ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันศุกร์ โดยลดการขาดทุนรายสัปดาห์ ท่ามกลางความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่เพิ่มมากขึ้นจากรายงานแผนโจมตีอิสราเอลของอิหร่าน
ราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นต่อเนื่องในวันศุกร์ โดยพุ่งขึ้นมากกว่า 1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และลดการขาดทุนรายสัปดาห์ลง เนื่องจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางที่เพิ่มขึ้น หลังจากมีรายงานว่าอิหร่านกำลังเตรียมโจมตีตอบโต้อิสราเอลจากอิรัก
EIA ระบุว่าปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ ลดลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี เนื่องมาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ปริมาณสำรองน้ำมันดิบก็ลดลงอย่างน่าประหลาดใจเช่นกัน เนื่องจากการนำเข้าลดลง แต่ผลผลิตน้ำมันหินดินดานยังคงเพิ่มขึ้น
กิจกรรมการผลิตของจีนขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบหกเดือน และภาคการบริการฟื้นตัวในเดือนตุลาคม ซึ่งบ่งชี้ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดของปักกิ่งกำลังช่วยฟื้นเศรษฐกิจที่ตกต่ำให้กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง
IEA ประมาณการว่าการบริโภคในประเทศเอเชียหดตัวติดต่อกัน 4 เดือน ส่งผลให้ความต้องการน้ำมันทั่วโลกเติบโตในอัตราที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่การระบาดใหญ่ในปี 2020 คลื่นความตกตะลึงจากการเลือกตั้งสหรัฐฯ ทำให้เกิดความไม่แน่นอนมากขึ้น
แม้จะมีสัญญาณการปรับปรุงเพียงเล็กน้อย แต่ผู้ค้าและนักวิเคราะห์ที่สำรวจโดย Bloomberg ก็ไม่ได้มั่นใจอีกต่อไปว่า OPEC+ จะพร้อมที่จะดำเนินการตามแผนฟื้นฟูการผลิตในเดือนธันวาคม เนื่องจากแนวโน้มที่ไม่แน่นอน
ราคาจะพุ่งไปถึง 60 เหรียญในปีหน้า และอาจลดลงหากกลุ่ม OPEC+ เปิดก๊อก ตามรายงานของ Citigroup และ JPMorgan Chase RBC เชื่อว่าริยาดอาจเร่งกำหนดตารางเวลาในการเพิ่มอุปทานให้เร็วขึ้น
ราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นเหนือ 70 เหรียญสหรัฐ แต่ยังคงถูกกดดันอย่างหนักที่เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 หากแนวต้านยังคงอยู่ ราคาอาจตกลงมาต่ำกว่า 67 เหรียญสหรัฐอีกครั้งในช่วงการซื้อขายถัดไป
คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