Natural Rate of Unemployment คืออะไร? 7 ประเด็นสำคัญ

2025-05-27
สรุป

เจาะลึกว่า Natural Rate of Unemployment คืออะไร พร้อมทำความเข้าใจสาเหตุ ผลกระทบที่เกิดขึ้น และความแตกต่างระหว่างการว่างงานตามธรรมชาติกับการว่างงานแบบวัฏจักรอย่างชัดเจนในบทความนี้

การทำความเข้าใจว่า Natural Rate of Unemployment หรืออัตราการว่างงานตามธรรมชาติ คืออะไร ถือเป็นกุญแจสำคัญในการมองภาพรวมของตลาดแรงงานในระยะยาว เนื่องจากต่างจากการว่างงานแบบวัฏจักรที่เปลี่ยนแปลงตามภาวะเศรษฐกิจขึ้นลง Natural Rate of Unemployment นั้นสะท้อนระดับพื้นฐานที่ยังคงอยู่ แม้ในช่วงที่เศรษฐกิจอยู่ในภาวะปกติหรือเติบโตดี


ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จัก Natural Rate of Unemployment ผ่าน 7 ประเด็นสำคัญที่อธิบายว่ามันคืออะไร เกิดจากอะไร และเหตุใดจึงมีความสำคัญ ทั้งต่อผู้กำหนดนโยบาย ภาคธุรกิจ และนักลงทุน


Natural Rate of Unemployment : 7 สิ่งที่ควรรู้

Natural Rate of Unemployment

1. Natural Rate of Unemployment มีอยู่ตลอดเวลา

แม้เศรษฐกิจจะทำงานได้เต็มที่เต็มประสิทธิภาพ ก็ยังมีคนบางส่วนที่ว่างงานอยู่เสมอ เพราะมีคนที่กำลังเปลี่ยนงาน หรือทักษะของคนบางคนไม่ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานในช่วงนั้น ระดับการว่างงานพื้นฐานนี้เราเรียกว่า Natural Rate of Unemployment


ดังนั้น การที่ไม่มีการว่างงานเลยจึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก และอาจไม่ใช่สิ่งที่ดี เพราะอาจแปลว่าตลาดแรงงานนั้นแข็งตัวจนเกินไป และขาดความยืดหยุ่นในการปรับตัว


2. ปัจจัยด้านแรงเสียดทานและโครงสร้างเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก


Natural Rate of Unemployment ประกอบด้วยการว่างงาน 2 ประเภทหลัก ๆ คือ การว่างงานแบบแรงเสียดทานและการว่างงานแบบโครงสร้าง การว่างงานแบบแรงเสียดทานเกิดขึ้นเมื่อคนลาออกจากงานหรือเพิ่งเข้าตลาดแรงงาน จึงต้องใช้เวลาหางานที่เหมาะสมกับตัวเอง


ส่วนการว่างงานแบบโครงสร้างเกิดจากความไม่ตรงกันระหว่างทักษะของคนทำงานกับงานที่เปิดรับ เช่น การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี โลกาภิวัตน์ หรือการเปลี่ยนแปลงความต้องการในตลาด ทั้งสองแบบนี้ถือเป็นกระบวนการปกติที่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา


3. อัตรานี้เปลี่ยนแปลงตามเวลาและแตกต่างกันในแต่ละประเทศ


ไม่มี Natural Rate of Unemployment ที่คงที่เหมือนกันทั่วโลก มันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามช่วงเวลาและแตกต่างกันในแต่ละประเทศ และแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญระหว่างประเทศต่าง ๆ


ในประเทศที่พัฒนาแล้ว อัตรานี้มักอยู่ประมาณ 4-5% อย่างไรก็ตาม ปัจจัยต่าง ๆ เช่น กฎระเบียบของตลาดแรงงาน การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และระบบการศึกษา สามารถทำให้อัตรานี้เพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ตามสถานการณ์


4. Natural Rate of Unemployment และการจ้างงานเต็มที่สามารถเกิดขึ้นพร้อมกันได้


แม้หลายคนจะคิดว่าภาวะการจ้างงานเต็มที่หมายถึงไม่มีคนว่างงานเลย แต่นักเศรษฐศาสตร์นิยามว่า ภาวะนี้คือช่วงที่มีการว่างงานแค่ในระดับธรรมชาติเท่านั้น


ในช่วงนี้ ทุกคนที่ต้องการทำงานและมีทักษะตรงตามความต้องการในอัตราค่าจ้างปัจจุบัน จะได้งานทำ ส่วนคนที่ยังว่างงานอยู่ก็จะเป็นกลุ่มที่กำลังเปลี่ยนงานหรือมีทักษะที่ไม่ตรงกับตลาด ดังนั้น ภาวะการจ้างงานเต็มที่จึงไม่ได้แปลว่าจะไม่มีการว่างงานเลย แต่มักมีการว่างงานในระดับหนึ่งที่ถือว่าเป็นเรื่องปกติในเศรษฐกิจ


5. Natural Rate of Unemployment ไม่สามารถสังเกตได้โดยตรง


Natural Rate of Unemployment ต่างจากตัวเลขการว่างงานที่เราสามารถหามาได้จากสถิติ อัตรานี้นั้นต้องใช้แบบจำลองทางเศรษฐกิจมาช่วยประมาณ ซึ่งแบบจำลองนี้จะอ้างอิงข้อมูลระยะยาวและสมมติฐานต่าง ๆ เช่น อัตราเงินเฟ้อ ผลผลิต และพฤติกรรมตลาดแรงงาน


