เวลาในการเทรด Forex มีความสำคัญต่อนักเทรดจริงหรือไม่?

2025-05-29
สรุป

เวลาในการเทรด Forex ส่งผลต่อกลยุทธ์ของคุณโดยตรง เพราะแต่ละช่วงมีความผันผวนและสภาพคล่องต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อโอกาสทำกำไรในตลาดโลก

หนึ่งในสิ่งที่ทำให้การเทรด Forex น่าสนใจคือ ตลาดเปิดให้เทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน และเปิดทำการถึง 5 วันต่อสัปดาห์ แต่การที่คุณสามารถเทรดได้ทุกเวลานั้น ไม่ได้แปลว่าทุกช่วงเวลาจะเหมาะกับการทำกำไรเท่ากัน


เบื้องหลังของการเทรดที่ประสบความสำเร็จ คือการเข้าใจเรื่อง “จังหวะเวลา” ซึ่งเริ่มจากการรู้ว่าแต่ละช่วงของเวลาในการเทรด Forex ส่งผลต่อพฤติกรรมของตลาดอย่างไรบ้าง

ทำความเข้าใจเวลาในการเทรด Forex

ทำความเข้าใจเวลาในการเทรด Forex

เวลาในการเทรด Forex หมายถึงช่วงเวลาที่ศูนย์กลางการเงินหลักของโลกเปิดทำการ โดยทั่วไปจะอิงตามเวลาทำการของ 4 เมืองใหญ่ ได้แก่ ซิดนีย์ โตเกียว ลอนดอน และนิวยอร์ก


เวลาทำการของแต่ละตลาด (ตามเวลา GMT):

  • ตลาดซิดนีย์: 22:00–07:00

  • ตลาดโตเกียว: 00:00–09:00

  • ตลาดลอนดอน: 08:00–17:00

  • ตลาดนิวยอร์ก: 13:00–22:00


แม้ว่าตลาด Forex จะเป็นตลาดแบบไร้ศูนย์กลาง (Decentralised) แต่ช่วงเวลาเหล่านี้กลับมีบทบาทสำคัญในการกำหนดจังหวะการเคลื่อนไหวของตลาด โดยแต่ละช่วงเวลาจะมีระดับของสภาพคล่อง ความผันผวน และโอกาสในการเทรดที่แตกต่างกันออกไป

สภาพคล่องและความผันผวน: ทำไมจังหวะเวลาจึงมีผลต่อกลยุทธ์


สภาพคล่อง (Liquidity) หมายถึงความง่ายในการเปิดหรือปิดสถานะซื้อขาย โดยไม่ทำให้ราคาผันผวนมาก ส่วนความผันผวน (Volatility) คือระดับการเปลี่ยนแปลงของราคาในช่วงเวลาหนึ่ง โดยเวลาในการเทรด Forex ต่างกัน ย่อมมีระดับของสภาพคล่องและความผันผวนที่ต่างกันเช่นกัน


  • ตลาดเอเชีย (โตเกียว): มักเป็นช่วงที่ตลาดค่อนข้างสงบ ความผันผวนไม่สูงมาก การเคลื่อนไหวของราคามีแนวโน้มเป็นไปตามหลักเทคนิค เหมาะกับนักเทรดสายเก็บสั้น (Scalper) หรือผู้ที่เทรดคู่เงินที่เกี่ยวข้องกับเงินเยน

  • ตลาดลอนดอน: เป็นช่วงที่ตลาดเริ่มคึกคัก มีสภาพคล่องสูงและราคามักเคลื่อนไหวรวดเร็ว เหมาะกับนักเทรดรายวัน (Day Trader) หรือผู้ที่ชอบกลยุทธ์ Breakout

  • ตลาดนิวยอร์ก: ยังคงมีปริมาณการซื้อขายสูง โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดลอนดอนและนิวยอร์กเปิดทับซ้อนกัน ซึ่งมักเกิดการเคลื่อนไหวแรงเหมาะกับการเทรดคู่เงินหลัก เช่น EUR/USD และ GBP/USD

  • ตลาดซิดนีย์: ถือว่าเป็นช่วงที่ตลาดเงียบที่สุด แต่ก็อาจสร้างโอกาส สำหรับผู้ที่เน้นคู่เงินอย่าง AUD หรือ NZD โดยเฉพาะในช่วงข่าวเศรษฐกิจของออสเตรเลียหรือนิวซีแลนด์


การเลือกใช้กลยุทธ์ให้สอดคล้องกับช่วงเวลาในการเทรด Forex จึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่สามารถส่งผลอย่างมากต่อความสำเร็จในการเทรดของคุณ


