหนุนจากความหวังในการเจรจาการค้าและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ เป็นเครื่องย้ำเตือนว่า ตลาดสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วเพียงใด
ด้วยการใช้กลยุทธ์อย่างการเทรดตามแนวโน้ม (Trend Trading), การเทรดแบบสวิง (Swing Trading), การทำกำไรจากส่วนต่างราคา (Arbitrage) และการตัดสินใจจากข่าวสาร พร้อมกับการบริหารความเสี่ยงอย่างมีวินัย นักเทรดจำนวนไม่น้อยสามารถทำกำไรจากความผันผวนที่ขึ้นชื่อของน้ำมันดิบได้อย่างต่อเนื่อง และเมื่อสถานการณ์ระดับโลกยังคงเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ผู้ที่สามารถปรับตัวได้รวดเร็วและติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด ย่อมมีโอกาสในการคว้าโอกาสครั้งใหญ่ครั้งต่อไปได้ก่อนใคร
คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
ติดตามราคาทองคำและเงินในปัจจุบัน สำรวจแนวโน้ม 10 ปี ปัจจัยสำคัญ อัตราส่วนราคา และเรียนรู้ว่าเวลาใดอาจเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการซื้อหรือลงทุน
2025-06-13เรียนรู้ว่าญี่ปุ่นใช้สกุลเงินอะไร บทบาทของญี่ปุ่นในฐานะสกุลเงินอย่างเป็นทางการ และเหตุใดจึงเป็นสกุลเงินที่ผู้ค้าสกุลเงินทั่วโลกชื่นชอบ
2025-06-13ค้นพบว่า SWPPX ของ Schwab มอบการเข้าถึง S&P 500 ต้นทุนต่ำได้อย่างไร พร้อมมอบประสิทธิภาพที่มั่นคงและความแข็งแกร่งของพอร์ตโฟลิโอในระยะยาว
2025-06-13