ดังนั้น อัตรานี้จึงเป็นแนวคิดเชิงทฤษฎีมากกว่าตัวเลขที่แน่นอน แต่ยังคงมีความสำคัญอย่างมากในการช่วยวางนโยบายและวิเคราะห์ทิศทางเศรษฐกิจ


6. ทำไมนักนโยบายเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด

Natural Rate of Unemployment ของสหรัฐฯ ปี 2025

นักนโยบาย โดยเฉพาะธนาคารกลาง มักให้ความสำคัญกับการติดตามอัตรานี้อย่างใกล้ชิด เพราะมันช่วยเป็นตัวชี้วัดสำคัญในการกำหนดนโยบายดอกเบี้ยและการคลัง หากอัตราการว่างงานจริงต่ำกว่าระดับตามธรรมชาติมาก ๆ ก็อาจหมายความว่าเศรษฐกิจกำลังร้อนแรงเกินไป จนอาจทำให้เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นได้


ในทางกลับกัน หากอัตราการว่างงานสูงกว่าระดับตามธรรมชาติเป็นเวลานาน อาจบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เติบโตตามเป้าและจำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจการเข้าใจตำแหน่งของเศรษฐกิจเมื่อเทียบกับอัตรานี้จึงช่วยให้นโยบายมีความมั่นคงและยั่งยืนมากขึ้น


7. ลักษณะสำคัญของ Natural Rate of Unemployment


Natural Rate of Unemployment มีลักษณะเด่นที่ทำให้แตกต่างจากการว่างงานทั่วไป ดังนี้


1) ไม่เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย

  • อัตรานี้ยังคงมีอยู่ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวหรือขยายตัว


2) แสดงถึงความสมดุลในระยะยาว

  • เป็นจุดที่จำนวนคนหางานและตำแหน่งงานว่างอยู่ในสมดุลกัน



3) สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามนโยบายและนวัตกรรม

  • เช่น การปรับปรุงระบบการศึกษา การฝึกอบรมแรงงานใหม่ หรือการเปลี่ยนแปลงกฎหมายแรงงาน จะส่งผลต่ออัตรานี้ได้


4) อยู่ร่วมกับความมั่นคงของเงินเฟ้อ

  • เมื่อเศรษฐกิจอยู่ที่อัตรานี้ เงินเฟ้อจะค่อนข้างนิ่งและเสถียร จึงมักนำมาใช้ในโมเดลที่ตั้งเป้าหมายเงินเฟ้อ


5) เป็นพื้นฐานของแนวคิดอัตราการว่างงานที่ไม่เร่งตัวขึ้นของเงินเฟ้อ (NAIRU)

  • แนวคิดนี้ช่วยบอกได้ว่าเมื่อไหร่ที่อัตราการว่างงานต่ำลงจนเริ่มทำให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น


สรุป


Natural Rate of Unemployment คือหนึ่งในแนวคิดที่สำคัญที่สุด แต่กลับมักถูกเข้าใจผิดในด้านเศรษฐศาสตร์แรงงาน แนวคิดนี้สะท้อนให้เห็นว่าการว่างงานในระดับหนึ่งเป็นเรื่องปกติและยังเป็นสิ่งที่ดีต่อการทำงานของเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพ


เมื่อเราเข้าใจว่าปัจจัยใดที่ส่งผลต่ออัตราการว่างงานตามธรรมชาติ วิธีการพัฒนา และเหตุใดจึงมีความสำคัญ เราก็จะได้รับความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับภาพรวมเศรษฐกิจที่กว้างขึ้น


คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

CFD ในรูปแบบเต็มคืออะไร และทำงานอย่างไร?

CFD ในรูปแบบเต็มคืออะไร และทำงานอย่างไร?

เรียนรู้รูปแบบเต็มของ CFD ในด้านการเงิน การทำงานของสัญญาซื้อขายส่วนต่าง และเหตุใดจึงเป็นที่นิยมในการซื้อขายหุ้น ฟอเร็กซ์ ดัชนี และอื่นๆ

2025-05-30
สัญญาณการซื้อขาย 10 อันดับแรกที่เทรดเดอร์ทุกคนควรทราบในปี 2025

สัญญาณการซื้อขาย 10 อันดับแรกที่เทรดเดอร์ทุกคนควรทราบในปี 2025

ตั้งแต่ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ไปจนถึงตัวกระตุ้น RSI สำรวจสัญญาณการซื้อขาย 10 อันดับแรกที่สามารถช่วยให้คุณซื้อขายด้วยความมั่นใจและแม่นยำยิ่งขึ้นในปี 2568

2025-05-30
Market Cap คืออะไร และเหตุใดจึงสำคัญสำหรับผู้ซื้อขาย?

Market Cap คืออะไร และเหตุใดจึงสำคัญสำหรับผู้ซื้อขาย?

เรียนรู้ว่ามูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดหมายถึงอะไร คำนวณอย่างไร และเหตุใดจึงมีความสำคัญต่อผู้ซื้อขาย ทำความเข้าใจขนาด ความเสี่ยง และมูลค่าของบริษัทด้วยตัวอย่างจากโลกแห่งความเป็นจริง

2025-05-30