เวลาที่ตลาดทับซ้อนกัน: จังหวะที่ตลาดคึกคักที่สุด

เวลาที่ตลาด Forex คึกคักมากที่สุด มักเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดหลักสองแห่งเปิดทำการพร้อมกัน ซึ่งจะทำให้ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด


  • ช่วงที่ตลาดลอนดอน–นิวยอร์กทับซ้อนกัน (13:00 – 17:00 GMT) : ถือเป็นช่วงเวลาที่มีสภาพคล่องสูงที่สุด และความผันผวนมากที่สุดข่าวเศรษฐกิจสำคัญจากทั้งสองภูมิภาคสามารถกระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนไหวของราคาครั้งใหญ่

  • ช่วงที่ตลาดโตเกียว–ลอนดอนทับซ้อนกัน (08:00 – 09:00 GMT) : เป็นช่วงสั้น ๆ ที่มีการเคลื่อนไหวในระดับปานกลาง เหมาะกับการหาจังหวะเทรดในคู่เงินอย่าง GBP/JPY หรือ EUR/JPY


ช่วงเวลาที่ตลาดทับซ้อนกันจึงเป็นโอกาสทองของนักเทรดสายรายวัน (Intraday) ที่ต้องการการเคลื่อนไหวเร็วและสเปรดที่แคบ


บทบาทของข่าวเศรษฐกิจสำหรับเวลาในการเทรด Forex


การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจมักถูกกำหนดเวลาให้ตรงกับช่วงเวลาทำการหลักของแต่ละภูมิภาค ตัวอย่างเช่น:

  • ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ (Non-Farm Payrolls) มักประกาศในช่วงตลาดนิวยอร์ก

  • การแถลงข่าวของธนาคารกลางยุโรป (ECB) มักเกิดขึ้นในช่วงตลาดลอนดอน

  • การตัดสินใจนโยบายการเงินของญี่ปุ่นมักประกาศในช่วงตลาดโตเกียว


การเข้าใจช่วงเวลาในการเทรด Forex ช่วยให้นักเทรดสามารถวางแผนล่วงหน้าได้ว่าช่วงเวลาใดมีโอกาสที่ข่าวสำคัญจะส่งแรงกระเพื่อมต่อตลาดมากที่สุด


ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเวลาในการเทรด Forex

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเวลาในการเทรด Forex

มาทำความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับเวลาในการเทรด Forex ที่อาจทำให้นักเทรดหลายคนหลงทาง:


เชื่อว่าทำกำไรได้ทุกช่วงเวลา

ความจริงคือ: ช่วงเวลาที่ตลาดบางแห่งเปิดเพียงตลาดเดียว เช่น ช่วงตลาดซิดนีย์ มักมีสภาพคล่องต่ำ สเปรดกว้าง และราคาผันผวนแบบคาดเดายาก ทำให้การเทรดยากขึ้นและเสี่ยงมากขึ้น


เชื่อว่ายิ่งผันผวน ยิ่งมีโอกาส

ความจริงคือ: แม้ความผันผวนจะดึงดูดใจ แต่ถ้าไม่มีทิศทางชัดเจน อาจทำให้ราคากลับตัวแรงแบบไร้แบบแผน จนโดนตัดขาดทุนก่อนที่ตลาดจะไปถึงเป้าหมาย


เชื่อว่าทุกช่วงเวลาใช้ได้กับทุกคู่เงิน

ความจริงคือ: คู่เงินบางคู่จะเคลื่อนไหวดีเฉพาะในบางช่วงเวลา เช่น คู่ AUD หรือ NZD มักเคลื่อนไหวเด่นในช่วงซิดนีย์–โตเกียว ส่วน EUR/USD มักทำผลงานดีในช่วงลอนดอน–นิวยอร์กซึ่งมีปริมาณการซื้อขายสูงสุด


ดังนั้น เวลาในการเทรด Forex ไม่ใช่แค่บอกว่าตลาดเปิดหรือปิดเมื่อไหร่ แต่ยังช่วยบอกด้วยว่าเมื่อไหร่ที่กลยุทธ์ของคุณมีโอกาสสำเร็จมากที่สุด


การปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับเวลา

นักเทรดบางคนถึงขั้นออกแบบแผนการเทรดทั้งหมดตามเวลาในการเทรด Forex โดยมีกลยุทธ์เฉพาะที่เหมาะกับแต่ละช่วง เช่น:

  • นักเทรดช่วงเอเชีย: เน้นกลยุทธ์ที่เล่นในกรอบ (Range-bound) หรือกลยุทธ์กลับสู่ค่าเฉลี่ย (Mean Reversion) โดยใช้คู่เงินอย่าง AUD/JPY หรือ USD/JPY

  • นักเทรดช่วงยุโรป: พิจารณากลยุทธ์ตามแนวโน้มหรือกลยุทธ์ Breakout โดยเฉพาะคู่ GBP/USD หรือ EUR/GBP

  • นักเทรดช่วงสหรัฐฯ: ใช้กลยุทธ์แบบตามโมเมนตัม โดยเฉพาะช่วงเวลาที่มีข่าวเศรษฐกิจ ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับคู่เงินที่มี USD


แทนที่จะฝืนเทรดในช่วงที่ตลาดเงียบ การเลือกช่วงเวลาที่สอดคล้องกับคู่เงินและสไตล์ของตลาดที่คุณถนัด จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเทรดอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


บทบาทของ Copy Trading และเวลาในการเทรด Forex


บนแพลตฟอร์ม Copy Trading แบบไม่มีค่าธรรมเนียมอย่าง EBC นักเทรดไม่ได้แค่ดูกราฟราคาเท่านั้น แต่ยังดูวิธีเทรดของกันและกันด้วย ซึ่งช่วงเวลาที่เลือกเทรดก็สำคัญมาก


ผู้ติดตามมักชอบเลือกนักเทรดที่มีกลยุทธ์ตรงกับช่วงเวลาที่ตลาดคึกคัก เช่น นักเทรดที่ทำกำไรดีในช่วงลอนดอน–นิวยอร์ก มักได้รับความนิยมมากกว่าคนที่เทรดในช่วงตลาดซิดนีย์ซึ่งเงียบกว่า


Copy Trading จึงเป็นตัวอย่างของการเรียนรู้ร่วมกัน ความโปร่งใส และการเลือกเวลาเทรดให้เหมาะสม ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลกำไรในตลาดForexได้ดียิ่งขึ้น


สรุป


เวลาในการเทรด Forex ไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก ๆ แต่เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยวางกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการรู้ว่าเมื่อไหร่ควรเทรดสำคัญไม่แพ้การรู้ว่าจะเทรดอะไร


ไม่ว่าคุณจะเทรดด้วยตัวเองหรือใช้ Copy Trading การเลือกช่วงเวลาให้ตรงกับตลาด จะช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไร ทำให้คุณจับจังหวะตลาดได้ดีขึ้น บริหารความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม และปรับตัวตามการเคลื่อนไหวของแต่ละภูมิภาคได้อย่างลงตัว ในโลกของ Fore xแล้ว “เวลาที่เหมาะสม” คือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ


คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

MACD สำหรับ Day Trader: ปรับแต่งเพื่อสัญญาณที่เร็วขึ้นและชาญฉลาดยิ่งขึ้น

MACD สำหรับ Day Trader: ปรับแต่งเพื่อสัญญาณที่เร็วขึ้นและชาญฉลาดยิ่งขึ้น

ค้นพบวิธีปรับแต่งการตั้งค่า MACD ให้เหมาะสมสำหรับการซื้อขายรายวัน หลีกเลี่ยงการแกว่งตัวของราคา และปรับปรุงสัญญาณเข้าด้วยพารามิเตอร์ที่รวดเร็วและเครื่องมือยืนยันอันชาญฉลาด

2025-06-12
ประวัติราคาน้ำมันตกต่ำ: เปรียบเทียบปี 2025 กับเหตุการณ์ตกต่ำในอดีต

ประวัติราคาน้ำมันตกต่ำ: เปรียบเทียบปี 2025 กับเหตุการณ์ตกต่ำในอดีต

ราคาน้ำมันที่ร่วงลงในปี 2025 แตกต่างจากครั้งก่อนๆ อย่างไร? มาดูกันว่าราคาน้ำมันที่ร่วงลงเมื่อเทียบกับครั้งก่อนๆ เป็นอย่างไร และส่งผลต่อนักลงทุนอย่างไร

2025-06-12
คำอธิบายเกี่ยวกับ Nasdaq 100 Futures สำหรับผู้ซื้อขายรายใหม่

คำอธิบายเกี่ยวกับ Nasdaq 100 Futures สำหรับผู้ซื้อขายรายใหม่

ค้นพบว่า Nasdaq 100 Futures คืออะไร ทำงานอย่างไร และกลยุทธ์สำคัญสำหรับผู้ค้ารายใหม่ที่ต้องการสัมผัสกับหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำและจัดการความเสี่ยง

2025-06-12